ตอนที่ 218 ผู้อ่านตะลึง
แนวของนิยายมีความสำคัญต่อนิยายเป็นอย่างมาก เพราะเหตุใดนักเขียนจึงมักเลือกสร้างสรรค์ผลงานจากแนวที่เป็นกระแสน่ะหรือ
ก็เพราะผู้อ่านชื่นชอบหนังสือแนวไหน ก็จะหาหนังสือแนวนั้นอ่าน
การเลือกแนวนิยายกระแสหลัก ก็ย่อมมีโอกาสสูงที่จะถูกนักอ่านมองเห็น!
แม้แต่นักเขียนที่ผลงานขายดีและมีชื่อเสียง ก็ไม่กล้าเลือกเขียนแนวซึ่งเป็นตลาดเฉพาะกลุ่มสุ่มสี่สุ่มห้า
เพราะไม่มีทางรับประกันได้ว่าหลังจากที่เขียนนิยายแนวเฉพาะกลุ่มแล้ว ผู้อ่านจะยังสนับสนุนพวกเขาเฉกเช่นที่ผ่านมาหรือไม่
แต่ถึงอย่างนั้นก็จะมีนักเขียนบางส่วนที่ไม่ยอมวางไพ่ตามแบบแผน
ฉู่ขวงเป็นหนึ่งในนักเขียนประเภทนี้
เขาแลดูคล้ายกับว่าจะมีนิสัยไม่ชอบเขียนอะไรที่เป็นกระแสหลัก
ผลงานเดบิวต์ของฉู่ขวงในอุตสาหกรรมนิยายแฟนตาซีขนาดยาวก็คือปรินซ์ออฟเทนนิส แนวการแข่งขันกีฬา
เป็นแนวที่เฉพาะกลุ่มซะยิ่งกว่าเฉพาะกลุ่ม!
นิยายเรื่องที่สองของเขาคือกระบี่เทพสังหาร เป็นแนวเทพเซียนกำลังภายในซึ่งในตลาดนิยายไม่มีใครแตะต้องมาก่อน
ไม่น่าไว้ใจยิ่งกว่าแนวการแข่งขันกีฬาซะอีก!
แต่นิยายซึ่งไม่ค่อยน่าไว้ใจทั้งสองแนวนี้ ดันสร้างผลงานได้อย่างโดดเด่น หนำซ้ำยังเรียกกระแสตลาดได้ด้วย!
เพราะฉะนั้น
ยามที่นิยายเรื่องที่สามของฉู่ขวงถูกใส่ไว้ในหมวดนิยายสยองขวัญลี้ลับ หลายคนในวงการก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอย่างที่ควรจะเป็นอีกต่อไป
เห็นได้ชัดว่า
ถ้าหากปราศจากความสำเร็จของเรื่องกระบี่เทพสังหาร ในวงการจะไม่มีใครมองหนังสือเรื่องใหม่ของฉู่ขวงในแง่ดีเลย ถึงขั้นที่ร้อยทั้งร้อยจะต้องมีคนโผล่มาบอกว่า
‘หนังสือเรื่องใหม่ของฉู่ขวงห่วยแตกแน่นอน!’
เพราะในอุตสาหกรรรมนิยายหมวดสยองขวัญลี้ลับ นับว่าสุดแสนจะเฉพาะกลุ่มเช่นเดียวกัน!
ทว่าฉู่ขวงได้เบิกเนตรทุกคนมาแล้วติดต่อกันถึงสองครั้ง ดังนั้นตั้งแต่ที่คลังหนังสือซิลเวอร์บลูเริ่มการโปรโมต ก็แทบจะไม่มีใครกล้าโผล่มาเคลือบแคลงสงสัยในคุณภาพหนังสือเรื่องใหม่ของฉู่ขวงเลย ต่อให้ในใจของพวกเขาจะมีความคิดเช่นนี้อยู่บ้างไม่มากก็น้อย
เหล่าบรรณาธิการในวงการไม่ได้โง่เขลา
เรื่องใดที่เกี่ยวข้องกับฉู่ขวง หากตัดสินจากประสบการณ์ทั่วไป โอกาสที่จะหน้าแตกนั้นมีสูงเหลือเกิน ไม่สู้รูดซิปปากเฝ้าสังเกตการณ์เงียบๆ จะดีกว่า
ร้านหนังสือเองก็ไม่ได้โง่งม
ต่อให้มองจากภายนอกนิยายเรื่องนี้จะแลดูไม่ได้ความก็เถอะ ร้านหนังสือชั้นนำแต่ละแห่งก็ยังคงไว้หน้าคลังหนังสือซิลเวอร์บลู และสั่งสินค้ามาไม่น้อย
ช่วยไม่ได้
ใครให้เรื่องคนขุดสุสานเป็นหนังสือเรื่องใหม่ของฉู่ขวงล่ะ
เมื่อมีรากฐานจากหนังสือสองเรื่องก่อนหน้านี้ ในวันนี้นามปากกาฉู่ขวงก็มีประสิทธิภาพโดยไม่คำนึงถึงประเภทหรือหมวดหมู่อีกต่อไป!
แต่ว่า…
นี่เป็นเพียงทัศนคติของชาวมณฑลฉินจำนวนหนึ่ง
ผู้อ่านชาวมณฑลฉีจำนวนมากไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้
ตัวอย่างเช่นม่ายถง
ม่ายถงเกิดและเติบโตที่มณฑลฉี
หลังจากฉินฉีผนวกรวม ในฐานะนักอ่านที่ชื่นชอบนิยายแฟนตาซี ม่ายถงย่อมผ่านการอ่านนิยายแฟนตาซีเรื่องดังของมณฑลฉินมาอย่างโชกโชน
เนื่องจากผลงานที่ยอดเยี่ยมของมณฑลฉินมีมากเหลือเกิน แถมยังสนุกชวนติดตาม จนม่ายถงติดใจจนวางไม่ลง
ดังนั้นม่ายถงจึงยังไม่มีเวลาได้อ่านนิยายของฉู่ขวง
แต่บนโลกออนไลน์มีนักอ่านจากมณฑลฉินหลายคนที่ชื่นชมฉู่ขวง เห็นทีฉู่ขวงคนนี้คงจะมีของจริงๆ
ดังนั้นม่ายถงจึงค้นหาผลงานของฉู่ขวงสักหน่อย
และม่ายถงก็บังเอิญไปเห็นโพสต์โปรโมตหนังสือเรื่องใหม่จากทางคลังหนังสือซิลเวอร์บลูเข้าพอดี
ถ้าอยากเข้าใจนักเขียน ก็ย่อมต้องอ่านผลงานชิ้นล่าสุดของเขา
ดังนั้นหลังจากที่ม่ายถงรู้ว่าฉู่ขวงจะปล่อยหนังสือเรื่องใหม่ ก็ไม่ได้รีบร้อนซื้อผลงานเรื่องก่อนหน้าของฉู่ขวง แต่กลับตั้งตารอหนังสือเรื่องใหม่ของเขา
ม่ายถงอยากรู้ว่าฉู่ขวงจากมณฑลฉินคนนี้จะยอดเยี่ยมแค่ไหนกันแน่
ปรากฏว่า…
ผลงานซึ่งมีชื่อเรื่องว่าคนขุดสุสานยังไม่ทันได้วางขายอย่างเป็นทางการ ม่ายถงก็เริ่มรู้สึกผิดหวังทันทีที่ได้เห็นหมวดหมู่ของหนังสือเรื่องนี้ในโพสต์โปรโมต
ลี้ลับสยองขวัญเหรอเนี่ย!
ฉู่ขวงเป็นนักเขียนชื่อดังของมณฑลฉินไม่ใช่หรอกหรือ ทำไมเขาถึงเขียนนิยายแนวเฉพาะกลุ่มขนาดนี้เนี่ย
นี่เป็นผลงานของนักเขียนผลงานขายดีจากมณฑลฉิน?
กล่าวตามตรง ม่ายถงไม่สนใจนิยายแนวนี้เลยสักนิดเดียว
บางทีชาวเน็ตจากมณฑลฉินอาจยกยอปอปั้นฉู่ขวงเกินไป
แม้จะไม่มีความสนใจในประเภทของนิยายเรื่องใหม่ของฉู่ขวงเลย ทว่าในวันที่ 1 มิถุนายน ซึ่งนิยายวางขายอย่างเป็นทางการ ม่ายถงก็ยังซื้อคนขุดสุสาน หนังสือเรื่องใหม่ของฉู่ขวงติดไม้ติดมือกลับมาโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ไม่ใช่เพราะสนใจหนังสือ แต่เพราะสนใจนักเขียนต่างหาก
ผู้อ่านจากมณฑลฉินพูดถึงฉู่ขวงในทางที่ดีมาก ดีเสียจนม่ายถงข่มกลั้นความสงสัยไม่ไหว อยากรู้เหลือเกินว่าสรุปแล้วคนคนนี้เก่งกาจถึงขนาดไหนกัน
อย่างไรก็ดี
เพิ่งจะพลิกอ่านเรื่องคนขุดสุสานไปได้ไม่เท่าไหร่ ม่ายถงก็สีหน้าหม่นลงทันที
“บุคคลที่หนึ่ง?”
เป็นถึงฉู่ขวง แต่ดันมาเขียนบรรยายด้วยมุมมองบุคคลที่หนึ่งเนี่ยนะ?
ม่ายถงคิดมาตลอดว่าการบรรยายด้วยมุมมองของบุคคลที่หนึ่งนั้นเป็นกลวิธีการเขียนที่เสียอรรถรสที่สุด
เขาเคยกัดฟันฝืนอ่านผลงานซึ่งใช้มุมมองบุคคลที่หนึ่งในการบรรยาย แต่อ่านไปได้ไม่กี่บทก็ทนไม่ไหว ต้องเป็นอันยอมแพ้
ตั้งแต่นั้นมาเขาก็ไม่เคยอ่านนิยายซึ่งบรรยายโดยมุมมองบุคคลที่หนึ่งอีกเลย
ปฏิกิริยาตอบสนองของตลาดยังพิสูจน์ได้ว่า มุมมองบุคคลที่หนึ่งไม่เป็นที่ยอมรับ
ร้อยละ 99 ของหนังสือยอดนิยม ล้วนเขียนจากมุมมองของบุคคลที่สาม และค่อนไปทางมุมมองพระเจ้าเสียมากกว่า
ลำพังจุดนี้จุดเดียว ม่ายถงก็แทบอยากส่งเรื่องคนขุดสุสานไปรับโทษประหารให้รู้แล้วรู้รอด
แต่อุตส่าห์จ่ายเงินซื้อหนังสือนี้มาแล้ว ม่ายถงเบ้ปาก ข่มกลั้นความรู้สึกต่อต้านในจิตใจ อ่านต่อไป
ทั้งฉากและโครงเรื่องของนิยายเรื่องนี้ก็ค่อยๆ ตีแผ่สู่สายตาของม่ายถง..
[ฟาชิว มัวจิน ปานซาน และเซี่ยหลิ่ง เป็นสี่สำนักขุดสุสานใหญ่]
[คนจุดเทียน ผีเป่าโคม]
[เมื่อเข้าไปในสุสานโบราณ ให้จุดเทียนที่มุมตะวันออกเฉียงใต้ก่อน จึงจะเปิดโลงศพได้ หากเทียนดับ คุณต้องถอยออกไปโดยเร็วและอย่านำสิ่งใดติดมือไป ตำนานเล่าว่านี่เป็นพันธะสัญญาระหว่างคนเป็นและคนตายซึ่งปรมาจารย์เป็นผู้สร้างขึ้น สืบทอดกันมานานนับพันปี และไม่อาจลบล้างได้]
[ไก่ขันโคมดับจักไม่คลำทอง[1]]
[ล่าขุมทรัพย์ข้ามขุนเขา กำแพงหนึ่งชั้นผ่านหนึ่งประตู ครั้นไขกลอนซึ่งยากเยี่ยงปากว้าออก จักพบโลงศพราชินีในที่แห่งนั้น]
ในตอนแรก ม่ายถงพลิกหน้าหนังสืออย่างรวดเร็ว ประหนึ่งกินอาหารเข้าไปรวดเดียวจนหมดจาน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน