Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 32

ตอนที่ 32 เซี่ยนอวี๋อีกแล้ว

“อะไรวะเนี่ย”

ผู้จัดการสีหน้างงงัน แต่ไม่ทันไรก็ฉีกยิ้มกว้าง “ที่ฉันมาเพราะอยากแสดงความยินดีกับนาย ‘โชติช่วง’ เพลงใหม่

ของนายเป็นเพลงอันดับหนึ่งในชาร์ตเพลงใหม่ ฤดูกาลนี้นายนำลิ่วไปครองแชมป์แล้ว!”

“ครองแชมป์?”

เฉินจื้ออวี่เหลือบมองผู้จัดการ “ผมเพิ่งจะนึกได้วันนี้ว่าชื่อเพลงนี้มันไม่ค่อยเป็นมงคลเท่าไหร่ คุณรู้จักมั้ยล่ะความโชติช่วงชั่วครั้งชั่วคราวคืออะไร”

“โอ๊ยๆๆ!”

ผู้จัดการพูดอย่างไม่พอใจ “ไม่มีอะไรทำก็ไม่ต้องแช่งตัวเอง เพลงใหม่ปล่อยตอนเจ็ดโมงเช้า ตอนนี้ก็เก้าโมง สองชั่วโมง โชติช่วงไต่ขึ้นไปเป็นอันดับหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าเป็นเพลงที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเราในฤดูกาลนี้ แม้แต่ซาไห่ก็ถูกเราเบียดหล่นไปแล้ว ตอนนี้เพลง ‘คาราเมล’ ของเจิ้งเลี่ยงอยู่อันดับสอง ตัวเลขน้อยกว่าเราแค่นิดเดียว ตราบใดที่ยังชิงความได้เปรียบและกดเจิ้งเลี่ยงเอาไว้ได้ แชมป์ของฤดูกาลนี้ก็มั่นคงแล้ว!”

“คุณนี่ไม่ได้ช่วยอะไรเลยจริงๆ” เฉินเจิ้นอวี่ใบหน้าเศร้าหมอง

เมื่อเห็นท่าทางของเฉินจื้ออวี่ ผู้จัดการก็ยิ่งขุ่นเคือง “เฉินจื้ออวี่ตกลงนายเป็นอะไร ขึ้นอันดับหนึ่งแล้วยังไม่พอใจ

อีกเหรอ นี่จะบ่นว่าบริษัทส่งนายไปข่มเด็กใหม่หรือยังไง ฉันยอมรับว่าเรื่องที่บริษัททำน่ะไม่ถูกต้อง แต่ทางหัวหน้าก็รับปากแล้วไงว่าจะจัดคอนเสิร์ตเพิ่มให้นาย นายก็ฮึกเหิมหน่อยสิ”

“ข่มเด็กใหม่?”

เฉินจื้ออวี่หัวเราะเหอะๆ “ใครข่มใครก็ยังไม่แน่หรอก ถ้าบริษัทขโมยไก่ไม่ได้ แถมเสียข้าวสารไปอีกกำมือ ก็อย่า

มาโทษผมก็แล้วกัน”

“ล้อเล่นอะไรอีกล่ะ”

จู่ๆ ผู้จัดการก็หัวเราะออกมา “นายคงไม่ได้กลัวจ้าวอิ๋งเก้อหรอกใช่มั้ย สมแล้วที่เป็นนักร้องเก่า เก่งอย่างที่คิด ที่จริงฉันก็กังวลอยู่บ้างว่าพวกเราจะไม่ไหว เพราะงั้นก่อนจะมาที่นี่ฉันเลยอุตส่าห์ไปดูอันดับของเพลงติดไฟง่ายระเบิดง่ายมาโดยเฉพาะ อันดับสิบพอดิบพอดี ยังห่างจากนายในตอนนี้อีกไม่รู้กี่โยชน์ ไม่เชื่อก็ลองดู”

ผู้จัดการพูดพลางใช้โทรศัพท์เปิดชาร์ตเพลงใหม่

เขาเหลือบมองชาร์ต แล้วก็พลันชะงักไป “เอ๊ะ? ทำไมที่เจ็ดแล้ว ฉันเพิ่งเห็นอยู่ที่สิบเมื่อกี้ ชาร์ตติดบัคเหรอ”

“อือฮึ”

เฉินจื้ออวี่ไม่ได้ประหลาดใจแม้แต่น้อย ท่าทางลึกล้ำเกินคาดเดาคล้ายกับกำลังเพลิดเพลินท่ามกลางความทุกข์ “แนะนำให้อีกเดี๋ยวคุณลองรีเฟรชเรื่อยๆ มีเซอร์ไพรส์แน่”

“อีกเดี๋ยว?”

ผู้จัดการคล้ายกับฉุกคิดขึ้นได้ จึงกดรีเฟรช จากนั้นก็ต้องตะลึงงัน ถลึงตาจ้องมอง

“บ้าน่ะ ที่หกแล้ว?”

เขาหันหน้าไปมองเฉินจื้ออวี่ทันที

ต่อให้เป็นคนโง่ เขาก็ต้องพอบอกได้ว่าสถานการณ์ชักจะไม่ชอบมาพากลสักเท่าไหร่แล้ว

เฉินจื้ออวี่ยักไหล่ “ดูท่าแล้วอิ๋นกวงของพวกเรากับซาไห่จะได้เป็นตัวประกอบอย่างสมบูรณ์แบบซะแล้วสิ คุณรอก่อนเถอะ พาดหัวข่าวพรุ่งนี้จะเขียนว่าจ้าวอิ๋งเก้อผู้ชนะรายการ ‘สะพรั่ง’ เหยียบไหล่นักร้องแถวหน้าไต่ขึ้นอันดับ”

“คงไม่ขนาดนั้นหรอกมั้ง?”

ผู้จัดการนิ่งค้างไปในฉับพลัน

เขาไม่กล้าเดินไปไหน ทำได้แค่อยู่กับเฉินจื้ออวี่อย่างนั้น

สองคนมองหน้ากัน ต่างคนต่างเงียบไปครึ่งชั่วโมง ก่อนที่ผู้จัดการจะเปิดชาร์ตเพลงใหม่อีกครั้ง

“อันดับที่เท่าไหร่แล้ว”

เฉินจื้ออวี่เอ่ยถามอย่างไม่เดือดเนื้อร้อนใจ

มุมปากของผู้จัดการกระตุกวูบ “เป็นไปได้ยังไง…ไม่มั้ง…ครึ่งชั่วโมง…ก็พุ่งขึ้นอันดับสามแล้ว?”

อันดับสามแล้ว?

เฉินจื้ออวี่แดกดันออกมาสามคำ “ฆ่ายับเลย”

ผู้จัดการเองก็มีท่าทีเห็นด้วย “จ้าวอิ๋งเก้อโหดจริงๆ”

เฉินจื้ออวี่ส่ายหน้า “จ้าวอิ๋งเก้อไม่มีทางมีแฟนคลับมากเท่าผม ที่เธอพุ่งขึ้นไปบนชาร์ตเพลงใหม่ได้ เป็นเพราะคุณภาพของเพลงช่วยเสริมที่ชื่อเสียงไม่มากพอ ฉะนั้นคนที่โหดจริงๆ ก็คือเซี่ยนอวี๋ พ่อเพลงที่อยู่เบื้องหลัง!”

ผู้จัดการถาม “งั้นพวกเรายังจะรักษาที่หนึ่งไว้ได้มั้ย”

เฉินจื้ออวี่สูดลมหายใจเข้าลึก “เรื่องนั้นต้องรอดูว่าเซี่ยนอวี๋โหดได้ถึงระดับไหน”

ผู้จัดการจึงผ่อนลมหายใจ “นายหมายความว่าพวกเรายังมีความหวังใช่มั้ย”

เฉินจื้ออวี่ส่ายหน้า “คุณอย่าเข้าใจผิด ถูกแซงหน้าเป็นเรื่องของเวลา ความหมายของผมก็คือ ไม่รู้ว่าเซี่ยนอวี๋จะโหดถึงระดับที่ต้องใช้เวลากี่วันกว่าจะปีนขึ้นไปนั่งบัลลังก์แชมป์ต่างหาก”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน