ตอนที่ 369 กุหลาบขาว
ถึงแม้ประสบการณ์การปวดฟันจะทรมานแสนสาหัส แต่โชคดีที่อาการของหลินเยวียนดีขึ้นมากในวันถัดมา เพียงแต่อ้าปากยังต้องออกแรงมาก และกินอาหารได้น้อยคำ
เดิมทีอยากไปกินอาหารที่ร้านหม้อไฟของซุนเย่าหั่ว ความคิดเช่นนี้เป็นอันต้องถูกระงับไว้ชั่วคราว
จากคำสั่งของหมอฟันซึ่งนับหนึ่งไม่ถึงสามคนนั้น สองวันต่อมาหลินเยวียนทำได้เพียงกินอาหารเหลวหรืออาหารกึ่งเหลว
หลินเยวียนไม่ได้มีรสชาติที่ชื่นชอบตายตัว สามารถกินอาหารที่เผ็ดมากได้ และสามารถกินอาหารที่ไม่เผ็ดเลยก็ได้ ตราบใดที่อร่อย เพราะฉะนั้นหลินเยวียนจึงไม่ได้รู้สึกลำบากมากนักในสถานการณ์เช่นนี้
“อาจารย์ เป็นอะไรเหรอคะ” ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ไอรีนโนเวล ขอบคุนจ้า
หลี่ลี่จื้อซึ่งมาเรียนประพันธ์เพลงเห็นว่าหลินเยวียนปิดปาก และโบกมือให้ตนเอง “เมื่อวานผมไปถอนฟันมา วันนี้ไม่มีเรียนนะครับ”
“แบบนี้นี่เอง งั้นอาจารย์พักผ่อนเถอะค่ะ”
หลี่ลี่จื้อมองหลินเยวียนด้วยความกังวล ก่อนจะหันหลังเดินตรงไปยังโรงอาหารของผู้บริหารระดับสูง ไหว้วานพ่อครัวใหญ่ซึ่งปกติแล้วทำอาหารให้บุคลากรระดับประธานกรรมการ ให้ต้มบะหมี่ให้หลินเยวียน หลังจากนั้นเมื่อถึงเวลากินอาหารก็รีบกระวีกระวาดไปหาหลินเยวียน เรียกให้หลินเยวียนมายังโรงอาหาร ด้วยท่าทางราวกับกำลังบอกว่า ‘ฉันเป็นลูกศิษย์ที่ดีไหมล่ะ’
ปรากฏว่าเมื่อถึงช่วงเที่ยงวัน หลินเยวียนเพิ่งถึงโรงอาหาร ก็ได้มีโทรศัพท์สายหนึ่งโทรเข้ามา
ซุนเย่าหั่วรู้เรื่องที่หลินเยวียนไปถอนฟัน จึงรีบขับรถนำโจ๊กมาส่งให้ถึงที่
เพราะฉะนั้น ในขณะนี้หลินเยวียนจึงนั่งอยู่ในโรงอาหาร เผชิญหน้ากับโจ๊กของซุนเย่าหั่วซึ่งอยู่ทางซ้าย และบะหมี่ของหลี่ลี่จื้อซึ่งอยู่ทางขวา
ไม่รู้ว่าในโจ๊กนี้ใส่อะไรลงไปบ้าง เมื่อเห็นแล้วชวนให้อยากอาหาร
ส่วนบะหมี่ก็เหมาะกับฉากซูมเข้าในรายการอาหารเหลือเกิน เห็นปลิงทะเลโผล่ออกมาตั้งครึ่งหนึ่ง
“รุ่นน้อง…”
“อาจารย์…”
เมื่อเห็นทั้งสองทำตาละห้อย หลินเยวียนจึงตัดสินใจว่าจะกินทั้งสองชาม
แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะหลินเยวียนไม่อยากทำให้ทั้งสองคนต้องผิดหวัง แต่เป็นเพราะหลินเยวียนโลภและอยากกินอาหารของทั้งคู่ต่างหาก
เช่นเดียวกับที่โลกภายนอกแซวหลินเยวียน
มีแค่เด็กเท่านั้นที่เลือก ส่วนฉันจะเหมาทั้งอันดับหนึ่งและอันดับสอง
ถึงแม้ว่าราคาของการตัดสินใจนี้คือหลินเยวียนกินจนพุงกลมดิก แต่ขณะที่เช็ดปาก เขาก็รู้สึกพึงพอใจมากทีเดียว
ซุนเย่าหั่วมองไปยังหลินเยวียน “รุ่นน้อง ถ้านายชอบกิน พรุ่งนี้ฉันจะซื้อมาให้อีก”
หลี่ลี่จื้อมองไปทางซุนเย่าหั่วอย่างไม่พอใจ “อาจารย์กินในโรงอาหารก็เหมือนกันนั่นแหละค่ะ ปกติพ่อครัวทำอาหารให้พ่อฉันแล้วก็อีกไม่กี่คน เป็นพ่อครัวที่ฝีมือดีมาก”
ฉันเป็นศิษย์ที่ดีของอาจารย์
นายซุนเย่าหั่วจะมาเป็นศิษย์ที่ดีบ้างหรือไง
ข่าวลือในบริษัทพูดไว้ไม่ผิด ซุนเย่าหั่วประจบประแจงอาจารย์ เรียกได้ว่าทำทุกวิถีทาง เมื่อเห็นท่าทีของซุนเย่าหั่วแล้ว พี่เลี้ยงมือทองเหล่านั้นควรรู้สึกละอายใจและลาออกไป
แน่นอนว่าซุนเย่าหั่วรู้จักเจ้าหญิงตัวน้อยของบริษัท
หากเป็นนิสัยเมื่อก่อนของซุนเย่าหั่ว เขาคงเข้าไปประจบประแจงแล้ว แต่ซุนเย่าหั่วในตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว เขาถึงขั้นเถียงออกมาประโยคหนึ่ง
“พ่อครัวของทางผมเคยทำอาหารให้กับคนใหญ่คนโตทางจงโจว มีชื่อเสียงมากในวงการอาหาร”
หลี่ลีจื้อไม่พอใจ “คุณส่งอาหารมาแบบนี้มันไม่สดใหม่”
ซุนเย่าหั่วชี้ไปยังกล่องอาหารเก็บความร้อน “นี่เป็นกล่องล็อกความสดใหม่ของอาหารที่ชาวฉู่คิดค้น ในนี้มีไฟฟ้า ระหว่างทางก็อุ่นอาหารมาตลอด รสชาติอาหารพอมาถึงที่นี่ก็สมบูรณ์แบบพอดี!”
รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ คิดว่าฉันซุนเย่าหั่วจะคิดไม่ถึงหรือไง?
หลี่ลี่จื้อ “…”
เป็นหลินเยวียนที่พูดขึ้นอย่างอดไม่ไหว “รุ่นพี่ไม่ต้องลำบากขนาดนั้นก็ได้ครับ ช่วงสองสามวันนี้ผมกินอาหารที่โรงอาหารได้ ไว้วันหลังจะไปร้านอาหารของพี่ อีกอย่างพรุ่งนี้มาที่บริษัทหน่อยนะครับ ผมมีเรื่องจะคุยด้วย”
“ได้สิ งั้นฉันไปทำธุระต่อละ นายก็พักผ่อนเยอะๆ”
หลินเยวียนพูดถึงขนาดนี้แล้ว ซุนเย่าหั่วย่อมไม่ดันทุรังอยู่ต่อ
ขืนยังต่อปากต่อคำกับเจ้าหญิงต่อไป เขากลัวว่าถ้าเกิดไปทำให้เจ้าหญิงโมโหเข้า ตนคงจะรับมือไม่ไหว
……
หลังจากซุนเย่าหั่วออกไป หลินเยวียนก็พักผ่อนอยู่ในโรงอาหารอีกสักพัก
เหตุผลสำคัญคือเขากินจนอิ่มเกินไป โจ๊กหนึ่งชาม บะหมี่หนึ่งชาม ปริมาณก็จัดเต็มกันซะเหลือเกิน จะไม่ให้อิ่มได้หรือ?
หลี่ลี่จื้อรออยู่ข้างหลินเยวียน เอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “อาจารย์ว่าฉันจะจบหลักสูตรได้เมื่อไหร่คะ”
“รีบจบหลักสูตรเหรอครับ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน