Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 295

สรุปบท ตอนที่ 295 สาวกฉู่ขวงมาเอง: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

ตอนที่ 295 สาวกฉู่ขวงมาเอง – ตอนที่ต้องอ่านของ Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

ตอนนี้ของ Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายการเงินทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 295 สาวกฉู่ขวงมาเอง จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตอนที่ 295 สาวกฉู่ขวงมาเอง

เสียงซึ่งก่อนหน้านี้สงสัยว่าฉู่ขวง ‘หมดไอเดีย’ คล้ายกับจะหายวับไปในทันที

อันที่จริง บนโลกออนไลน์ยังมีคนแบบนี้อยู่

ปกติแล้วพวกเขาจะหลบซ่อนอยู่ในความมืด ไม่กล้าโผล่หัวออกมา แต่มักจะฉวยโอกาสก่อเรื่องในตอนที่ผู้คนไม่ทันตั้งตัว และเมื่อคนที่พวกเขาเล็งไว้กลับมาแข็งแกร่ง คนกลุ่มนี้ก็จะล่าถอยกลับไป ราวกับไม่เคยมีตัวตนมาก่อน

อาจแปะป้ายกลุ่มคนเหล่านี้ได้ว่าเป็น ‘นักเลงคีย์บอร์ด’ หรือไม่ก็ ‘ไอโอ’

กล่าวโดยสรุป หลังจากจงโจวทีวีรายงานข่าว หลังจากที่เรื่องบะหมี่หยางชุนหนึ่งชามไต่ขึ้นอันดับหนึ่ง หลังจากที่คนกลุ่มนี้กลับไปเร้นกายในความมืดอีกครั้ง ฉู่ขวงก็กลายเป็นผู้ที่ทุกคนคุ้นเคย

ฉู่ขวงที่ผลงานตั้งแต่เปิดตัวมานั้นน้อยเหลือเกิน แต่กลับสั่นสะเทือนหัวใจของผู้คนได้เสมอ!

ไม่เพียงเท่านี้

วันเวลาหลังจากนั้น อิทธิพลของเรื่องบะหมี่หยางชุนหนึ่งชามก็คล้ายกับมีแนวโน้มว่าจะขยายตัวออกไปเรื่อยๆ เพราะในหลายธุรกิจ ถึงกับนำผลงานชิ้นนี้มาเป็นผลงานคลาสสิกทางธุรกิจ และขอให้พนักงานในบริษัทอ่านกัน!

ผู้ประกอบการธุรกิจหลายคน ล้วนเห็นแนวทางธุรกิจที่ซ่อนอยู่ในนิยายเรื่องนี้!

ทั้งยังเกี่ยวข้องกับภูมิหลังของการผนวกรวมฉิน ฉี และฉู่

หลายบริษัทมีโอกาสที่เฟื่องฟูขึ้นมาหลังจากฉิน ฉี และฉู่ผนวกรวมก็จริง แต่ก็มีหลายบริษัทที่ต้องประสบกับหายนะ

พวกเขายังคงยืดหยัด ไม่ยอมจำนน

เช่นเดียวกับสามแม่ลูกในเรื่องบะหมี่หยางชุนหนึ่งชาม ต่อให้อัตคัดหรือลำบากยากเข็ญเพียงใด ก็ยังคงบากบั่น แสวงหาความหวังต่อไป!

นี่เป็นสิ่งที่คนในวงการคาดไม่ถึง!

จนกระทั่งมีผู้ประกอบการจำนวนมากได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อสาธารณชนเกี่ยวกับเรื่องบะหมี่หยางชุนหนึ่งชาม และชื่นชมวิธีที่เจ้าของร้านบะหมี่เป่ยไห่ดูแลลูกค้า ทำให้ทุกคนตระหนักว่าผลงานชิ้นนี้มีศักยภาพมากพอที่จะกลายเป็นคัมภีร์ธุรกิจได้!

ในความเป็นจริง

การถือกำเนิดขึ้นของนิยายเรื่องนี้มีภูมิหลังค่อนข้างพิเศษ นั่นก็คือการล่มสลายของเศรษฐกิจแดนปลาดิบ

ในตอนนั้นที่เรื่องบะหมี่หยางชุนหนึ่งชามปรากฏขึ้น ทำให้หลายบริษัทนำไปใช้ให้กำลังใจพนักงาน และดิ้นรนเพื่อให้บริษัทผ่านพ้นช่วงเวลาอันยากลำบาก

เมื่อมาอยู่ที่บลูสตาร์

ถึงแม้ว่าจะไม่มีการล่มสลายทางเศรษฐกิจ แต่ผลกระทบครั้งใหญ่จากการผนวกรวมพื้นที่นั้น สำหรับหลายธุรกิจแล้วก็ส่งผลลัพธ์ที่คล้ายคลึงกัน เพราะฉะนั้นการถือกำเนิดขึ้นของนิยายเรื่องนี้กล่าวได้ว่าช่างประจวบเหมาะกับเวลา และกลายเป็นที่ชื่นชอบของผู้ประกอบการจำนวนมากในทันที

แน่นอนว่า เรื่อง ‘สถานีรถไฟของคนหนึ่งคน’ นั้นมาจากมณฑลฉู่ ในฐานะเรื่องจริงของนิยายเรื่องนี้ ก็สร้างแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนได้เช่นเดียวกัน

‘เฮ้อ ครั้งนี้ฉู่ขวงโชคดีจริงๆ!’

ในกลุ่มแช็ตเล็ก มีคนแท็กเซินเจียรุ่ย ราวกับมีเจตนาลุกขึ้นต่อสู้กับความอยุติธรรม

ปรากฏว่าทันทีที่เขาส่งข้อความไป ก็เรียกเสียงตอบโต้ได้ไม่น้อย

‘แบบนี้คุณเรียกว่าโชคดี?’

‘เข้าใจว่าอยากประจบอาจารย์เซิน แต่อย่าหลับหูหลับตาประจบได้ไหมล่ะ’

‘หลายคนประเมินนิยายเรื่องนี้ต่ำเกินไป ก็แค่เรื่องราวอบอุ่นละมุนหัวใจไม่ใช่หรือ ฉันว่ามากเกินไปก็ใช่ว่าจะดีนะ เรื่องราวอบอุ่นละมุนใจธรรมดาก็ว่าไปอย่าง แต่ถ้าเรื่องราวนั้นทำให้ผู้คนรู้สึกอบอุ่นหัวใจได้จริงๆ ทำไมยังจะฝืนใจบอกไม่ชอบด้วยล่ะ’

‘อาจารย์ฉู่ขวงไม่ได้หมดมุกหรอก ผมว่าครั้งนี้เขาแค่ขี้เกียจเล่นเยอะ ผลงานที่ผ่านมาของเขายังพิสูจน์ฝีมือไม่พออีกหรือ?’

‘…’

คนคนนี้ไม่คาดคิดว่าข้อความประจบประแจงซึ่งตนส่งไปพร้อมกับแท็กเซินเจียรุ่ยในกลุ่มแช็ตนั้น จะถึงกับสร้างความขุ่นเคืองให้กับผู้คน

และอีกสิ่งหนึ่งที่คนคนนี้คาดไม่ถึงยิ่งกว่า ก็คือเซินเจียรุ่ยถึงกับตอบเขากลับ ด้วยข้อความซึ่งแฝงไปด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์

‘สิ่งที่ผมเกลียดที่สุดก็คือ การที่คนในวงการวรรณกรรมดูถูกกันเอง‘’

‘ในอุตสาหกรรมนี้ ปรากฏการณ์ที่คล้ายคลึงกันนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะมีบางคนปากไม่ตรงกับใจ ดีก็บอกว่าดี ไม่ดีก็บอกว่าไม่ดีสิครับ แน่นอนว่าผมเองก็อยากชนะ แต่เมื่อผมแพ้แล้ว ก็จะไม่หาข้อแก้ตัวว่าคนอื่นโชคดี คุณเองก็อย่ายกยอปอปั้นผมนักเลย’

ข้อความแจ้งเตือน [เสี่ยวเปาเปาออกจากกลุ่ม]

……

เซินเจียรุ่ยสังเกตว่าในช่วงที่ตนถูกเบียดลงไปอยู่อันดับสอง ในใจไม่ได้รู้สึกผิดหวังมากถึงเพียงนั้น เพราะเขาชื่นชอบเรื่องสั้นแสนเรียบง่ายเรื่องนี้ของฉู่ขวงมาตั้งแต่ต้น

การยอมรับนี้ทำให้เขาไม่ได้รู้สึกขัดขืนมากนักยามต้องพ่ายแพ้

ถึงอย่างไรอันดับของเขาก็ต่ำกว่าอีกฝ่ายอยู่แล้ว

อันที่จริง เซินเจียรุ่ยถึงขั้นชื่นชมฉู่ขวง เขาเชื่อว่าอีกฝ่ายรับรู้ถึงจุดด้อยของนิยายเรื่องบะหมี่หยางชุนหนึ่งชามนี้ แต่ก็ยังคงเลือกที่จะเผยแพร่ออกมา

เซินเจียรุ่ยรู้สึกว่าจิตใจของเขามั่นคงดั่งขุนเขา

แต่กลับมีนักเขียนที่อยู่ในอันดับสูงมากบางคน ขณะเดียวกันก็ยังสนิทสนมกับเซินเจียรุ่ย มาบอกกับเซินเจียรุ่ยว่า

“เอาไว้ถ้าผมเจอฉู่ขวง ผมจะล้างแค้นให้คุณเอง!”

เซินเจียรุ่ยตอบกลับสหายว่า “นั่นก็เพราะคุณไม่รู้ว่าฉู่ขวงน่ากลัวขนาดไหนน่ะสิ”

เพื่อนเดือดดาลขึ้นมา “ผมอยู่อันดับสิบเอ็ดนะ!”

เซินเจียรุ่ย “คุณเขียนงานมาตั้งกี่ปี ฉู่ขวงเพิ่งเขียนมาได้เท่าไหร่เอง?”

เพื่อนเงียบงันไปพักใหญ่ ก่อนจะตอบว่า “คุณพูดแบบนี้ใช่ไหม ได้เลยสาวกฉู่ขวง ผมขอตัวก่อน”

เซินเจียรุ่ยกลอกตา

ทว่าสิ่งหนึ่งที่หลายคนไม่รู้ก็คือ…

ทางบล็อกก็ติดตามผลงานชิ้นใหม่ของฉู่ขวง เพราะถึงอย่างไร ทางบล็อกก็ได้บรรลุข้อตกลงในเบื้องต้นกับฉู่ขวงแล้ว เรื่องสั้นเรื่องต่อไปของฉู่ขวงจะมาเผยแพร่ผ่านบล็อก!

ปรากฏว่า บล็อกได้เห็นการแซงโค้งอย่างแข็งแกร่งของฉู่ขวงกับตาตนเอง ฝีมือด้านการเขียนเรื่องสั้นเหนือชั้นเฉกเช่นที่เป็นมาโดยตลอด!

“ร้ายกาจ!”

“ต่อให้ไม่มีแรงช่วยจากข่าว ลำพังแค่การส่งต่อในแวดวงธุรกิจ ผลงานชิ้นนี้ก็ต้องแซงโค้งขึ้นมานำได้อยู่แล้ว!”

“คนแบบนี้ พวกเราจะไม่พยายามคว้าตัวได้เหรอ!”

“นั่นน่ะสิ จะปล่อยให้ปู้ลั่วได้ลิ้มลองความหอมหวานไปซะทุกครั้งได้ไง”

“ประเด็นสำคัญก็คือ ค่าประสิทธิภาพต่อราคาสูงมาก ครั้งก่อนเราจ่ายไปตั้งเท่าไหร่เพื่อเชิญอาจารย์เฝิงมา ปรากฏว่าถูกฉู่ขวงบี้ซะแบนเลย”

“สู้ไม่ไหว ก็ลากเขามาเข้าร่วมกับเราซะเลยสิ!”

“…”

……………………………………………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน