ตอนที่ 274 ทำเพลงเดโม
หลินเยวียนไม่ได้ล่วงรู้ถึงความคิดของเจียงขุยและซุนเย่าหั่ว เขาเพียงเอ่ยอย่างเนิบช้า “พวกคุณร้องเพลงด้วยกันได้มั้ย หมายถึงร้องประสานเสียงน่ะครับ”
“ร้องประสานเสียงด้วยกัน”
ซุนเย่าหั่วกับเจียงขุยมองหน้ากัน ไม่กล้าตอบตกลงในทันที ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่ซุนเย่าหั่วจะเอ่ย “ฉันโอเคนะ”
เจียงขุยบอก “ฉันก็เหมือนกัน”
ทั้งสองมีพื้นฐานด้านนี้ เรียนดนตรีเฉพาะทางและเป็นระบบ แน่นอนว่าสามารถร้องประสานเสียงและร้องคลอได้ แต่ความสามารถในการร้องประสานเสียงและร้องคลอย่อมไม่เท่ากับฝีมือในการขับร้อง
นอกจากนั้น
พวกเขาไม่รู้ว่า มาตรฐานของคำว่า ‘ร้องได้’ ที่หลินเยวียนพูดถึงคืออะไร ถ้าหากเป็นการร่วมงานของสองคนละก็ อันที่จริงยังต้องใช้ระยะเวลาในการเคี่ยวกรำ
สิ่งที่ควรค่าแก่การเอ่ยถึงก็คือ
ในทัศนะของมืออาชีพ การประสานเสียงไม่ใช่การร้องคลอ ผู้ที่ไม่ใช่บุคลากรมืออาชีพอาจสับสนเรื่องนี้ มีเพียงการประสานในระนาบเดียวกันเท่านั้นจึงจะเป็นคอนเซ็ปต์ของการประสานเสียง
แต่ก็เหมือนกับเสียงปลาโลมา[1]
เดิมทีแนวคิดเฉพาะทางถึงขั้นที่ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าเสียงหวีด เพียงแต่คนภายนอกเรียกกันจนติดปาก ทุกคนจึงไม่ได้มามัวจับผิดอะไร ถึงอย่างไรถ้าหากสื่อถึงความหมายเดียวกันก็เป็นอันใช้ได้ การดันทุรังใช้สิ่งที่ผิดต่อไปก็นับเป็นการเข้าเมืองตาหลิ่ว แล้วหลิ่วตาตามอย่างหนึ่ง
การร้องประสานเสียงสามารถแบ่งประเภทได้
เสียงร้องหลักคือทำนองหลัก การร้องประสานเสียงที่พบเห็นได้บ่อยคือการร้องตาม การร้องคลอซึ่งปกติเรียกว่าส่วนที่สองก็คือการร้องคู่ 3 คู่ 5 ซึ่งพบเห็นกันได้ทั่วไป
สมมติเสียงร้องหลักร้องว่า 123
เสียงร้องคลอจะร้องว่า 345
ซ้อนเพิ่มขึ้นจากเสียงประสานไปอีกสามขั้นก็เข้าใจได้แล้ว จะเมเจอร์เติร์ดหรือไมเนอร์เติร์ดต้องขึ้นอยู่กับคอร์ด แน่นอนว่าเป็นไปตามช่องเสียง ความแตกต่างของเสียงผู้หญิงผู้ชาย และปัจจัยอื่นๆ สามขั้นนี้สามารถพลิกขึ้นลงอ็อกเทฟได้
ยืดหยุ่นและไม่ตายตัว
แต่การร้องคลอประเภทนี้ ก็จำเป็นต้องใช้ฝีมือ ถ้าหากไม่ได้ฝึกฝนมาดีเท่าที่ควร ก็อาจเกิดปัญหาด้านความไม่ลงตัว เช่นเดียวกับในวงการดนตรีที่มีนักร้องแนวหน้าสองคนร้องเพลงเพลงเดียวกัน…
บอกว่าราชาเพลงราชินีเพลงร้องเพลงด้วยกันจะต้องปังมากไม่ใช่หรือ
ในกระบวนการของการประสานเสียง จะปรากฏท่อนในการประสานเสียงของแต่ละฝ่าย ถ้าเข้ากันได้ดี จะช่วยเพิ่มผลสัมฤทธิ์ของการขับร้องเป็นอีกเท่าตัว แต่ถ้าหากเข้ากันได้ไม่ดี ทุกคนจะรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ
หนึ่งบวกหนึ่งเท่ากับสอง
ทว่าหนึ่งบวกหนึ่งก็อาจถึงขั้นน้อยกว่าหนึ่งได้
เมื่อได้ฟังหลินเยวียนพูดเช่นนี้ ซุนเย่าหั่วและเจียงขุยก็พอจะเดาความคิดของอีกฝ่ายได้ “รุ่นน้องหมายถึง อยากให้ฉันกับเจียงขุยร้องเพลงคู่กัน?”
หลินเยวียนพยักหน้า “ใช่ครับ”
ภารกิจของบริษัทคือการปั้นนักร้องชายหนึ่งคนหญิงหนึ่งคน หลินเยวียนใคร่ครวญดู วิธีการที่ประหยัดแรงที่สุดหนีไม่พ้นการร้องเพลงคู่
แน่นอน
การประหยัดแรงคือเรื่องรอง หลินเยวียนไม่ใช่คนเกียจคร้านอะไร สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ วิธีการนี้…
ประหยัดเงินที่สุด!
นี่เป็นช่องโหว่ของระบบที่หลินเยวียนหาเจอหลังจากขบคิดอยู่นาน การสั่งระบบผลิตเพลงหนึ่งเพลงคือราคาของเพลงหนึ่งเพลง เพราะฉะนั้นทำไมตนถึงไม่สั่งทำเพลงที่ชายหญิงร้องร่วมกันไปเลย ปั้นพร้อมกันสองคนในคราวเดียว?
“เพราะฉะนั้น…”
หลินเยวียนพูด “พวกคุณสองคนกลับไป ลองหาเพลงคู่ฝึกซ้อมดูครับ ให้ดีก็ควรมีบุุคลากรมืออาชีพคอยแนะนำอยู่ข้างๆ เพลงคู่ชายหญิงจะต้องรู้ใจกัน ช่วงเสียงกับเนื้อเสียงของพวกคุณเข้ากันได้ดีมาก ไม่มีทางเจอกับสถานการณ์ที่เสียงตีกัน”
“เข้าใจแล้ว”
ซุนเย่าหั่วไม่มีความเห็นค้าน
เจียงขุยย่อมไม่มีความเห็นค้านเช่นกัน เมื่อเป็นเช่นนี้ เธอกับซุนเย่าหั่วจึงไม่ได้อยู่ในความสัมพันธ์แบบแข่งขันกันอีกต่อไป อย่างน้อยเพลงแรกที่ชั้นเก้ามอบให้ก็เป็นเช่นนั้น มีเพียงแค่การร่วมมือกันเท่านั้นถึงจะชนะร่วมกัน
……
หลังจากซุนเย่าหั่วและเจียงขุยออกไป หลินเยวียนก็เอ่ยเรียกระบบ
สั่งทำตามที่ต้องการเลยดี?
หรือว่าสุ่มเลือกดี?
หลินเยวียนเลือกวิธีการสั่งผลิตที่ประหยัดเงินที่สุด “ระบบ ฉันจ่ายล้าน สั่งทำเพลงที่ผูู้ชายผู้หญิงร้องคู่กัน”
ประหยัดเงินหมายความว่าไม่มีหลักประกัน
บทเพลงที่ผู้ชายผู้หญิงขับร้องร่วมกัน จะต้องพิจารณาถึงช่วงเสียงและเนื้อเสียงของทั้งสองฝ่าย ถ้าหากเพลงที่ระบบให้นั้นไม่เข้ากับเสียงของทั้งสองก็จะยุ่งยากสักหน่อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน