Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 384

ตอนที่ 384 น้องหมาแสดงดีกว่าคนอีกนะเนี่ย

แสงในโรงฉายภาพยนตร์ดับลง ท่ามกลางดนตรีซิมโฟนีอันไพเราะชวนผ่อนคลาย ตัวหนังสือสีดำลอยปรากฏขึ้น ตัวหนังสือเหล่านี้คือรายชื่อของทีมงานเบื้องหลัง ทว่าตัวแทนจากเครือโรงภาพยนตร์ไม่ได้ใส่ใจมากนัก สิ่งเดียวที่ทำให้ทุกคนตาลุกวาวคือชื่อของจางซิ่วหมิง

จางซิ่วหมิงเป็นราชาภาพยนตร์

และสิ่งที่สะดุดตายิ่งกว่าจางซิ่วหมิง กลับเป็นคำว่า ‘เซี่ยนอวี๋’ ซึ่งเขียนตัวใหญ่สะใจ เด่นหราอยู่ในส่วนของผู้เขียนบท ชื่อนี้จากที่ไม่คุ้นเคย กลับกลายเป็นที่คุ้นหูสำหรับบางคนในวงการภาพยนตร์ เพราะผ่านประสบการณ์จากภาพยนตร์มาแล้วสองเรื่อง

ดนตรีซิมโฟนีหยุดลงฉับพลัน

ขณะเดียวกัน เสียงของเด็กกลับดังขึ้นจากด้านนอก “เสี่ยวปาลึกลับมาก ไม่มีใครรู้ว่ามันมาจากที่ไหน บางทีอาจมาจากศูนย์พักพิงสุนัข หรืออาจมาจากบนรถของใครสักคน หรืออาจมาจากสนามบินสักแห่ง หรืออาจมาจากเมืองเล็กๆ ที่เราไม่รู้จัก…”

ความมืดค่อยๆ จางหาย

ภาพชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เด็กน้อยฟันขาวปากแดงระเรื่อกำลังบรรยายอยู่บนเวที และบนกระดานดำด้านหลังของเด็กน้อย กลับมีตัวอักษรขยุกขยุย

ปากง สุนัขยอดกตัญญู

จากนั้นกล้องก็หมุนไป

รถบรรทุกสีน้ำเงินคันหนึ่งเคลื่อนตัวไปบนถนนใหญ่ บนรถบรรทุกมีกรงหลายใบ มีลูกสุนัขตัวหนึ่งอยู่ในกรงใบบนสุด ทิวทัศน์ทั้งสองข้างเคลื่อนไปขณะที่รถแล่น

กล้องโคลสอัปเข้าไปยังแววตาของลูกสุนัข

ใสซื่อบริสุทธิ์ระคนไร้เดียงสา

เด็กน้อยพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “คืนนั้นหลังจากฝนตก เสี่ยวปาก็ปรากฏตัวที่สถานีรถไฟในเมืองเล็กๆ ที่คุณตาของผมอาศัยอยู่ พวกเราไม่รู้ว่าเสี่ยวปามาจากที่ไหน แต่พวกเรารู้ว่าเสี่ยวปากำลังจะไปไหน…”

กล้องตัดไป

สถานีรถไฟชื้นแฉะ ผู้คนเดินผ่านไปมาท่ามกลางแสงไฟสลัว

บนรถบรรทุกซึ่งกำลังเคลื่อนตัว จู่ๆ กรงสุนัขก็หล่นลงสู่พื้น ประตูกรงซึ่งไม่นับว่าแข็งแรงนักเผยอช่องเล็กๆ ทำให้สุนัขซึ่งอยู่ด้านในลอดออกมาได้

ผู้คนที่ผ่านไปมาไม่มีใครสนใจสุนัขตัวนี้

แววตาของสุนัขทั้งสับสนและตื่นตระหนก

ใช้คำอธิบายเช่นนี้อาจแปลกไปหน่อย เป็นเรื่องยากที่ผู้คนจะมองเห็นความรู้สึกของสุนัขได้ผ่านแววตาของมัน

แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ยามที่ทุกคนมองเข้าไปในแววตาของลูกสุนัขตัวนี้ กลับสัมผัสได้ถึงเศษเสี้ยวของความสับสนและตื่นตระหนก

ชั่วขณะนั้น ในใจของใครหลายคนก็พลันเกิดความรู้สึกสงสารและเอ็นดู

ลูกสุนัขไร้จุดหมาย วิ่งวนไปมาราวกับกำลังหลีกหนีฝูงชน แต่ทันใดนั้นฝีเท้าของมันก็หยุดลงกลางเงาซึ่งทอดยาวจากแสงไฟ

ขาคู่หนึ่งปรากฏขึ้นในฉาก

กล้องเบนทิศทาง เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาและคุ้นเคย คนคนนั้นกำลังถือโทรศัพท์

“ไม่ต้องมารับผม เดี๋ยวผมเดินกลับ…ผมก็คิดถึงคุณ”

ตัวแทนเครือโรงภาพยนตร์ทุกคนจำได้ ว่านักแสดงคนนี้คือจางซิ่วหมิง แต่กลับไม่มีใครกระโตกกระตาก

เมื่อจางซิ่วหมิงปรากฏตัวในภาพยนตร์ ดูเหมือนว่าเขาถูกมองเป็นตัวละครในโรงภาพยนตร์ไปโดยปริยาย

นี่เป็นความสามารถของราชาภาพยนตร์ ทำให้ผู้คนหลงลืมความจริงได้อย่างเป็นธรรมชาติ

หลังจากวางสาย คนและสุนัขมองหน้ากัน…

“ที่แท้ก็เป็นหนังดราม่า”

ณ ที่หนังแถวที่แปดเบื้องหน้าจอขนาดยักษ์ใหญ่ เยี่ยหงอวี๋เลิกคิ้วเล็กน้อย “เปิดเรื่องมาตั้งแต่เพลงประกอบไปจนถึงฉาก จงใจสร้างบรรยากาศ”

“บรรยากาศอะไรครับ”

หยางอันซึ่งอยู่ด้านข้างกระซิบถาม

เยี่ยหงอวี๋ยิ้ม “สร้างความซึ้ง ถ้าไม่เหนือความคาดหมายละก็ จะมีช่วงหนึ่งที่หนังเรื่องนี้เปิดโหมดบิลด์อารมณ์ นักเขียนบทและผู้กำกับจะพยายามสร้างความประทับใจให้กับผู้ชม”

ปกติแล้วเยี่ยหงอวี๋จะไม่พูดขณะชมภาพยนตร์

แต่เมื่อคิดว่าหยางอันเป็นหน้าใหม่ซึ่งจำเป็นต้องเรียนรู้ เธอจึงอธิบายเล็กน้อย “ถ้าสุดท้ายแล้วคุณรู้สึกซาบซึ้ง หนังเรื่องนี้นับว่าประสบความสำเร็จ”

หยางอันพูดอย่างมั่นใจ “ผมบ่อน้ำตาลึกครับ”

เยี่ยหงอวี๋ไม่ได้โต้ตอบ

หากเอ่ยถึงบ่อน้ำตาลึก ตัวเธอเองนับว่าผ่านการฝึกฝนระดับมืออาชีพมาแล้ว

ไม่ว่าภาพยนตร์จะซึ้งกินใจมากแค่ไหน เธอก็รักษาสีหน้าไว้ได้

นอกเสียจากว่า…

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน