ตอนที่ 223 ตัวแทนหลินเป็นคนดี
หลินเยวียนคลี่ยิ้มตามแบบฉบับ เดิมทีเขาอยากซื้อลิขสิทธิ์เรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศด้วยราคาเดิม แต่เมื่อพิจารณาว่าบริษัทลงทุนไปมากเช่นนั้น ท้ายที่สุดเขาจึงเสนอราคาสิบล้านหยวน
ให้บริษัทได้กำไรสักหนึ่งล้านก็แล้วกัน
ไม่ใช่เพราะหลินเยวียนใจกว้าง แต่เขาไม่สามารถปล่อยให้บริษัททำงานให้เขาฟรีๆ ได้ มีที่ไหนกัน คนเขาทุ่มเททำงานหนักหลายเดือนจนผลงานออกมา สุดท้ายแล้วกลับขายให้ผู้อื่นในราคาทุนโดยไม่คำนึงถึงรายได้
คิดสะระตะจนลงตัวแล้ว
อันที่จริง เขาตัดสินใจปล่อยสตรีมเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศ นอกจากเพราะไม่มั่นใจว่าจะตีฝ่าวงล้อมจากดงภาพยนตร์ช่วงปิดเทอมฤดูร้อนออกมาได้สำเร็จแล้ว หลินเยวียนยังมีเจตนารมณ์ที่ลึกซึ้งกว่านั้น
เขาต้องการชื่อเสียง!
หลินเยวียนขบคิดอย่างถี่ถ้วนถึงเหตุผลที่เรื่องถังปั๋วหู่จะไม่ได้ตารางเข้าฉายแล้ว เห็นว่าคงจะเป็นแนวทางปฏิบัติที่พวกเขากระทำต่อภาพยนตร์สามขาด ในเมื่อภาพยนตร์เรื่องแรกถูกลิขิตมาให้ไม่เป็นที่ชื่นชอบ แล้วทำไมจะต้องไปตามเว้าวอนโรงภาพยนตร์ด้วย?
ถูกเทแล้ว จะให้ทำยังไงได้ล่ะ
หลังจากนี้หลินเยวียนยังอยากให้บริษัทลงทุนถ่ายทำภาพยนตร์ให้เขาต่อไป ถ้าภาพยนตร์เรื่องแรกล้มไม่เป็นท่า ต่อไปเขาจะมีหน้าไปขอให้บริษัทลงทุนต่ออีกหรือ เรื่องแบบนี้เป็นไปไม่ได้หรอก
ฉะนั้นเลือกเส้นทางภาพยนตร์ออนไลน์น่ะดีแล้ว
ภาพยนตร์ออนไลน์มีเกณฑ์ที่ค่อนข้างต่ำ
แต่ก็เพราะเกณฑ์ที่ต่ำนี่แหละ เรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศถึงจะได้รับความสนใจจากผู้คนเพิ่มมากขึ้น ถ้าหากภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ลงจอเงินจริงๆ สายตาของทุกคนคงไปรวมกันอยู่ที่ภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์ฟอร์มยักษ์ จะมีใครมาซื้อตั๋วไปดูภาพยนตร์สามขาดนอกกระแสกันล่ะ
ดังนั้น…
ทำให้เรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศเป็นที่รู้จักก่อนก็แล้วกัน ในอนาคตเมื่อมีโอกาสเหมาะสมค่อยบุกโรงภาพยนตร์อีกครั้ง ถ้าหากภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จได้จากรูปแบบออนไลน์ ต่อให้หลินเยวียนแทบจะไร้ซึ่งคุณสมบัติ อย่างน้อยทุกคนก็จะยอมรับตัวตนในฐานะนักเขียนบทของเขาด้วย
ไม่ใช่แค่หลินเยวียน
หากประสบความสำเร็จละก็ ทีมงานฝ่ายผลิตและนักแสดงของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็จะไม่ต้องเป็นผู้ช่วยงานไร้ชื่อเสียงคอยนั่งรอตบยุงอีกต่อไป เมื่อถึงตอนนั้น ถ้าหลินเยวียนคิดอยากถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องใหม่ บริษัทจะต้องสนับสนุนอย่างแน่นอน
เรื่องนี้จะโทษบริษัทก็ไม่ได้
จะโทษโรงภาพยนตร์ก็ยิ่งไม่ได้
เพียงแต่ถูกบีบคั้นด้วยความเป็นจริง
แต่ถึงอย่างนั้น เมื่ออี้เฉิงกงรู้ว่าเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศไม่ได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ กลับรู้สึกผิดหวังขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
ผู้กำกับทุกคนล้วนแต่มีความฝันว่าภาพยนตร์ของตนจะได้ลงจอเงิน
ผลงานเรื่องก่อนหน้านี้ของอี้เฉิงกง เป็นภาพยนตร์ขนาดเล็กต้นทุนต่ำ ไม่มีโอกาสได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์
ครั้งนี้เขาคิดว่าเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศนั้นเกี่ยวข้องกับตัวแทนหลิน จะสามารถเข้าฉายได้ ปรากฏว่าสุดท้ายแล้วสิ่งที่เขาคาดหวังกลับไม่เป็นจริง
“คุณรู้วิธีเอาหนังขึ้นสตรีมไหมครับ”
หลินเยวียนถามอี้เฉิงกง ภาพยนตร์เรื่องก่อนหน้านี้ของอีกฝ่ายก็ใช้รูปแบบสตรีมมิง
อี้เฉิงกงตอบ “รู้นิดหน่อยครับ มีหลักๆ สองประเภท ประเภทแรกคือซื้อขาด อีกประเภทคือแบ่งรายได้”
“เลือกแบบแบ่งรายได้ครับ”
หลินเยวียนเอ่ยขึ้นโดยปราศจากความลังเล
หลินเยวียนไม่มั่นใจกว่าเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศจะโต้กลับได้ แต่เขาเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมเมื่อจะฉายแบบภาพยนตร์ออนไลน์
อี้เฉิงกงพยักหน้า “บริษัทผู้ผลิตส่วนใหญ่จะเลือกแบบซื้อขาด แต่แบ่งรายได้ก็มีข้อดีครับ แต่ทางที่ดีตัวแทนหลินต้องไปเจรจาละเอียดเรื่องราคา ผมแนะนำให้หัวหน้าพ่อบ้านไปนะ เขาน่าจะพอมีเส้นสายทางนี้อยู่บ้าง”
เสิ่นชิงเป็นโปรดิวเซอร์ของเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศ
หลินเยวียนเรียกเสิ่นชิงว่า ‘หัวหน้าพ่อบ้าน’ ฉะนั้นอี้เฉิงกงจึงเรียกตาม
“เข้าใจแล้วครับ”
หลินเยวียนติดต่อเสิ่นชิงไปทันที
หากว่ากันตามจริง เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเสิ่นชิงแล้ว เพราะในตอนนี้เรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศถือเป็นกรรมสิทธิ์ของหลินเยวียนทั้งหมด แต่หลินเยวียนคิดว่าเสิ่นชิงน่าจะช่วยติดต่อกับแพลตฟอร์มวิดีโอได้
……
เมื่อเสิ่นชิงได้ยินว่าหลินเยวียนซื้อลิขสิทธิ์เรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศไปแล้ว ในใจก็รู้สึกซับซ้อนขึ้นมา
แรกเริ่มเดิมทีทุกคนคิดว่าบริษัทขาดทุนจากการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นที่เรียบร้อย
ทว่าหลังจากที่หลินเยวียนซื้อลิขสิทธิ์ไว้เสียเอง ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงอยู่ในจุดสมดุลไม่ขาดทุนไม่ได้กำไร ถึงแม้จะเข้าใกล้ขั้นวิกฤตก็ตามแต่
สุดท้ายแล้วก็มีเพียงหลินเยวียนที่ขาดทุน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน