Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 30

สรุปบท ตอนที่ 30 รวมพลังโจมตี: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

ตอน ตอนที่ 30 รวมพลังโจมตี จาก Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 30 รวมพลังโจมตี คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายการเงิน Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตอนที่ 30 รวมพลังโจมตี

“หลินเยวียน”

ได้พบหลินเยวียนอีกครั้ง จ้าวเจวี๋ยก็พูดอย่างเป็นมิตร “จ้าวอิ๋งเก้อเซ็นสัญญากับฉันแล้ว เธอชอบ ‘ติดไฟง่ายระเบิดง่าย’ มาก”

“ดีแล้วครับ”

หลินเยวียนช่วยเหลือจ้าวเจวี๋ยอย่างใจกว้าง

จ้าวเจวี๋ยพูดว่า “ฉันจะพาเธอไปเซ็นสัญญาก่อน ตามกฎเดิม บริษัทเก็บแปดส่วน ที่เหลืออีกสองส่วน เธอกับจ้าวอิ๋งเก้อแบ่งคนละครึ่ง”

“ได้ครับ”

จ้าวอิ๋งเก้อไม่ใช่ผู้ช่วยงานธรรมดา

ดังนั้นหลินเยวียนจึงเตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้วว่าจะถูกหักส่วนแบ่งเพิ่ม และไม่ได้ออกความเห็นแต่อย่างใด คนละครึ่งก็คนละครึ่ง

ถึงหลินเยวียนจะปวดใจอยู่บ้างก็เถอะ

แต่ไม่ว่าอู๋หย่งจะสาธยายไปเท่าไหร่ ใจของหลินเยวียนก็ยังคงอยู่กับผู้ช่วยงาน เพราะในความคิดของหลินเยวียน ผู้ช่วยงานนั้นมีราคาถูกและคุ้มค่า

“เรื่องอื่นก็ไม่ต้องพูดถึงแล้ว”

จ้าวเจวี๋ยตบบ่าของหลินเยวียน “น้ำใจครั้งใหญ่นี้ เอาไว้ฉันจะตอบแทนเธอ ในสตาร์ไลท์ ฉันยังมั่นใจที่จะพูดประโยคนี้”

หลินเยวียนพูด “พี่เลี้ยงข้าวผมแล้ว”

จ้าวเจวี๋ยหลุดหัวเราะ “อาหารง่ายๆ มื้อเดียวก็แลกกับ ‘ติดไฟง่ายระเบิดง่าย’ ได้แล้ว งั้นฉันเลี้ยงข้าวเธออีกสักสามสี่มื้อไม่ขึ้นสวรรค์ไปเลยเหรอ นี่ไม่ใช่เรื่องของอาหารมื้อเดียว จะให้ฉันเอาเปรียบเด็กน้อยอย่างเธอไม่ได้หรอก หลังจากนี้เธอต้องการอะไรมาหาฉันได้เลย”

ก่อนหน้านี้จ้าวเจวี๋ยพูดประโยคนี้ไปแล้วครั้งหนึ่ง

แต่พูดครั้งที่สอง ความหมายกลับเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

ทว่าหลินเยวียนไม่ได้คิดมาก เพียงแค่พยักหน้า “ไปเซ็นสัญญาเถอะครับ”

จ้าวเจวี๋ยพยักหน้า

ผ่านไปห้านาที หลินเยวียนก็ตามจ้าวเจวี๋ยไปยังแผนกศิลปิน และได้พบกับจ้าวอิ๋งเก้อ

“สวัสดีค่ะ อาจารย์เซี่ยนอวี๋”

ขณะที่จ้าวอิ๋งเก้อยิ้มบางเอ่ยทักทายหลินเยวียน ในใจก็ตกตะลึงในความอ่อนเยาว์ของหลินเยวียน เดิมทีเธอคิดว่าอีกฝ่ายจะอายุสามสิบขึ้นไปซะอีก

“สวัสดีครับ”

หลินเยวียนจับมือกับอีกฝ่ายตามกาลเทศะ

ที่จริงแล้วจ้าวอิ๋งเก้ออยากพูดคุยกับหลินเยวียนสักสองสามประโยค แต่หลินเยวียนดูคล้ายกับไม่อยากเสวนา

เธอลองหาหัวข้อสนทนาอยู่หลายครั้ง หลินเยวียนเพียงตอบตามมารยาท จ้าวอิ๋งเก้อจึงทำได้เพียงเงียบปาก เธอเองก็ทะนงตนเหมือนกัน

ทั้งสองเซ็นสัญญาเสร็จ

จ้าวอิ๋งเก้อเอ่ย “อาจารย์เซี่ยนอวี๋มีอะไรจะเสริมมั้ยคะ”

หลินเยวียนครุ่นคิด ตอบว่า “เวอร์ชันที่ปล่อยออกไปไม่ต้องแก้ เวอร์ชันอื่นๆ หลังจากนั้นแก้ได้ตามสบายครับ”

จ้าวอิ๋งเก้อพูดว่า “ทำนอง เรียบเรียง เนื้อร้อง ฉันไม่ได้คิดจะแก้อยู่แล้วค่ะ”

“อื้ม”

หลินเยวียนลุกขึ้นกล่าวลา

ครั้นหลินเยวียนออกไป จ้าวอิ๋งเก้อถึงพึมพำว่า “อาจารย์แผนกประพันธ์เพลงบริษัทเราเย็นชาแบบนี้ทุกคนเลย

เหรอคะ”

“ใช่”

จ้าวเจวี๋ยพูดอย่างไม่ได้รู้สึกแปลกใจ “คนแผนกประพันธ์เพลงส่วนใหญ่เย็นชา นิสัยแบบเซี่ยนอวี๋นี่ถือว่าไม่เลวแล้ว อย่างน้อยก็มีมารยาทมาก”

“โอเคค่ะ”

จ้าวอิ๋งเก้อถามด้วยความคาดหวัง “ตอนนี้เซ็นสัญญาทั้งหมดแล้ว วันที่หนึ่งเดือนหน้าพวกเราก็ปล่อยเพลงได้แล้วใช่มั้ยคะ”

“แน่นอน”

จ้าวเจวี๋ยยิ้มเอ่ย “ฉันบอกแล้วว่าบริษัทเราเน้นผลสัมฤทธิ์สูง ตั้งแต่วินาทีที่เธอเซ็นสัญญากับบริษัท แผนกประชาสัมพันธ์ของบริษัทก็เริ่มโปรโมตเพลงใหม่ให้เธอแล้ว ตอนนี้แฟนคลับของเธอรู้เรื่องที่เธอจะปล่อยเพลงใหม่เดือนหน้ากันแล้ว”

จ้าวอิ๋งเก้อเป็นผู้ชนะในการแข่งขัน ‘สะพรั่ง’

รายการนี้ได้จบลงไปแล้ว ความร้อนแรงของผู้ชนะอย่างจ้าวอิ๋งเก้อก็ยังคงอยู่ ฉะนั้นบริษัทจึงอยากตีเหล็กตั้งแต่ยังร้อน หยิบยืมกระแสจาก ‘สะพรั่ง’ มาปล่อยเพลงได้พอดิบพอดี

ถ้าหากรั้งรอเวลานานเกินไป

ความร้อนแรงของผู้ชนะก็จะหายไปได้

ในตอนนั้นเอง จู่ๆ โทรศัพท์ของจ้าวเจวี๋ยก็ดังขึ้น

เธอรับโทรศัพท์ได้ไม่ทันไร สีหน้าก็ดำทะมึน น้ำเสียงเย็นเยียบขึ้นมา “เซวี่ยนล่านอิ๋นกวงกับซาไห่ร่วมมือกัน?”

“งั้นก็ทำได้แค่สู้แล้ว?”

จ้าวอิ๋งเก้อประหม่าอยู่บ้าง

เธอมั่นใจใน ‘ติดไฟง่ายระเบิดง่าย’

แต่สถานการณ์ของชาร์ตเพลงใหม่นั้นซับซ้อนเกินไป

ยกตัวอย่างจากชาร์ตเพลงใหม่เดือนธันวาคม เพราะในเดือนธันวาคมนั้นมีคนเก่งๆ ลงสนามมาก ดังนั้นแม้แต่เพลงอย่าง ‘ปลายักษ์’ ก็ไม่มีทางเบียดขึ้นไปถึงอันดับหนึ่ง

แน่นอน

เรื่องนี้เกี่ยวกับที่ ‘ปลายักษ์’ ลงสนามในช่วงกลางเดือนด้วย

แต่เรื่องนี้เมื่อมองจากอีกมุมหนึ่งก็เห็นได้ชัดว่าปัจจัยที่ตัดสินอันดับของเพลงนั้นไม่ได้อยู่แค่ที่คุณภาพ แต่ยังอยู่ที่ชื่อเสียงของคนร้องและคนแต่งเพลงด้วย

เซี่ยนอวี๋เริ่มมีชื่อเสียงมาบ้างแล้ว

แต่หากเทียบกับนักแต่งเพลงมือทองก็ยังห่างไกลอยู่ดี

ตนเองก็พอมีชื่อเสียงเล็กน้อย เป็นผู้ชนะใน ‘สะพรั่ง’ ก็พอจะมีหน้ามีตาอยู่บ้าง

ทว่าเมื่อเทียบฐานแฟนคลับของนักร้องแถวหน้า ก็ยังแตกต่างกันไม่น้อย

“ไม่มีทางถอยแล้ว”

จ้าวเจวี๋ยหรี่ตา “พวกเขากล้าส่งนักร้องแถวหน้าสองคนมาโจมตีเธอ ก็เพราะแน่ใจว่าพวกเราไม่มีทางถอยแล้ว ทำได้แค่กัดฟันสู้”

การโจมตีแบบนี้เห็นได้น้อยมาก

ถ้าไม่บากบั่นสู้ต่อ ก็คงต้องถูกผู้โจมตีบีบให้เปลี่ยนตาราง

แต่เซวี่ยนล่านอิ๋นกวงกับซาไห่ฉลาดก็ตรงที่พวกเขามองสถานการณ์ของจ้าวอิ๋งเก้อออก และคว้าโอกาสพิเศษนี้ ทำให้จ้าวอิ๋งเก้อหมดโอกาสเปลี่ยนตาราง!

ถ้าไม่ได้มาก็ทำลายทิ้งซะ

นี่เป็นการต่อสู้ของสามความยิ่งใหญ่ในฉินโจว

ถ้าหากพวกเขาขัดขวางเพลงแรกของจ้าวอิ๋งเก้อได้สำเร็จ ผู้ชนะรายการ ‘สะพรั่ง’ อย่างจ้าวอิ๋งเก้อก็ไม่ได้มีมูลค่ามากมายอะไรอีกต่อไป

จ้าวอิ๋งเก้อก็เข้าใจเหตุผลข้อนี้

เพราะฉะนั้นเธอจึงประหวั่นพรั่นพรึงอยู่บ้าง

…………………………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน