ตอนที่ 303 ผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้
มีใครทำได้อีกไหมล่ะ?
ฉู่ขวงเป็นคนเขียนหนังสือ แต่คุณกลับออกตัวอวยแรงซะขนาดนี้ คนที่ไม่รู้จะคิดเอาได้ว่าเซินเจียรุ่ยเป็นคนเขียนเรื่องฆาตกรรมโรเจอร์ แอ็กครอยด์
ในวงการมีคนที่แอบรู้สึกไม่พอใจ แต่ก็ต้องยอมรับว่าสิ่งที่หมอนี่อวยฉู่ขวงนั้นเป็นความจริง
สมแล้วที่ได้รับฉายาว่าสาวกฉู่ขวง
แน่นอนว่าไม่ใช่คอมเมนต์จะเทไปทางบวกเสียทั้งหมด ฆาตกรรมโรเจอร์ แอ็กครอยด์เป็นผลงานซึ่งเป็นที่ถกเถียงมากที่สุดของอกาธา คริสตี ยังไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องความคิดเห็นจะแบ่งเป็นสองขั้ว เสียงของผู้ที่ไม่ชอบนั้นมีอยู่จริง
‘เทคนิคการเขียนขี้เกียจไปอีก ยอมทิ้งอรรถรสของคดีไป เพื่อให้ตอนจบของเรื่องตื่นเต้น รู้สึกว่าตื้นเขินเกินไปหน่อย’
‘เห็นชัดๆ ว่าหลอกลวงผู้อ่าน คนโดนหลอกยังมีความสุขกันอีก สร้างสรรค์อยู่หรอก แต่ผมไม่ชอบนิยายสืบสวนสอบสวนแบบนี้’
‘ไม่ชอบวิธีการเขียนแบบนี้เหมือนกัน แต่ฉันก็ยอมรับนะว่านี่เป็นการสร้างสรรค์วิธีเขียนนิยายสืบสวนสอบสวนรูปแบบใหม่จริงๆ เพียงแต่ฉันก็ภาวนาไม่ให้นักเขียนที่ฉันชอบทำตาม’
‘นิยายสืบสวนสอบสวนจะใช้ระดับความยากในการเดาตัวฆาตกรมาเป็นเกณฑ์ในการประเมินไม่ได้…วิธีเขียนแบบวิถีมารชัดๆ ผมชอบแนวสืบสวนสอบสวนที่ตามเบาะแสไปทีละนิดจนความจริงเปิดเผยมากกว่า ผมคงไม่เหมาะกับวิธีการเล่นคำแบบนี้ของนักเขียน’
‘ตอนจบชวนตะลึงก็จริง แต่มีแค่ผมคนเดียวหรือเปล่าที่คิดว่าช่วงกลางเรื่องน่าเบื่อสุดๆ?’
‘ถึงจะเขียนดี แต่ฉันก็ยังรับวิธีเล่าเรื่องแบบนี้ไม่ได้อะ มันให้ความรู้สึกแบบ ถึงจะน่าทึ่ง แต่ฉันก็รู้สึกเหมือนถูกหลอก แอบรู้สึกแย่อยู่นะ’
‘…’
นักเขียนที่ตลบหลังผู้อ่านจะต้องชดใช้!
เพราะใช่ว่าผู้อ่านทุกคนจะยอมรับการตลบหลังลักษณะนี้ได้
มิหนำซ้ำ วรรณกรรมสืบสวนสอบสวนมีหลากหลายประเภท ประเภทซึ่งใช้เทคนิคผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้นั้นกลับ ‘เป็นพิษ’ ในทัศนะของแฟนวรรณกรรมแนวนี้หลายคน
ในช่วงที่คุณย่าปล่อยเรื่องฆาตกรรมโรเจอร์ แอ็กครอยด์ออกมา ก็ถูกตั้งข้อสงสัยอยู่หลายครั้ง ผู้คนมองว่านี่เป็นความไม่ยุติธรรมต่อผู้อ่าน เป็นธรรมดาของสิ่งใหม่ๆ เมื่อเกิดขึ้นมาก็มักจะต้องเผชิญกับข้อกังขาอยู่ร่ำไป
ในตอนนั้น
ผู้ที่คิดว่าตนกำลังถูกพิษเจียนตายนั้นไม่ได้มีเพียงผู้อ่าน ยังรวมไปถึงนักเขียนด้วย!
ใช่แล้ว มีนักเขียนวรรณกรรมแนวสืบสวนสอบสวนจำนวนหนึ่ง เมื่ออ่านฆาตกรรมโรเจอร์ แอ็กครอยด์จบแล้ว ก็รู้สึกราวกับตนถูกตลบหลัง ทันทีที่อ่านจบก็สาปส่งฉู่ขวงไปหนึ่งยก
ส่วนมากผู้ที่ปากคอเราะร้ายสักหน่อยก็เพียงสบถไปสองประโยค
แต่มีนักเขียนบางคนซึ่งชอบระบายอารมณ์โดยธรรมชาติ ตัวอย่างเช่นเหลิ่งกวง นักเขียนแนวสืบสวนสอบสวนชื่อดังจากมณฑลฉี
เหลิ่งกวงเปิดฉากระบายความคับข้องใจทันที
‘เมื่อคืนเริ่มอ่านเรื่องฆาตกรรมโรเจอร์ แอ็กครอยด์ที่มีคนแนะนำผมมา ผมจึงอ่านด้วยใจซึ่งเปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง หลังจากอ่านจบกลับผิดหวังมาก ผมพูดได้เพียงว่า นี่มันผิดกฎ!’
จะบอกว่าระบายความคับข้องใจก็อาจเกินจริง เมื่อมองจากรูปคำแล้วก็นับว่าละมุนละม่อม แต่เหลิ่งกวงก็ไม่พอใจจริงๆ
เหลิ่งกวงเป็นนักเขียนนิยายแนวสืบสวนสอบสวน ขึ้นชื่อเรื่องความตรงไปตรงมา แถมยังเคยโพสต์ ‘ห้ากฎหลักของวรรณกรรมสืบสวนสอบสวน’
กฎเหล่านี้เป็นที่นิยมมากในวงการ
กฎข้อที่หนึ่ง: วรรณกรรมสืบสวนสอบสวนไม่สามารถใช้วิธีเหนือธรรมชาติมาไขคดี
กฎข้อที่สอง: ขณะสร้างคดี ไม่สามารถใช้ยาพิษซึ่งยังไม่ถูกคิดค้น หรืออุปกรณ์ซึ่งจำเป็นต้องใช้คำอธิบายเชิงลึกทางวิทยาศาสตร์
กฎข้อที่สาม: นักสืบห้ามไขคดีจากเบาะแสซึ่งไม่ได้เอ่ยถึงในนิยายกับผู้อ่าน
กฎข้อที่สี่: นักสืบห้ามไขคดีจากสิ่งที่เรียกว่าสัญชาตญาณ
กฎข้อที่ห้า: นักสืบห้ามเป็นผู้ก่อเหตุ
สามสี่ข้อแรกนั้นไร้ซึ่งข้อถกเถียง ในวงการล้วนยอมรับ เพราะเงื่อนไขดังกล่าวนี้จะทำให้ผลงานสูญเสียอรรถรสไปจริงๆ
แต่เงื่อนไขที่ว่านักสืบห้ามเป็นผู้ก่อเหตุ กลับมีคนไม่เห็นด้วย
โลกของนิยายมีผลงานซึ่งเดินวิถีมารเหล่านั้น ที่ทำให้นักสืบกลายเป็นผู้ก่อเหตุ
เพราะฉะนั้น เหลิ่งกวงจึงเอ่ยถึง ‘ห้ากฎหลักของวรรณกรรมสืบสวนสอบสวน’ ทว่าในวงการกลับตัดข้อที่ห้าออก และทำให้กลายเป็น ‘สี่กฎหลักของวรรณกรรมสืบสวนสอบสวน’
นั่นก็ทำให้เหลิ่งกวงหัวเสียกับผู้คนจำนวนมากในวงการมาโดยตลอด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน