Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 336

ตอนที่ 336 ห้วงคำนึงในคืนสงัด

สิ่งที่ถ่ายทอดศาสตร์การเขียนตัวอักษรออกมาได้ดีที่สุดคือการเขียนพู่กัน หากเทียบในแง่ของศิลปะละก็ ไม่ว่าอย่างไรการใช้ปากกาเขียนก็เทียบกับพู่กันไม่ได้ เพราะฉะนั้นหลินเยวียนจึงอยากพิสูจน์ฝีมือการเขียนตัวอักษรของตน แน่นอนว่าเขาย่อมต้องเลือกการเขียนพู่กันปราบเซียน!

คลี่กระดาษออก

จินมู่เริ่มฝนหมึก

การเขียนตัวอักษรด้วยพู่กันแลดูง่ายมาก ทั้งยังให้อวดความเท่บางอย่าง ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าถ้าฉันอวดฝีมือเมื่อไหร่ พวกเธอจะต้องตกตะลึง แต่เมื่อหยิบพู่กันขึ้นมาจริงๆ จึงจะสัมผัสได้ถึงความยากที่แท้จริง

มีหลายสิ่งที่ต้องใส่ใจเมื่อเขียนตัวอักษรด้วยพู่กัน

ตัวอย่างเช่นท่าทาง โบราณเรียกว่าลักษณะท่วงท่า ถ้าหากลักษณะท่วงท่าดี การเขียนพู่กันจะไม่ใช่เรื่องยาก หลินเยวียนไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน ถ้าเขารู้ คงไม่เขียนตัวหนังสือเหมือนโดนสุนัขแทะแบบนั้นหรอก

ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว

เมื่อมีทักษะด้านการเขียนตัวอักษร ในสมองของเขาจึงมีความรู้ที่สอดคล้องกัน ตัวอย่างเช่นขณะนั่งอยู่ที่โต๊ะหนังสือ ลำตัวต้องตั้งตรง สายตาทำมุมประมาณ 45 องศากับโต๊ะ คนที่ไม่ได้อยู่ระดับอาจารย์ ทางที่ดีพยายามอย่าให้ศีรษะเอียงซ้ายขวา อาจารย์บางคนไม่เคร่งครัดเครื่องเหล่านี้ก็เพราะพวกเขาแตะถึงระดับช่ำชองจนเขียนโดยไม่ใส่ใจได้แล้ว

หลินเยวียนมีความสามารถระดับมืออาชีพ

สำหรับคนทั่วไปแล้วสามารถเรียกว่าอยู่ระดับอาจารย์ได้ แต่เมื่อเทียบกับปรมาจารย์ด้านการเขียนตัวอักษรตัวจริง อันที่จริงยังนับว่าห่างไกล เพราะฉะนั้นเขาจึงมีท่าทีจริงจัง แม้แต่พู่กันก็ยังใช้เวลาเลือกสรรอยู่นานหลายนาที และสุดท้ายแล้วก็เลือกใช้พู่กันสำหรับตัวอักษรต้าข่าย ปลายพู่กันสีเทาลื่น ทำให้ได้สัมผัสที่นุ่ม

จับพู่กันก็ต้องใส่ใจ

เริ่มแรก ปลายนิ้วโป้งจับที่ด้านในของด้ามพู่กัน และออกแรงจากซ้ายไปขวา จากนั้นปลายนิ้วชี้จับเฉียงด้านนอกของด้ามพู่กัน และนิ้วโป้งบีบด้ามพู่กัน ใช้นิ้วกลางเกี่ยวแน่นกับด้านนอกด้ามพู่กัน ใช้โคนเล็บของนิ้วนางกดด้านขวาของด้ามพู่กันเข้าหานิ้วกลางให้แน่น และสุดท้ายใช้นิ้วก้อยขยับเข้าใกล้นิ้วนางอย่างเป็นธรรมชาติ สรุปแล้วนี่เป็นความรู้ทั้งนั้น

หลินเยวียนจะเขียนตัวอักษรข่ายซู!

ข่ายหมายถึงกฎเกณฑ์และรูปแบบ เป็นประเภทของตัวอักษรที่ได้รับความนิยมมากที่สุด บุคคลในประวัติศาสตร์ของโลกอย่างโอวหยางสวิน ฉู่ซุ่ยเหลียง อวี๋ซื่อหนาน เซวียจี้ เหยียนเจินชิง รวมไปถึงหลิ่วกงเฉวียน ล้วนเป็นยอดฝีมือด้านการเขียนตัวอักษรข่ายซู จุดเด่นของตัวอักษรข่ายซูสามารถอธิบายได้ด้วยคำสี่คำ

เที่ยงตรงประณีต

สงบนิ่งอ่อนโยน

นี่ไม่ใช่บทสรุปที่สมบูรณ์แบบ วิธีการเขียนข่ายซูนั้นต่างกันออกไป ทว่าวิธีการนี้งดงามที่สุด ดังนั้นหลินเยวียนจึงเลือกเขียนตัวอักษรนี้ หากมองโดยภาพรวม ลำพังความงดงามของตัวอักษรที่เขาเขียนก็มากเพียงพอแล้ว ทำให้เห็นได้ว่าฝึกฝนทักษะจนชำนาญ

“…”

จินมู่ซึ่งเห็นภาพในใจรู้สึกซับซ้อนเกินพรรณนา เพราะเขายิ่งรู้สึกว่าหัวหน้าแกล้งหลอกเขาหนักเหลือเกิน ฝีมือการเขียนตัวอักษรมืออาชีพถึงขนาดนี้ เป็นยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ท่ามกลางยอดฝีมือทั้งปวง ก่อนหน้านี้ดันแสร้งทำเป็นไก่อ่อนต่อหน้าผู้อ่าน แม้แต่ผู้จัดการอย่างตนก็ยังเคยถูกหลอก

หลังจากนั้น

จินมู่ไม่ได้ใส่ใจการกระทำของหลินเยวียน เพราะเขาเห็นว่าหลินเยวียนคล้ายกับกำลังเขียนบทกวี ไม่ใช่บทกวีที่เคยเขียนมาก่อนหน้านี้ หากแต่เป็นการสร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่ วรรคแรกซึ่งถูกถ่ายทอดผ่านตัวอักษรข่ายซูคือ

‘ข้างเตียงจันทร์กระจ่าง’

แม้ว่าประโยคแรกจะไม่สามารถประเมินระดับของกลอนทั้งบทได้ ทว่าเมื่อพิจารณาถึงบทกวีทั้งหมดที่หัวหน้าเคยเขียนก่อนหน้านี้ จู่ๆ จินมู่ก็พลันรู้สึกคาดหวัง และท่ามกลางความคาดหวังของจินมู่ หลินเยวียนก็เขียนวรรคที่สอง

‘เผลอคิดว่าน้ำค้างบนพื้นดิน’

ดูเหมือนว่าจะเริ่มมีความหมายลึกซึ้งขึ้นแล้ว

หลินเยวียนเขียนวรรคที่สาม พลางเอ่ย “เมื่อกดพู่กัน เส้นจะหนาขึ้น และเมื่อยกพู่กันขึ้น เส้นจะบางลง เหมือนกับสองเท้าของคนเราเวลาเดิน ข้างหนึ่งวางลงและอีกข้างหนึ่งยกขึ้น สลับกันตลอด ในทำนองเดียวกัน พู่กันจะถูกยกและกดอยู่ตลอดเวลาในระหว่างกระบวนการเขียน และด้วยวิธีนี้ ถึงจะสามารถสร้างเส้นที่มีความหนาแตกต่างกันได้”

เอฟเฟ็กต์อาจารย์ถูกเปิดใช้งาน

หลินเยวียนเพียงแค่บรรยายออกมาโดยไม่รู้ตัว นี่เป็นความเคยชินจากการสอนประพันธ์เพลง ทว่าจินมู่กลับคิดตาม เห็นได้ชัดว่าเขาก็ได้รับอิทธิพลจากเอฟเฟ็กต์อาจารย์ แต่จินมู่กับหลินเยวียนกลับไม่ได้รับรู้ถึงความอัศจรรย์ของเรื่องนี้ เพราะชั่วขณะนั้นความสนใจของจินมู่ล้วนเทไปที่กลอนวรรคที่สามของหลินเยวียน

‘เงยหน้ามองจันทรา’

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน