ตอนที่ 222 ภาพยนตร์ออนไลน์
“เตรียมเข้าฉายเหรอ…”
หลังจากที่ได้รับสายจากหลินเยวียน ทั้งสองจึงมาพบกันที่แผนกภาพยนตร์
เมื่อเผชิญกับหลินเยวียนซึ่งใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง เหล่าโจวก็รู้สึกปวดหัวจี๊ดๆ เงียบงันไปพลางคิดหาคำพูด “หนังเรื่องนี้ของนายต้องได้เข้าฉายแน่นอน…”
“แต่ว่า?”
หลินเยวียนรู้สึกว่าคำพูดเช่นนี้ จะต้องมีจุดหักเห
เป็นดังที่หลินเยวียนคาดไว้
เหล่าโจวกระแอมออกมา “แต่ช่วงนี้บริษัทเรากำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมฉายเรื่องอัสนีบาต แถมเดือนกรกฎาคมเป็นช่วงปิดเทอมฤดูร้อน ตลาดภาพยนตร์แข่งขันกันดุเดือดมาก…”
หลินเยวียนขมวดคิ้ว
แน่นอนว่าเขารู้เรื่องโปรเจ็กต์อัสนีบาต
โปรเจ็กต์ภาพยนตร์เรื่องแรกของบริษัท ดังนั้นเบื้องบนจึงให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
ต่างจากบนโลก
อุตสาหกรรมภาพยนตร์ของสตาร์ไลท์ก้าวหน้ากว่ามาก เทคโนโลยีสเปเชียลเอฟเฟ็กต์ทุกประเภทเอาชนะฮอลลีวูดได้อย่างสบายไร้ปัญหา
นั่นหมายความว่ากำลังในการผลิตภาพยนตร์ประเภทนี้รวดเร็วอย่างเหนือความคาดหมาย
ด้วยความช่วยเหลือจากเทคโนโลยีด้านภาพยนตร์ที่ล้ำหน้าเช่นนี้ กระบวนการผลิตภาพยนตร์ตั้งแต่เริ่มต้นจนเสร็จสมบูรณ์อย่างเรื่องอัสนีบาตอาจไม่ได้ช้าไปกว่าภาพยนตร์ต้นทุนต่ำเลย
นี่เป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้บนโลก แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาที่จะบรรลุระดับนี้บนบลูสตาร์
“จะพูดอีกอย่างก็คือ”
เหล่าโจวเอ่ยอย่างจนใจ “เรื่องถังปั๋วหู ใหญ่ไม่ต้องประกาศจะไม่ได้ตารางฉายมากเท่าที่ควร เพราะถึงยังไงก็มีหนังฟอร์มยักษ์ที่จะเข้าฉายในช่วงเดียวกันหลายเรื่อง อีกทั้งก่อนหน้านี้พวกเราก็คุยกันไว้แล้ว ไม่มีเงินทุนเพิ่มเติมให้นายโปรโมตหรอก”
“งั้นผมเลื่อนกำหนดฉายได้ไหมครับ”
แน่นอนหลินเยวียนรู้ถึงความสำคัญของกำหนดการเข้าฉาย
เหล่าโจวชะงักไป นึกไม่ถึงว่าหลินเยวียนจะขบคิดเรื่องกำหนดการเข้าฉายด้วย
กำหนดการเข้าฉายช่วงปิดเทอมฤดูร้อนเป็นเพียงข้ออ้างของเหล่าโจว
เขาไม่มีทางหาตารางฉายให้เรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศได้มากนัก
สำหรับภาพยนตร์ที่เงินลงทุนไม่ถึงสิบล้านหยวน ต่อให้นำนักแสดงทั้งหมดมารวมกัน ก็ไม่มีทางเป็นแชมป์บ็อกซ์ออฟฟิศได้หรอก
ผู้กำกับไม่มีประสบการณ์ยังพอทำเนา คนเขียนบทดันเป็นนักประพันธ์เพลงอีก บทภาพยนตร์ก็ดันทำให้คนสับสนกันไปใหญ่…
ต้องเข้าใจก่อน
ว่าการจัดตารางฉายภาพยนตร์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับคุณภาพของภาพยนตร์เพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับการจัดการของบริษัทผู้ผลิตด้วย
ตัวอย่างเช่นเรื่องอัสนีบาต
ในฐานะภาพยนตร์ที่สตาร์ไลท์ดันโปรโมต เพื่อที่จะได้ตารางเข้าฉายที่สูงขึ้นในระยะแรก เหล่าโจวและหัวหน้าแผนกภาพยนตร์ได้เสนอผลประโยชน์ไปไม่น้อยให้แก่ตัวแทนจากโรงภาพยนตร์
หรือว่าเหล่าโจวยังต้องส่งมอบผลประโยชน์ให้เพราะเรื่องถังปั๋วหู่ใหญ่ไม่ต้องประกาศอีก
งั้นต้องใช้เงินเท่าไหร่ดีล่ะ
นอกจากนั้น จะให้ไปเท่าไหร่ก็ไม่มีประโยชน์
ประเด็นสำคัญคือต่อให้ภาพยนตร์เรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศจะได้ตารางเข้าฉายอีกมากเท่าไหร่ก็ไม่มีประโยชน์
เพราะท้ายที่สุดแล้วคนที่ตัดสินใจว่าจะจ่ายหรือไม่จ่ายเงินไม่ใช่โรงภาพยนตร์ และไม่ใช่บริษัทบันเทิง หากแต่เป็นผู้ชมต่างหาก!
เหล่าโจวพูดอย่างขมขื่น “กำหนดการฉายน่ะเลื่อนได้ แต่ไม่ว่าจะเลื่อนยังไง หนังเรื่องนี้ของนายก็ได้ตารางฉายยาก ถึงยังไงทางโรงภาพยนตร์ก็ต้องดูคนก่อนเสิร์ฟอาหารด้วย หนังเรื่องนี้ของนาย หนึ่งไม่มีดาราดัง สองไม่มีผู้กำกับดัง สามเงินลงทุนต่ำ”
ขาดเงินทุนก้อนใหญ่
ขาดผู้กำกับดัง
ขาดนักแสดงตัวท็อป
ภาพยนตร์จำพวกนี้ถูกเรียกรวมกันว่า ‘ภาพยนตร์สามขาด’
ใช่ว่าจะไม่เคยมีกรณีที่ภาพยนตร์สามขาดโด่งดังขึ้นมาได้ แต่กรณีเช่นนี้มีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย ดังนั้นโรงภาพยนตร์ไม่มีทางทุ่มเทให้กับภาพยนตร์สามขาดมากเกินความจำเป็น
ไม่ใช่เพราะเหล่าโจวจงใจปฏิเสธ
แต่ถึงแม้เหล่าโจวจะอยากช่วยแค่ไหน ก็ช่วยไม่ได้
เขาทำได้เพียงจัดตารางฉายน้อยเท่าหยิบมือในช่วงเวลาแย่ๆ ให้กับเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศ อย่างน้อยก็นับว่าเรื่องนี้สมเหตุสมผล ถึงอย่างไรภาพยนตร์ก็ทำออกมาเสร็จสมบูรณ์แล้ว จะไม่ให้ฉายเลยก็คงไม่ได้ใช่ไหมล่ะ
“งั้นไม่ฉายแล้วก็ได้ครับ”
หลินเยวียนขบคิดอยู่สักพักก็เอ่ยปากทันที
สีหน้าของเหล่าโจวเปลี่ยนไปทันใด
เด็กคนนี้…โกรธหรือ?
เขาเอ่ยปลอบหลินเยวียนอย่างระมัดระวัง “หนังเรื่องนี้ทำได้ดีมาก ไม่เข้าฉายก็ช่างปะไร เราดูคุณภาพกันไม่ใช่เหรอ ถ้าคุณภาพของหนังดีพอ ไม่แน่อาจมีคนพูดกันไปเรื่อยๆ พอคนพูดถึงกันมากขึ้น โรงภาพยนตร์ก็จะมาเสนอตารางเข้าฉายให้เอง…”
หลินเยวียนส่ายหน้า
สิ่งที่เหล่าโจวพูดถึงคือสถานการณ์ปกติ
แต่หลินเยวียนกลับรู้ว่าตารางเข้าฉายไม่พอ ตารางฉายที่เหลืออยู่ก็มีเพียงเวลาฉายแย่ๆ เป็นไปได้สูงที่จะส่งผลให้หนังล้มเหลวไม่เป็นท่า
ภาพยนตร์ที่โต้กลับคืนมาได้ก็มีอยู่ถมเถไป
แต่การที่จะโต้กลับได้สำเร็จ อันที่จริงมีเพียงไม่กี่คน
หลินเยวียนไม่คิดจะฝากความหวังไว้กับการโต้กลับลมๆ แล้งๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน