Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 283

ตอนที่ 283 สมองระเบิด

ไต้รุ่ยและจางปินมองหน้ากัน ขณะเดียวกันก็มองเห็นความเหลือเชื่อในสายตาของอีกฝ่าย ฉากจบนี้เป็นเหมือนหลุมดำซึ่งอุบัติขึ้นมาอย่างฉับพลัน ดูดกลืนจินตนาการ และทำลายมันจนสูญสิ้นไปในชั่วพริบตา

สรุปแล้วเยี่ยเซินมองเห็นหรือไม่?

หมอถูกเจียงเยี่ยนสังหารจริงหรือไม่?

กระต่ายที่ถูกรถชนนั้นมีตัวตนจริงหรือไม่?

เรื่องราวที่เขาเล่าให้ซูเฟยฟังเป็นเรื่องจริงหรือไม่?

เดิมทีคำถามเหล่านี้สมเหตุสมผลในตัวมันเอง ทว่าคำตอบทั้งหมดราวกับถูกลบล้างไปเพราะการปัดกระป๋องอย่างแม่นยำของเยี่ยเซิน ทำให้ในตอนนี้มีแต่เครื่องหมายคำถามลอยล่องอยู่ในห้วงสำนึกของทุกคนเพราะความค้างคาใจ

“ไม่ได้”

ไต้รุ่ยซึ่งเดินออกมาจากโรงภาพยนตร์ด้วยท่าทางคล้ายกับใจลอย ฉวยมือจางปินซึ่งกำลังจมอยู่ในห้วงความคิดเช่นกัน “พรุ่งนี้มาดูกันอีกรอบดีมั้ย ฉันรู้สึกว่าตอนแรกพวกเราโฟกัสกับดนตรีมากเกินไป ทำให้มองข้ามรายละเอียดไปเยอะเลย”

“ได้สิ”

จางปินตอบตกลง

ภาพยนตร์เรื่องนี้เล่นกับจุดหักมุมได้อย่างถึงพริกถึงขิง ฉากจบก็ยิ่งหักมุมอย่างสุดขั้ว ผู้เขียนบทใช้เพียงรายละเอียดเดียวเพื่อหักล้างความเข้าใจทั้งหมดของทุกคนหลังจากชมภาพยนตร์!

รวมไปถึงจางปิน

นี่เป็นครั้งแรกที่จางปินตัดสินใจดูภาพยนตร์เป็นครั้งที่สองหลังจากที่ดูครั้งแรกจบ

แต่ถ้าหากไม่เลือกดูหนังเรื่องนี้อีกครั้ง ความสงสัยมากมายของเขาไม่มีทางคลี่คลาย นี่เป็นความรู้สึกที่คล้ายกับจะดูหนังเข้าใจ แต่ก็คล้ายกับยังไม่เข้าใจ และนั่นมักจะทำให้ผู้คนรู้สึกสนใจเป็นพิเศษ

เมื่อทั้งสองเดินออกมา พวกเขายังสังเกตเห็นว่าผู้ชมหลายคนตัดสินใจแบบเดียวกับพวกเขา “ตอนจบพิสูจน์ได้ว่าตัวเอกโกหก แต่คำถามคือเขาเริ่มโกหกตั้งแต่เมื่อไหร่ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมาดูอีกรอบแล้วกัน…”

แน่นอนว่าคนที่ตัดสินใจมาดูซ้ำนั้นเป็นส่วนน้อย

คนส่วนใหญ่เลือกที่จะค้นหาคำตอบทางอินเทอร์เน็ตทันทีที่เดินออกจากโรงภาพยนตร์ เพราะฉะนั้นสถานการณ์ที่คาดเดาได้ก็อุบัติขึ้นแล้ว

ทุกคนที่ชมภาพยนตร์เรื่องนี้เข้ามามีส่วนร่วมในการวิเคราะห์เนื้อเรื่องของภาพยนตร์สุดระทึกใจนี้ด้วยความรู้สึกตกใจระคนสงสัย!

[ชือโย่วโย่ว] ‘ตอนจบทำเอาฉันอึ้งไปเลย’!

[หญ้าเขียว] ‘หักมุมตอนสุดท้ายเทพมาก!!! เอาไปเลย 50 คะแนน!’

[นกน้อยใต้ท้องทะเล] ‘ฉากสุดท้ายที่เยี่ยเซินใช้ไม้เท้าฟาดกระป๋องบนถนนเป็นข้อพิสูจน์ว่าเขาไม่ได้ตาบอด เขาโกหกซูเฟยอีกครั้ง แต่ผมกำลังดื่มด่ำกับเพลงในตอนสุดท้าย (เพลงเปียโนท่อนนี้ทำให้คนฉู่ตาเหลือกได้เลยล่ะ แต่ตอนนี้ผมขอพูดเรื่องหนังก่อน) คลาสสิกสุดๆ ทำให้ผมลืมนึกถึงการหักมุมครั้งใหญ่ในตอนสุดท้ายไปเลย มีใครพอจะช่วยอธิบายได้ไหมครับ’

‘มาครับ ผมอธิบายเอง’

ในกระทู้ภาพยนตร์ระทึกขวัญสักกระทู้หนึ่ง

ชาวเน็ตซึ่งใช้ชื่อว่า [หัวใจของผมมันไม่เป็นของผมอีกต่อไปเพราะถูกคุณขโมยไป] เข้ามาอธิบายว่า

‘ผู้ชายคนที่เล็งปืนยิงกระต่ายไม่มีตัวตนอยู่จริง เพียงแต่ตัวเอกแต่งเรื่องขึ้นมาจากรูปลักษณ์ของหัวกระต่ายบนไม้เท้า เจียงเยี่ยนไม่ได้ฆ่าหมอ ในความจริงแล้วเยี่ยเซินกับหมอตลาดมืดคนนั้นพาเจียงเยี่ยนไปส่งให้เศรษฐีลึกลับ ใช้ไตของเธอแลกมาเป็นเงินก้อนหนึ่ง และใช้เงินก้อนนั้นจัดคอนเสิร์ต และใช้กระจกตาของเธอแลกกับกระจกตาของตัวเอง บางทีเยี่ยเซินอยากรักษาภาพจำที่ดีกับแฟนเก้า จึงปิดบังความจริงที่ว่าตนฆ่าคน และเลือกที่จะโกหก’

‘คำถามคือเขาเริ่มโกหกตั้งแต่ตอนไหน’

‘ผู้ชมที่จับรายละเอียดได้จะพบว่า ในเรื่องราวหลักของหนัง กับเรื่องราวที่เยี่ยเซินเล่าให้ซูเฟยฟังนั้น ถูกถ่ายทอดผ่านฉากเดียวกัน นั่นคือต้นไม้ริมถนน’

‘ในเรื่องหลักบรรยายไว้ว่าหมอกำลังขับรถพาเยี่ยเซินกับเจียงเยี่ยนผ่านต้นไม้ต้นหนึ่ง และขับห่างออกไปเรื่อยๆ จากตอนนี้ ฉากก็ตัดไปที่สองปีให้หลังในต้าฉิน ซึ่งก็คือสถานที่ที่เยี่ยเซินเล่าสิ่งที่ตัวเองเจอมาให้กับซูเฟยฟัง’

‘และในเวอร์ชันที่เยี่ยเซินเล่า ตำแหน่งของต้นไม้เดียวกัน หมอยังไม่ทันขับรถผ่าน ก็จอดรถแล้ว! เพราะเจียงเยี่ยนซึ่งอยู่ด้านหลังฟื้นขึ้นมาและส่งเสียงดัง หมอก็เลยหยิบเข็มฉีดยาลงไปเปิดกระโปรงรถ แต่กลับถูกเจียงเยี่ยนฆ่า เพราะฉะนั้นถ้าถามว่าเยี่ยเซินเริ่มโกหกตั้งแต่จุดไหน ต้นไม้ก็เป็นคำตอบให้แล้ว!’

‘…’

โพสต์นี้ถูกปักหมุดไว้สูงสุด และได้รับการยอมรับเป็นวงกว้างมากที่สุด เพราะหลักฐานที่บรรยายมานั้นค่อนข้างเป็นภววิสัย และน่าเชื่อถือกว่าการคาดเดาโดยไร้เหตุไร้ผล

แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคนวิเคราะห์ในลักษณะที่แตกต่างออกไป

‘ผมว่าตัวเอกเป็นนักเปียโนคนหนึ่งที่ชอบแกล้งเป็นคนตาบอด บางทีหลังจากที่เขาถูกซูเฟยจับได้ว่ามีชู้ จนกระทั่งพวกเขามาพบกันที่ต้าฉิน ล้วนเป็นคำโกหกของนักเปียโน หลังจากตัวเอกมีอะไรกับผู้หญิงคนนั้นแล้วก็ไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรมาแก้ตัว จากนั้นก็แยกทางกับแฟนคนนั้น หลังจากนั้นเมื่อมาถึงต้าฉินก็คิดหาคำพูดสวยๆ มาเล่า!’

‘ตัวเอกได้รับรู้ความหอมหวานของการแสร้งทำเป็นตาบอด เขาชอบฉวยโอกาสที่คนไม่ได้ระวังตัวเติมเต็มความปรารถนาของตัวเอง เขาชอบตัวตนในฐานะคนตาบอดเพื่อถ้ำมองคนอื่น’

‘เป็นไปได้ไหมที่ผู้ชายที่ถือปืนยิงกระต่ายตอนต้นเรื่องมีตัวตนจริงๆ เจียงเยี่ยนไม่ได้ตอบโต้ตอนที่อยู่ท้ายกระโปรงรถ หมอถูกลูกหลงที่ผู้ชายคนนั้นยิงปืนระหว่างระหว่างทางขับรถไปตลาดมืด ตัวเอกกับเจียงเยี่ยนได้รับการช่วยเหลือ จากนั้นตัวเอกก็หลอกหรือไม่ก็โน้มน้าวคนยิงกระต่าย และกำจัดหมอไปได้ ส่งเจียงเยี่ยนให้เศรษฐีลึกลับ เพื่อแลกกับโอกาสในการเปลี่ยนกระจกตา และเงินเพื่อมายังฉินโจว…’

‘เป็นไปได้ทั้งหมดเลย ถึงยังไงทุกคนในหนังก็ไม่ใช่คนดีอะไร! มีแค่ซูเฟยที่น่าสงสาร ถูกหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า’

‘ไม่หรอก ซูเฟยไม่ได้ถูกหลอก ตอนที่ซูเฟยรับไม้เท้าหัวกระต่ายมา จู่ๆ ซูเฟยก็แสยะยิ้ม ตรงนี้เป็นข้อพิสูจน์ว่าซูเฟยเดาออกแล้วว่าตัวเอกโกหก แต่ซูเฟยก็คิดว่าตัวเอกทำถูกแล้วที่ฆ่าเจียงเยี่ยน ท้ายที่สุดแล้วเธอก็เลยเอ่ยปลอบตัวเอกไปประโยคหนึ่ง ว่าตัวเอกควรจะเอากระจกตาของผู้หญิงคนนั้นมา’

‘ไม่มีใครเป็นคนดีจริงๆ ด้วย…’

บทวิเคราะห์ต่างๆ บนโลกออนไลน์ แสดงให้เห็นว่าตอนจบแบบปลายเปิดนำไปสู่ทิศทางที่แตกต่างกันออกไป

และหลังจากที่ผู้ชมส่วนใหญ่ได้อ่านบทวิเคราะห์นี้ ถึงได้ค้นพบด้วยความประหลาดใจว่าแท้จริงแล้วตนมองข้ามรายละเอียดไปตั้งมากมาย!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน