Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 34

สรุปบท ตอนที่ 34 หาแรงบันดาลใจ: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

อ่านสรุป ตอนที่ 34 หาแรงบันดาลใจ จาก Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 34 หาแรงบันดาลใจ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายการเงิน Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่ 34 หาแรงบันดาลใจ

เรื่องที่เพลงใหม่ของหลินเยวียนคว้าแชมป์ในเดือนนี้ไม่เพียงดึงดูดความสนใจจากผู้คนภายนอก

ในแผนกประพันธ์เพลงของสตาร์ไลท์ ก็ยังมีเสียงตอบรับท่วมท้นเช่นเดียวกัน

ไม่ใช่เพราะความโดดเด่นของผลงาน

ผลงานของหลินเยวียนดีมากก็จริง แต่บรรดามือทองในแผนกประพันธ์เพลงชั้นสิบล้วนแต่เคยคว้าอันดับหนึ่งในชาร์ตนี้มาแล้วทั้งนั้น

ถึงขั้นที่มีคนที่ไม่ใช่มือทองก็เคยได้รางวัลนี้ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ก็ไม่ได้ควรค่าแก่การคุยโวสักเท่าไหร่

สิ่งที่ควรค่าแก่การคุยโวจริงๆ ก็คือ!

หลินเยวียนรบสามครั้งชนะสามครั้ง!

มือทองมากมายต้องใช้เวลาปีครึ่งกว่าจะเขียนเพลงดีๆ เพลงหนึ่งออกมาได้ และคุณภาพก็ยากที่จะเลี่ยงความผันผวน หลินเยวียนกลับปล่อยเพลงดีออกมาสามเพลงติดต่อกันภายในสามเดือน อีกทั้งผลสัมฤทธิ์ของทุกเพลงก็สูงมากซะด้วย

นี่เป็นสิ่งที่เหนือจินตนาการสำหรับนักแต่งเพลง

ตัวอย่างเช่นอู๋หย่ง เขาทำงานมาได้ราวๆ สิบปี เคยคว้าอันดับหนึ่งได้เพียงครั้งเดียว อีกทั้งในรายการนั้นก็ไม่มี

นักร้องแถวหน้าลงสนาม

เมื่อเปรียบเทียบเช่นนี้ อู๋หย่งจึงรู้สึกหดหู่ เขาตระหนักได้ว่ารางวัลที่หลินเยวียนได้ตั้งแต่เข้าทำงานตลอดสามเดือน เทียบได้กับน้ำพักน้ำแรงของเขาประมาณยี่สิบสามสิบปีเชียวนะ

……

เหล่าโจวติดตามอันดับของเพลงปลายักษ์ในเดือนธันวาคมมาตลอด

ตัวหลินเยวียนไม่รู้ว่าในวันสุดท้ายของเดือนธันวาคม แท้จริงแล้วเพลงปลายักษ์ได้ขึ้นไปอยู่ในอันดับที่สิบของรายการ

ลงสนามช่วงกลางเดือน แต่ยังเบียดขึ้นถึงอันดับสิบในกลุ่มแห่งความตายแบบนี้ได้!

ผลงานของปลายักษ์ต้องเรียกว่าน่าประหลาดใจ!

ทว่าเหล่าโจวยังไม่ทันได้สติจากเพลงก่อนหน้านี้ เพลงติดไฟง่ายระเบิดง่ายของหลินเยวียนก็ทะยานขึ้นไปเป็นอันดับหนึ่งของเดือนนี้แล้ว

มิหนำซ้ำยังใช้วิธีกำจัดนักร้องแถวหน้าถึงสองคน

กลยุทธ์ออกจะโหดเหี้ยมไปหน่อย

เป็นเพราะฉันยังใส่ใจเขาไม่มากพอเหรอ? ชั่วขณะหนึ่ง เหล่าโจวรู้สึกว่าตนเองตามจังหวะของหลินเยวียนไม่ทันแม้แต่นิดเดียว

ต้องเข้าไปสนใจการเติบโตของเด็กใหม่ให้มากหน่อยแล้ว!

ดังนั้น เขาจึงไปปรากฏตัวที่แผนกประพันธ์เพลงชั้นสิบอย่างเงียบเชียบ

ทันทีที่เข้าไป เหล่าโจวก็เห็นแต่ไกลว่าหลินเยวียนกำลังนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์อย่างขะมักเขม้น

‘อย่างที่คิด ไม่มีใครประสบความสำเร็จเพราะโชคหรอก’

เหล่าโจวหยุดทักทายผู้คนโดยรอบ ก่อนจะเดินตรงไปหาหลินเยวียนอย่างผ่อนคลาย

ทว่าเมื่อเข้าไปใกล้หลินเยวียน เหล่าโจวถึงพบว่าหลินเยวียนไม่ได้กำลังขะมักเขม้น เจ้าเด็กนี่กำลังนั่งอ่านนิยายอยู่หน้าคอมพิวเตอร์

“…”

รอบข้างมีสายตาหลายคู่จับจ้อง เหล่าโจวจะลำเอียงเกินไปก็ไม่เหมาะ เขาอดกระแอมเตือนออกมาไม่ได้ “หลินเยวียน ยังอยู่ในเวลางาน นายกำลังทำอะไรอยู่น่ะ”

“หาแรงบันดาลใจครับ”

หลินเยวียนเอ่ยตอบโดยไม่ต้องหยุดคิด

เหล่าโจว “…”

เอาแล้ว! เขาเริ่มแล้ว!

ในแผนกประพันธ์เพลงมีวิถีปฏิบัติอันเป็นที่แพร่หลายอย่างหนึ่ง

ไม่ว่าจะเล่นเกมในเวลางานแล้วถูกหัวหน้าจับได้ หรือดูหนังในเวลางานแล้วถูกหัวหน้าเห็นเข้า หรือแม้แต่ใจลอยจนของถูกขโมยไป นักแต่งเพลงพวกนี้ก็มักจะสรรหาคำอธิบายมาว่า

‘หาแรงบันดาลใจ’

ก็เหมือนกับบรรดาพ่อเพลงที่ปกติแล้วไม่เข้ามาทำงาน โดยให้เหตุผลว่า ‘ออกไปเก็บข้อมูล’ อยู่ร่ำไป

หาแรงบันดาลใจ เป็นวิธีหนึ่งเดียวที่แผนกประพันธ์เพลงใช้ต่อกรกับหัวหน้า

ฉะนั้นเหล่าโจวจึงมักรู้สึกว่านักประพันธ์เพลงพวกนี้ชอบกดไอคิวของเขาให้ต่ำลงถึงพื้นแล้วขยี้ซ้ำ

ถ้าบอกว่าดูหนังเพื่อหาแรงบันดาลใจก็ว่าไปอย่าง

ตีป้อม Summoner’s Rift นี่นับว่าเป็นการหาแรงบันดาลใจด้วยหรือเปล่านะ

การยิงกันอย่างดุเดือดเลือดพล่านในเกมก็นับเป็นการหาแรงบันดาลใจเหมือนกันเหรอ

แล้วก็ยังมีที่เหลือรับมากที่สุด คุยกับแฟนว่าคืนนี้จะไปโรงแรมนี่ก็จัดว่าเป็นการหาแรงบันดาลใจเหรอ

เอาละ

ตอนนี้อ่านนิยายในเวลางานก็นับเป็นการหาแรงบันดาลใจเหมือนกัน

ตามขั้นตอนแล้ว หลินเยวียนก็แค่ส่งนิยายเรื่องปรินซ์ออฟเทนนิสที่ระบบทำมาสำเร็จ เข้าไปในอีเมลทางการของคลังหนังสือซิลเวอร์บลู ก็เท่ากับส่งต้นฉบับเสร็จแล้ว

อยู่ๆ หลินเยวียนก็เกิดความสงสัยขึ้นมา “ระบบ ความรู้เฉพาะทางเกี่ยวกับเทนนิสในปรินซ์ออฟเทนนิส เป็นเรื่องหลอกลวงคนอ่านหมดเลยมั้ย”

“ไม่ใช่”

ระบบตอบคำถามในสมองของหลินเยวียน “ความรู้ในอนิเมะต้นฉบับเรื่องเจ้าชายลูกสักหลาดเว่อร์ไปหน่อยก็จริง และเพื่อทำให้ฉากดูเท่ ช่วงท้ายจึงหลุดไปจากความจริงมาก ถึงยังไงนักเขียนก็ไม่ใช่นักกีฬามืออาชีพทีมชาติ แต่ระบบรอบคอบมาก ดังนั้นนิยายที่ดัดแปลงจึงเข้มงวดมาก ความรู้เรื่องเทนนิสที่อธิบายในนิยายล้วนเป็นข้อมูลเฉพาะทาง ถึงแม้ว่าจะดูมีลูกเล่นล้ำเกินจริงไปสักหน่อย แต่นั่นก็เป็นท่าที่ตามทฤษฎีแล้วนักกีฬามืออาชีพสามารถทำได้”

“เข้าใจแล้ว”

หลักๆ แล้วหลินเยวียนกลัวว่าฉากซึ่งบรรยายในเรื่องจะปลอมเกินไปจนถูกคนที่ตีเทนนิสเป็นสงสัยเอาได้ และนั่นจะส่งผลต่อการสะสมค่าความโด่งดังของเขา เมื่อระบบยืนยันเป็นมั่นเหมาะแล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลปัญหานี้อีก

ในตอนนั้นเอง

อยู่ๆ ระบบก็พูดขึ้นว่า “เตือนโฮสต์ด้วยความปรารถนาดี ประเดี๋ยวนิยายจะเข้าไปอยู่ในสมองของโฮสต์ โฮสต์ต้องเขียนออกมาเอง ทำสำเร็จโดยไม่ลงแรงไม่ใช่นิสัยที่ดี”

“ฉันพิมพ์ช้า”

“ระบบจะเพิ่มความเร็วมือให้โฮสต์”

หลินเยวียนขมวดคิ้วมุ่น ทว่าไม่ได้ปฏิเสธ ยังไงเขาก็เป็นนักเขียนนิยายด้วย จะใช้แค่ไอเดียมาเขียนอย่างเดียวไม่ได้อยู่แล้ว

แต่ว่าถ้าเป็นอย่างนี้ก็ต้องสละเวลาทำงานของตนเองแล้ว

อย่าได้ถามว่าทำไมเขียนนิยายในเวลางาน ถ้าถามก็ตอบไปว่าหาแรงบันดาลใจ

ขณะนั้น

เวลางานในช่วงเช้าก็จบลง หลินเยวียนตรงเข้าไปกินข้าวในโรงอาหาร

วันนี้บริษัทจ่ายเงินเดือน ดังนั้นหลินเยวียนจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องค่าอาหารแล้ว

และเขาก็คิดว่าคืนนี้จะติดต่อพี่สาวไป

หลินเยวียนยังไม่ลืมเรื่องที่รับปากไว้ ว่าจะต้องซื้อโทรศัพท์ใหม่ให้พี่สาว และจะได้โอนเงินไปให้พี่สาวอีกสักหน่อยด้วย

เงินที่เหลือก็จะเก็บไว้เองเล็กน้อย แล้วค่อยโอนให้ที่บ้านก็แล้วกัน

ครอบครัวเขายังมีหนี้สินอีกไม่น้อยที่ต้องจ่าย

เดือนนี้ หลินเยวียนทำเงินได้มากทีเดียว รวมไปถึงค่าคอมมิชชันจากออเดอร์ปลายักษ์ก็เข้าบัญชีมาแล้ว รายรับเดือนนี้อู้ฟู่กว่าเดือนที่แล้วซะอีก

………………………………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน