ตอนที่ 263 โอกาสชนะ 80%
ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้
เมื่อมีระบบ ย่อมมีความหวัง
แต่ว่า ถ้าอยากคว้าอันดับหนึ่ง ก็ต้องสั่งผลิตเพลงที่ดีที่สุดออกมาตลอด จำเป็นต้องใช้เงินมหาศาล โดยเฉพาะดูจากนิสัยกวนประสาทของระบบแล้ว จะต้องคำนวณมูลค่าเพิ่มของพ่อเพลงเข้าไปด้วย จากนั้นจึงค่อยคำนวณต้นทุนการสั่งทำเพลง
หลินเยวียนมองเจ้าระบบนี้ออกแล้ว
เพราะฉะนั้น ต่อให้หลินเยวียนนึกอยากเป็นพ่อเพลง แต่เมื่อได้ฟังคำอธิบายของกู้ตงแล้ว เขาจึงทำได้เพียงหยุดคิดมากเป็นการชั่วคราว
ถึงอย่างไรตอนนี้ก็มีเรื่องให้สะสางตั้งเยอะแยะ
ไม่รีบร้อน ค่อยเป็นค่อยไปก็แล้วกัน
เวลาผ่านไปไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ หลินเยวียนก็เริ่มเข้าห้องอัดเพลง เพื่ออัดเพลงตะวันฉายให้กับหลานเหยียน
ทำนองของเพลงนี้ไม่ได้ซับซ้อน
หลานเหยียนเคี่ยวกรำอยู่ในห้องอัดเพียงไม่กี่วัน ก็แตะถึงสภาวะสูงสุด ความคุ้นเคยต่อเพลงแตะถึงระดับสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นเนื้อร้องหรือทำนองก็ล้วนคุมได้อยู่หมัด
ขั้นตอนการอัดเพลง กล่าวได้ว่าลงแรงเพียงน้อยนิด
เหตุผลสำคัญอีกประการที่ทำให้การบันทึกเสียงเป็นไปอย่างราบรื่นเช่นนี้คือการออกเสียงภาษาฉีของหลานเหยียนนั้นชัดเจนมาก!
ว่ากันว่าเหตุผลที่หลานเหยียนได้รับคัดเลือกให้เป็นตัวแทนของมณฑลฉินเข้าร่วมงานเฉลิมฉลองครบรอบปี ก็เพราะระดับภาษาฉีของเขาสูงมาก!
คำอธิบายของหลานเหยียนก็คือ ภรรยาของเขาเป็นคนฉี ทั้งสองมักจะใช้ภาษาฉีสนทนากัน ดังนั้นเขาจึงพูดภาษาฉีได้อย่างคล่องแคล่วเช่นนี้
นี่ก็เป็นครั้งแรกที่หลินเยวียนได้สัมผัสถึงฝีมือของราชาเพลง
มีประสิทธิภาพ
ประสิทธิภาพยอดเยี่ยมเหลือเกิน
ซุนเย่าหั่วเทียบกับหลานเหยียนไม่ได้เลย แม้แต่เฉินจื้ออวี่ก็ยังเป็นรองหลานเหยียนในแง่ของความสามารถ มิน่าล่ะหลานเหยียนถึงได้เป็นราชาเพลง
หลินเยวียนเชื่อว่า
นี่ไม่ใช่แค่เพราะได้พบกับนักประพันธ์เพลงที่เก่ง หรือได้เพลงที่ดี แล้วจะร้องออกมาให้เพลงโด่งดังได้อย่างง่ายดาย
หากแต่บรรดาราชาเพลงอย่างหลานเหยียน มีฝีมือในการร้องเพลงเป็นทุนเดิม และความเข้าใจที่มีต่อบทเพลงนั้นถึงระดับหนึ่ง จึงจะสามารถแตะถึงเจตนารมณ์ในการสร้างสรรค์บทเพลงของนักประพันธ์เพลงได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ใช่แล้ว
พูดถึงซุนเย่าหั่ว จู่ๆ หลินเยวียนก็นึกขึ้นมาได้ ครั้งก่อนที่อัดเพลงให้เฉินจื้ออวี่ ตนวางแผนจะร่วมงานในเพลงใหม่กับซุนเย่าหั่ว
นึกไม่ถึงว่าตอนนี้ตนดันจับพลัดจับผลูได้มาร่วมงานกับราชาเพลง
และเป็นสถานการณ์พิเศษอีกด้วย
ปีนี้คงไม่ทันแล้ว
ปีหน้าต้องชดเชยให้รุ่นพี่ซุนเย่าหั่วมากหน่อยซะแล้ว
หลินเยวียนมองออกว่ารุ่นพี่ซุนเย่าหั่วรักในอาชีพนักร้องของเขามาก เพียงแต่น่าเสียดายที่ยังไม่พบเพลงที่ดีสักที และนี่เป็นสิ่งที่หลินเยวียนทำให้เขาได้
เมื่ออัดเพลง
หลินเยวียนกลับไปยังห้องทำงาน เหล่าโจวก็กระวีกระวาดมาหา เอ่ยด้วยน้ำเสียงตกใจสุดขีด “งานฉลองครบรอบที่หลานเหยียนจะไปเข้าร่วม เขาจะร้องเพลงของนาย?”
“ใช่ครับ”
หลินเยวียนอธิบายอย่างที่เขามักไม่ค่อยได้ทำ “ผมไม่ได้ตั้งใจจะแย่งเงินสามล้านนี้ ผมบอกกับอาจารย์เจิ้งจิงแล้ว”
เหล่าโจว “…”
นี่เป็นเรื่องของเงินซะที่ไหนกันล่ะ เจิ้งจิงก็ไม่ได้มาสนใจเรื่องเงินสามล้านหรอก!
คำถามคือ…
เด็กอย่างนายเขียนเพลงเอาชนะพ่อเพลงได้เลยหรือ
ถึงแม้ว่าในตอนนี้เหล่าโจวจะอุทิศพลังครึ่งหนึ่งให้กับแผนกภาพยนตร์ แต่เรื่องของแผนกประพันธ์เพลงเขาก็ยังเอาใจใส่ ดังนั้นเหล่าโจวซึ่งได้รับรู้ข่าวนี้จึงมึนงงไปหมด
พ่อเพลงตัวน้อยเขี่ยพ่อเพลงตกกระป๋อง
เหล่าโจวรู้จักเจิ้งจิงดี และรู้ว่าเจิ้งจิงเป็นคนที่ใจกว้างมาก นอกจากจะเป็นนักดนตรี และชื่นชอบการวาดภาพเป็นอย่างมาก ยังกล่าวได้ว่าเจิ้งจิงเป็นหนึ่งในพ่อเพลงที่อารมณ์ดีที่สุดเพียงไม่กี่คนของบริษัท!
แต่ปัญหาก็คือ
แม้ว่าเจิ้งจิงจะไม่ใช่คนขี้โมโห แต่ขณะเดียวกันเธอก็เป็นคนที่เข้มงวดกับดนตรีมาก
เธอไม่มีทางโมโหเพียงเพราะคนอื่นมาแย่งงานไป คนที่มาแย่งงานของเธอไป มีเงื่อนไขว่าจะต้องได้รับการยอมรับจากเธอก่อน!
เจิ้งจิงยอมถอยหนึ่งก้าว หมายความได้เพียงอย่างเดียว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน