Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 388

สรุปบท ตอนที่ 388 หัวเราะและร้องไห้: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 388 หัวเราะและร้องไห้ – Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน โดย Internet

บท ตอนที่ 388 หัวเราะและร้องไห้ ของ Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน ในหมวดนิยายการเงิน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่ 388 หัวเราะและร้องไห้

นี่เป็นครั้งแรกที่หยางอันเห็นว่าความฝืนทนของเยี่ยหงอวี๋พังทลายลง ต่อให้เครื่องสำอางจะหนาแค่ไหนก็ไม่อาจต้านทานน้ำตาซึ่งไหลรินโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

ประหนึ่งกำแพงพังทลายลงอย่างไรอย่างนั้น

กระดาษทิชชูในโรงภาพยนตร์ถูกใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพ แต่ไม่มีใครชื่นชมว่าการจัดการรูปแบบพิเศษนี้น่าสนใจเพียงใด

ทั้งโรงฉายเต็มไปด้วยความโศกเศร้า

ยามนี้ตัวแทนจากเครือโรงภาพยนตร์นับไม่ถ้วนไม่กล้าเงยหน้าดูต่อ

จมูกของเยี่ยหงอวี๋แดงก่ำเพราะใช้กระดาษทิชชูถูซ้ำหลายครั้ง แต่เธอยังคงพยายามเงยหน้ามองจอภาพยนตร์ต่อ…

แสงไฟยังคงมืดสลัว

ใบหน้าที่ผู้คนคุ้นเคยของเสี่ยวปาใต้ขบวนรถไฟร้างนั้นร่วงโรยเต็มที วันเวลาทิ้งรอยแผลไว้บนร่างกายของมันอย่างชัดเจน เพียงแต่ทุกคนรู้ว่าสิ่งที่ทำให้มันทุกข์ทรมานนั้นไม่ใช่สภาพแวดล้อมของสถานีรถไฟ หากแต่เป็นเสียงเรียกคุ้นหูว่า ‘เสี่ยวปา’ นั้นจะไม่ดังขึ้นอีกแล้ว

หิมะเย็นเฉียบดุจคมมีด

ฤดูหนาวเวียนกลับมาอีกครั้ง

ตอนนี้ผู้ชมเกลียดฤดูหนาวเช่นนี้ขึ้นมาจับใจ เสียงหวูดของรถไฟดังขึ้นอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย การรับรู้ของเสี่ยวปาตื่นตัว แต่กลับทำได้เพียงมองขบวนรถไฟเคลื่อนจากไปเท่านั้น

เพลงเปียโนหนักหน่วงและเนิบช้า

เสี่ยวปาเดินฝ่าหิมะและแรงลม ลากขาที่เหนื่อยอ่อนไปยังรางรถไฟ

และสองข้างของรางรถไฟ แสงไฟจากบ้านเรือนของผู้คนดับลงเรื่อยๆ

เสี่ยวปาเหมือนจะสัมผัสได้ถึงความเหนื่อยล้า

มันกลับไปยังสวนดอกไม้ที่คุ้นเคย นอนลงอย่างไร้เรี่ยวแรง ไม่มีแม้แต่แรงจะหายใจ ก่อนจะหลับตาลงช้าๆ

ทันใดนั้นเอง คล้ายว่ารถไฟจะกลับมาแล้ว

ไม่รู้ว่าได้ยินเสียงหวูดรถไฟเป็นครั้งที่เท่าไหร่ตลอดสิบปีที่ผ่านมา

แถมในครั้งนี้ แสงของรถไฟก็สว่างไสวจนตาพร่า แม้แต่ดวงไฟทั้งสองข้างทางก็เหมือนว่ากลับมาส่องสว่างอีกครั้ง

ฉากเปลี่ยนอีกครั้งด้วยการใช้ทรานซิชันของแสดงอาทิตย์เจิดจ้า

เสี่ยวปาได้ยินเสียงคนเรียกตนเองอีกครั้งท่ามกลางความงุนงง

“ตื่นได้แล้ว”

“เสี่ยวปา”

“พวกเราไปกันเถอะ”

เสี่ยวปาลืมตาขึ้นท่ามกลางแสงสว่าง ใบหน้าอันคุ้นเคยของศาสตราจารย์อันปรากฏขึ้นในฉากฟุ้งๆ ชวนเคลิ้มฝัน เขากำลังกวักมือเรียกเสี่ยวปา

หน้าจอตัดภาพกลับไป

ยามบ่ายฤดูใบไม้ผลิ แสงแดดสาดส่อง พวกเขาวิ่งเล่นอย่างเต็มที่ ในคืนนั้นเมื่อขบวนรถไฟกลับมา พวกเขาโอบกอดกัน เมื่อฝูงชนเริ่มทยอยขึ้นขบวนรถไฟ พวกเขาบอกลากันและกัน ในวันนั้นยามสายฝนเริ่มโปรยปราย พวกเขากลับไปอุ่นกายในห้องหนังสือ…

ในความทรงจำ เขายังคงหนุ่มแน่น

ในความทรงจำ มันยังคงเปี่ยมด้วยพลังชีวิต

ที่แท้นี่ก็เป็นเพียงความฝันของเสี่ยวปา และมีเพียงในความฝันของเสี่ยวปาเท่านั้นที่โลกจะมีสีสันขึ้นมาได้

ดนตรีเร่งเร็วขึ้นและเสียงสูงขึ้นเรื่อยๆ

ทันใดนั้นเสี่ยวปาก็ตื่นขึ้น มันได้ยินเสียงขบวนรถไฟเปิดประตูออกไอรีนโนเวล

เบื้องหน้าของมัน ศาสตราจารย์อันปรากฏตัวขึ้นจริงๆ เขาโบกมือให้มัน เอ่ยเรียกชื่อของมันด้วยตัวเอง

มันลุกขึ้นนั่งทันใด

ขนของมันกลับมาสะอาดเอี่ยมและเป็นระเบียบอีกครั้ง และการเคลื่อนไหวของมันก็กลับมาคล่องแคล่วปราดเปรียวอีกครั้ง

สวบ

มันกระโดดเข้าสู่อ้อมกอดของศาสตราจารย์อัน เช่นเดียวกับที่เคยกระโดดเข้าหาอ้อมกอดของเขานับครั้งไม่ถ้วน ปุยหิมะค่อยเย็นยะเยือกขึ้นเรื่อยๆ

ในคืนนั้น

เสี่ยวปาก็จากไป

เสียงร้องไห้ของผู้คนหนักหน่วงราวกับว่าจิตใจใกล้พังทลายลง ต่อให้ทุกคนล้วนรู้ว่านี่คือจุดจบที่เสี่ยวปาต้องประสบพบเจอ!

และในแถวสุดท้าย

เหล่าโจวสามารถเห็นภาพมุมกว้างของโรงฉาย รวมไปถึงปฏิกิริยาของเยี่ยหงอวี๋

เหล่าโจวไม่ได้รู้สึกแปลกใจ

เขาซึ่งดูเรื่องปากง สุนัขยอดกตัญญูเป็นครั้งที่สองก็ยังทนไม่ได้ เป็นอันต้องลิ้มรสเค็มเฝื่อนของน้ำตาอยู่ดี นับประสาอะไรกับผู้ชมซึ่งได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นครั้งแรก

สตรีเหล็กที่ว่า

ถึงอย่างไรก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง

หยางอันกลัวว่าเยี่ยหงอวี๋จะรู้สึกกระอักกระอ่วน จึงกระซิบบอก “ทุกคนร้องไห้กันหมดเลยครับ”

“อืม”

เยี่ยหงอวี๋ยิ้ม “มีเรื่องหนึ่งที่ฉันลืมสอนเธอ”

“อะไรเหรอครับ”

“คนเราไม่ใช่ก้อนหิน เป็นไปไม่ได้ที่จะไร้ความรู้สึกตลอดเวลา ตอนที่เราทนไม่ไหวจริงๆ อยากร้องไห้ก็ร้อง อยากหัวเราะก็หัวเราะ นั่นเป็นอิสระของพวกเธอ”

หยางอันอึ้งไป ทันใดนั้นก็พยักหน้า

ในเวลานั้นรายชื่อทีมงานก็ปรากฏบนหน้าจออีกครั้ง

ต่างจากในตอนแรกที่ไม่มีใครสนใจ

ในครั้งนี้ ทุกคนล้วนอ่านเอนด์เครดิตอย่างจริงจัง

ไม่ว่าจะเป็นผู้กำกับ นักแสดง ไปจนถึงผู้กำกับภาพ รายชื่อของทุกคนล้วนผ่านตาของทุกคนหนึ่งรอบ

สุดท้ายแล้ว ก็ปรากฏในสามช่องหลัก

นำแสดง: จางซิ่วหมิง

กำกับ: อี้เฉิงกง

เขียนบท: เซี่ยนอวี๋

นักแสดงรับเชิญ: เสี่ยวหวง (แนบรูป สุนัขวัยเด็ก)

นักแสดงรับเชิญ: หนานจี๋ (แนบรูป สุนัขโตเต็มวัย)

นักแสดงรับเชิญ: ต้าหวง (แนบรูป สุนัขวัยชรา)

ดูภาพยนตร์มามากมายเช่นนี้ ที่เป็นครั้งแรกที่ตัวแทนจากเครือโรงภาพยนตร์เห็นว่ามีการใส่ชื่อสุนัขลงในเอนด์เครดิต และถึงกับใส่ไว้ในตำแหน่งที่สะดุดตากว่าชื่อของเซี่ยนอวี๋ด้วยซ้ำ บางทีนี่อาจเป็นการปลอบประโลมผู้ชมอีกครั้งก็ได้

ในภาพยนตร์ เสี่ยวปาจากไปแล้ว

ทว่านอกภาพยนตร์ สุนัขซึ่งเข้าร่วมการแสดงยังมีชีวิตอยู่และสุขภาพแข็งแรงดี

ชั่วขณะนั้น

ในโรงภาพยนตร์ เสียงปรบมือก็ดังขึ้นอย่างเกรียวกราว

……………………………………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน