Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 217

สรุปบท ตอนที่ 217 วางขายอย่างเป็นทางการ: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

ตอนที่ 217 วางขายอย่างเป็นทางการ – ตอนที่ต้องอ่านของ Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

ตอนนี้ของ Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายการเงินทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 217 วางขายอย่างเป็นทางการ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตอนที่ 217 วางขายอย่างเป็นทางการ

มหาเทพ เทพสูงสุด

แค่ชื่อตำแหน่งก็ฟังดูเบียวสุดๆ

แต่นักอ่านที่ชื่นชอบนิยายแฟนตาซี ก็ต่างมีความเบียวในตัวเองกันทั้งนั้น

ชื่ออย่างเป็นทางการในการคัดเลือกนี้ น่าจะนับว่าเหมาะกับนักอ่านรุ่นเยาว์ที่ชื่นชอบนิยายประเภทนี้

ถึงอย่างไรทุกคนยังเรียกนักเขียนที่ตนชื่นชอบว่า ‘มหาเทพ’ อยู่ดี

ยังมีคำเรียกว่า ‘เจ้าแก่’

แต่คำเรียกนี้มีจำนวนน้อย

มีเพียงบรรดานักเขียนที่ทำให้ผู้อ่านทั้งรักทั้งเกลียด ถึงจะถูกผู้อ่านเรียกว่าเจ้าแก่

ถ้าหากมีการคัดเลือกตำแหน่ง ‘เจ้าแก่’ นักเขียนซึ่งเขียนให้ปี้เหยาตายอย่างฉู่ขวงเห็นทีคงจะติดอันดับอย่างไม่ต้องสงสัย

เดิมทีหลินเยวียนไม่ได้สนใจชื่อเรียกเหล่านี้หรอก…

จนกระทั่งเขารู้ว่า ‘เทพสูงสุด’ จะทำให้เขาได้เงื่อนไขในสัญญาที่ดีกว่าเดิม

ชั่วขณะนั้นในใจของหลินเยวียนโหยหาสิ่งที่เรียกว่า ‘เทพสูงสุด’ เฉกเช่นเดียวกับที่เขาคาดหวังว่าตนจะเป็น ‘พ่อเพลง’ ให้ได้

เมื่อเทียบกันแล้ว การคัดเลือกในวงการเรื่องสั้น นอกจากชื่อเสียงในทางที่ดี ในความจริงแล้วไม่มีข้อดีอื่นเลยหรือ?

แน่นอนว่าเรื่องนี้ยังมีข้อดีอยู่บ้าง

หากเอ่ยถึงเรื่องรายได้เพียงอย่างเดียว นิยายขนาดยาวได้เปรียบเรื่องสั้นนั้นเป็นความจริง และนี่ก็เป็นเหตุผลที่หลินเยวียนยังไม่ยอมวางมือจากการเขียนนิยายขนาดยาว

ช่วงเวลาหลังจากนั้น หลินเยวียนก็ให้ความสนใจกับการคัดเลือกไปโดยปริยาย

หนังสือพิมพ์วรรณศิลป์ซึ่งคัดเลือกนักเขียนเรื่องสั้นฝั่งฉินและฉีก่อนหน้านี้ จัดเป็นหน่วยงานในสังกัด และเป็นหนังสือพิมพ์ในเครือสมาคมวรรณศิลป์

การคัดเลือกเรื่องสั้นมีหนังสือพิมพ์วรรณศิลป์เป็นผู้รับผิดชอบ

การคัดเลือกนิยายขนาดยาว กลับดำเนินการโดยสำนักงานใหญ่สมาคมวรรณศิลป์ นอกจากนั้นก็ยังเตรียมการมาสักระยะแล้ว ไม่เช่นนั้นโลกภายนอกคงไม่รู้เรื่องล่วงหน้าหรอก

และผู้ที่อยู่ในหลากหลายวงการมากเกินไปอย่างหลินเยวียนก็ไม่ค่อยรู้ข้อมูลใหม่ของบางวงการ

ครั้นถึงช่วงกลางเดือนพฤษภาคม

ในที่สุดการคัดเลือกมหาเทพและเทพสูงสุดก็เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมออกมา

สมาคมวรรณศิลป์เผยแพร่บทความในหนังสือพิมพ์วรรณศิลป์ ‘นับแต่นี้ การคัดเลือกจะจัดขึ้นปีละหนึ่งครั้ง เพราะฉะนั้นจะมีมหาเทพและเทพสูงสุดถือกำเนิดขึ้นทุกปี ส่วนจำนวนโดยละเอียดนั้นยังรอการยืนยัน ทว่าจำนวนคนของการคัดเลือกในครั้งแรกนั้นได้รับการยืนยันเป็นที่เรียบร้อย พวกเราจะคัดเลือกนักเขียนนิยายแฟนตาซีระดับมหาเทพสิบท่าน และระดับเทพสูงสุดอีกสามท่านด้วยความยุติธรรมและเปิดเผย…’

เป็นดังคาด

โควตาของเทพสูงสุดซึ่งมีความยากระดับยิ่งยวดนั้นมีเพียงสามตำแหน่ง เป็นไปได้มากว่าพวกเขาจะมอบให้นักเขียนนิยายแฟนตาซีระดับสูงซึ่งมีชื่อเสียงมาหลายปีและมีผลงานคงเส้นคงวามาโดยตลอด!

ส่วนมหาเทพนั้นมีมากสักหน่อย มีถึงสิบตำแหน่งถ้วน

มิน่าล่ะคลังหนังสือซิลเวอร์บลูถึงคิดว่าฉู่ขวงสามารถคว้าตำแหน่งมหาเทพได้

ถึงแม้จะเปิดตัวค่อนข้างช้า แต่อิทธิพลของฉู่ขวงกลับไม่ใช่สิ่งที่นักเขียนนิยายทั่วไปสามารถเทียบได้!

ถึงขั้นที่มีบุคลากรในวงการไม่น้อยที่เริ่มคาดการณ์กันไปบ้างแล้ว

การจัดอันดับนี้ ที่จริงแล้วสามารถคาดเดาผลลัพธ์ได้ส่วนหนึ่ง ถึงอย่างไรเหล่าบรรณาธิการก็เป็นกลุ่มคนที่เข้าใจถึงผลงานของนักเขียนนิยายอย่างถ่องแท้มากที่สุด

และในการคาดเดาส่วนใหญ่ ก็มีฉู่ขวงเป็นหนึ่งในนั้น

‘หากว่ากันจากยอดขาย ฉู่ขวงไม่ได้มีข้อได้เปรียบที่จะถูกคัดเลือกเป็นมหาเทพมากนัก แต่ช่วยไม่ได้ที่ฉู่ขวงมีอิทธิพลต่ออุตสาหกรรมนิยาย เขาเป็นนักเขียนที่สร้างนิยายประเภทใหม่เอี่ยมถึงสองครั้งติดต่อกัน จะได้ตำแหน่งมหาเทพก็ไม่เกินเหตุหรอก’

หลายคนเห็นด้วยกับเรื่องนี้

ไม่มีใครปฏิเสธความจริงในจุดนี้ นิยายแนวการแข่งขันกีฬาและแนวเทพเซียนกำลังภายในที่ฉู่ขวงสรรสร้างขึ้นมา ได้หล่อเลี้ยงชีวิตนักเขียนอีกมากมายหลังจากนั้น

อิทธิพลของผู้บุกเบิกนั้นยิ่งใหญ่เหลือเกิน

โดยเฉพาะนิยายเทพเซียนกำลังภายใน ในตอนนี้เรียกได้ว่าฮ็อตฮิตมากทีเดียว!

มีคนเคยคำนวณไว้

หากบวกรวมแนวเทพเซียนกำลังภายในและแนวการแข่งขันกีฬาในตลาดนิยายมณฑลฉิน ก็สามารถครองส่วนแบ่งหนึ่งในห้าส่วนของตลาดแฟนตาซีได้แล้ว

กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือ

มีนักเขียนหนึ่งในห้าส่วนของตลาด ที่ตามกระแสนิยายสองแนวนี้ซึ่งฉู่ขวงเป็นผู้บุกเบิก!

หนึ่งในห้านับว่าน้อยหรือไม่?

ไม่เลย เพราะเมื่อเทียบกับในมณฑลฉินเพียงพื้นที่เดียว สัดส่วนนี้น่ากลัวจริงๆ

แน่นอน

ในปัจจุบันฉินและฉีผนวกรวมกันแล้ว ส่วนแบ่งพื้นที่ในตลาดย่อมลดลงมาก ทว่าประวัติผลงานที่ผ่านมาของฉู่ขวงนับว่าเจิดจรัสมากพอแล้ว

……

เหล่าบรรณาธิการกำลังคาดเดา ผู้อ่านเองก็กำลังคาดเดาเช่นกัน

ผู้อ่านชื่นชอบการคาดเดาในทำนองนี้มากกว่าบรรณาธิการ ถึงขั้นที่ทำการจัดอันดับให้ดูกันละเอียดยิบ

มีคนคิดว่า ถึงแม้ฉู่ขวงจะเข้าไปอยู่ในรายชื่อมหาเทพได้ แต่อันดับน่าจะไม่สูงนัก เพราะนักเขียนนิยายแฟนตาซีทั้งจากมณฑลฉินและมณฑลฉีล้วนอยากเข้าร่วมการคัดเลือกนี้

นิยายแฟนตาซีของมณฑลฉี สู้ของมณฑลฉินไม่ได้ก็จริง

แต่นั่นเป็นการเปรียบเทียบโดยภาพรวม

มณฑลฉีเองก็มีนักเขียนนิยายแฟนตาซีฝีมือดีหลายคน

ในการตัดสินอย่างเป็นธรรม มณฑลฉีก็ย่อมต้องมีนักเขียนแนวแฟนตาซีหลายคนซึ่งได้รับคัดเลือก เพียงแต่จำนวนอาจเป็นรองมณฑลฉี

ทว่าในตอนนี้ต่อให้คาดเดาไปอีกสักเท่าไหร่ก็ไม่มีความหมาย

เพราะต้องรอจนถึงเดือนกรกฎาคมกว่าจะประกาศผลอย่างเป็นทางการ

ตลาดนิยายในขณะนี้

ทุกคนกำลังติดตามว่าหนังสือเรื่องใหม่ที่จะปล่อยมากองใหญ่ในเดือนมิถุนายนนี้จะเป็นอย่างไร

นักเขียนในเดือนมิถุนายนมีจำนวนมาก

ผลงานที่ดึงดูดความสนใจของผู้อ่านมากที่สุดมีเพียงสามชิ้น

แบ่งจากนักเขียนได้แก่

ฉู่ขวง หมัวถง และไห่เซ่าเหยี่ย

ฉู่ขวงไม่ต้องเอ่ยถึง ไพ่เด็ดในเดือนมิถุนายนของคลังหนังสือซิลเวอร์บลู ได้รับการโปรโมตขั้นสูงสุด

หมัวถงปล่อยหนังสือเดือนมิถุนายน หนังสือมีชื่อว่า ‘เซียนกระบี่ลงเขา’

ชื่อเสียงของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าฉู่ขวง ในฐานะดาวเด่นเดือนมิถุนายนที่มีสำนักพิมพ์เฟลอริชหนุนหลัง จึงได้รับการโปรโมตระดับสูงสุดเช่นเดียวกัน เป้าหมายก็คือคว้าโควตาในการคัดเลือกมหาเทพให้ได้อย่างมั่นคง!

ส่วนไห่เซ่าเหยี่ย…

นักเขียนท่านนี้เป็นดาวเด่นของสำนักพิมพ์สกาย หนังสือชื่อว่า ‘มิติคู่ขนานของฉันเป็นสังคมบรรพกาล’

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าได้รับการโปรโมตระดับสูงสุดเช่นเดียวกัน เพียงแต่เรื่องนี้เลือกแนวผจญภัยในต่างโลกสุดคลาสสิกก็เท่านั้น…

หมัวถงถูกสงสัยว่าตามกระแสฉู่ขวงก็จริง

แต่ในตอนนี้แนวเทพเซียนกำลังภายในได้กลายเป็นกระแสไปแล้ว ฉะนั้นจึงไม่มีใครเอ่ยถึงเรื่องตามกระแสไม่ตามกระแส

ร้านหนังสือขายหนังสือ โดยปกติแล้วก็จะมีผลงานซึ่งดันขายเป็นหลัก

ผลงานที่ถูกพวกเขาดันขาย หากขายไม่ดีขึ้นมา ก็ย่อมส่งผลต่อรายได้ของพวกเขา

แน่นอน

พวกเขาจึงปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์

ตัวอย่างเช่น ถ้าหนังสือที่พวกเขาดันขายทำผลงานได้ไม่ดี พวกเขาก็สามารถหันไปดันขายหนังสือเล่มอื่นซึ่งทำผลงานได้ดี…

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าในตอนที่ร้านหนังสือสั่งจองนิยาย ได้เซ็นสัญญาอื่นๆ ไปหรือเปล่า

ถ้าพวกเขาเซ็นสัญญาอื่นๆ เช่น กิจกรรมแจกลายเซ็นของนักเขียน เช่นนั้นหนังสือเรื่องที่พวกเขาดันขายเป็นหลักก็จะไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้ง่ายๆ

อันที่จริง

มีร้านหนังสือใหญ่บางแห่งหวังว่าจะได้ร่วมมือกับฉู่ขวง และจัดอีเวนต์แจกลายเซ็นในหนังสือเรื่องคนขุดสุสานเช่นกัน

แฟนคลับของฉู่ขวงอาจซื้อเรื่องคนขุดสุสานเพื่อให้ได้ลายเซ็นของฉู่ขวง ต่อให้พวกเขาจะไม่ชื่นชอบหนังสือเรื่องนี้ก็ตาม

ทว่าหลังจากที่หลินเยวียนได้รับโทรศัพท์จากหยางเฟิง เขาก็ปฏิเสธไป

ถึงแม้ว่าเขาจะอยากได้เงินส่วนนี้ แต่เมื่อใดที่เขาเข้าร่วมอีเวนต์ขายหนังสือและแจกลายเซ็น ตัวตนของเขาก็จะยิ่งขยับเข้าใกล้คำว่าถูกเปิดเผย

นี่เป็นข้อเสียของการมีหลายตัวตน

หลินเยวียนตัดสินใจว่าจะเป็นตุ๊กตาแม่ลูกดกเงียบๆ ต่อไป

ในทางกลับกัน หมัวถงและไห่เซ่าเหยี่ยล้วนเซ็นสัญญาเพิ่มเติมกับร้านหนังสือหลายแห่ง และเตรียมจัดกิจกรรมขายหนังสือแจกลายเซ็น เพื่อเพิ่มยอดขายในเดือนมิถุนายน

อย่างไรก็ดี หลินเยวียนก็มีวิธีการโปรโมตของตนเอง

เขาใช้บัญชีผู้ใช้ของฉู่ขวง โปรโมตข่าวคราวของหนังสือใหม่เรื่องคนขุดสุสานซึ่งจะวางขายในเดือนมิถุนายน

จากนั้น เขาก็ใช้บัญชีของอิ่งจือและเซี่ยนอวี๋รีโพสต์และเขียนแนะนำสักหน่อย

ทั้งสามบัญชีนี้ติดตามกันและกัน ช่วนเหลือซึ่งกันและกัน และพร้อมจะร่วมหัวจมท้ายไปด้วยกัน!

และเนื่องจากทั้งสามบัญชีนี้ผูกติดกัน จึงพลอยทำให้แฟนคลับตื่นเต้นดีใจเป็นพิเศษทุกครั้งที่เห็นการเคลื่อนไหวและปฏิสัมพันธ์เล็กๆ น้อยๆ ของทั้งสามบัญชีนี้ ทำไมถึงรู้สึกน่ารักชวนเขิน ให้ความรู้สึกปานประหนึ่งคู่ชิป และเมื่อชิปแล้วก็ต้องชิปพร้อมกันถึงสามคนจึงจะได้อรรถรส

‘คู่ชิป3pเริ่มต้น ณ บัดนี้!’

‘รักสามเส้า?’

‘ศึกชิงนาง?’

‘เมื่อก่อนมีแค่ฉู่ขวงกับเซี่ยนอวี๋ ตอนนี้มีอิ่งจือมาเพิ่มอีก ฉันสัมผัสได้ว่าฉู่ขวงเป็นแกนหลัก ส่วนเซี่ยนอวี๋กับอิ่งจือกำลังแข่งกันเอาชนะใจฉู่ขวง…’

‘จิตใจไม่ใสสะอาดกันเลยนะ (เขินนน)’

‘ทุกคนรู้ แฟนคลับรู้ ว่าฉู่ขวงโพสต์ทีไร เซี่ยนอวี๋กับอิ่งจือจะต้องรีโพสต์ทุกครั้ง’

‘…’

คู่ชิปสามคนชัดเจนเสียขนาดนี้ ชาวเน็ตเองก็ชอบเย้าหยอกฉู่ขวง เซี่ยนอวี๋และอิ่งจือ ทั้งยังสรรสร้างเรื่องราวสารพัดรูปแบบออกมาอย่างไม่ขาดสาย ดังนั้นทุกครั้งที่พวกเขามีการเคลื่อนไหวระหว่างกันและกัน ต่อมจินตนาการของชาวเน็ตจึงกระตุกตุบๆ และเป็นอันต้องทำงานในทันที

หลินเยวียนไม่รู้ว่าการรีโพสต์โปรโมตเช่นนี้มีส่วนช่วยเรื่องยอดขายหรือไม่ เพราะถึงอย่างไรหลังจากจัดแจงโพสต์เสร็จเรียบร้อย เขาก็ไม่ได้ติดตามต่อ

และในตอนนั้นเอง เดือนพฤษภาคมก็สิ้นสุดลงอย่างเงียบเชียบ

เดือนมิถุนายนมาเยือน

หนังสือเรื่องใหม่จำนวนมากถูกจัดวางบนชั้นของร้านหนังสือชั้นนำแต่ละแห่ง

คนขุดสุสาน นิยายขนาดยาวเรื่องที่สามของฉู่ขวงก็ออกสู่สายตาชาวบลูสตาร์อย่างเป็นทางการ!

………………………………………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน