ตอนที่ 389 เป็นกอบเป็นกำ
“ผมร้องไห้แทบตาย”
“ก่อนมาอุตส่าห์แต่งหน้าซะดีแล้วเชียว”
“ผมคงไม่กล้าดูหนังเรื่องนี้ซ้ำครั้งที่สอง”
“สตาร์ไลท์คาดการณ์เรื่องนี้ไว้แล้ว เลยวางกระดาษทิชชูไว้ที่นั่งละห่อ”
“โหดร้ายจริงๆ เสี่ยวปาน่าสงสารมาก”
“ตั้งแต่เสี่ยวปาเริ่มยอมเก็บลูกบอล ฉันก็รู้สึกเอะใจบ้างแล้ว แต่นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าศาสตราจารย์อันจะมาจากไปแบบนี้”
“ผมคิดว่าจะเป็นเรื่องราวของเสี่ยวปาที่เข้ามาเยียวยาครอบครัวนี้ ที่ไหนได้ ดันเป็นเรื่องราวของเสี่ยวปาที่รอเจ้านายของตัวเองเป็นสิบปี”
“เยี่ยหงอวี๋ร้องไห้ ฉันนั่งห่างออกไปไม่ไกล ฉันได้ยินเสียงร้องไห้”
“เยี่ยหงอวี๋ร้องไห้เป็นด้วยเหรอ”
“สตรีเหล็กที่ว่า ที่จริงก็เป็นคนเก่งคนหนึ่งที่พยายามเก็บความรู้สึก”
“…”
ตัวแทนเครือโรงภาพยนตร์ปาดน้ำตาพลางสนทนากัน
เยี่ยหงอวี๋กำลังพยายามสงบสติอารมณ์
ในฐานะตัวแทนจากเครือโรงภาพยนตร์ต้าตี้ เธอไม่ได้ดูภาพยนตร์ทุกวัน แต่เธอดูภาพยนตร์เป็นประจำเพราะนี่คืองานของเธอ
เห็นฉากในภาพยนตร์มาตั้งมาก มีฉากประเภทไหนบ้างที่เธอไม่เคยเห็น?
บอกตามตรง ต่อให้เป็นฉากซึ้งสะเทือนอารมณ์อย่างในวันนี้ เยี่ยหงอวี๋ก็ผ่านประสบการณ์ที่คล้ายคลึงกันมานักต่อนัก
ฉากเรียกน้ำตาของภาพยนตร์ ถ้าหากทำออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ก็มักจะก่อให้เกิดผลลัพธ์เช่นนี้ นี่คือเสน่ห์ของศิลปะในภาพยนตร์ และผู้ที่มีความสามารถระดับนี้บนบลูสตาร์ไม่ได้มีแค่เซี่ยนอวี๋!
เรื่องนี้แน่นอนอยู่แล้ว
แต่ในความทรงจำซึ่งเกี่ยวข้องกับการชมภาพยนตร์ของเยี่ยหงอวี๋…
ไม่ว่าเธอจะรับชมภาพยนตร์มามากแค่ไหน หากนำฉากเรียกน้ำตามาเปรียบเทียบเพียงปัจจัยเดียว ภาพยนตร์ที่สามารถหยิบยกขึ้นมาเปรียบกับเรื่องปากง สุนัขยอดกตัญญูนั้นมีน้อยเหลือเกิน
ถึงขั้นที่ใช้คำว่าหาได้ยากยิ่งได้ด้วยซ้ำ
“จุดที่ยอดเยี่ยมของหนังเรื่องนี้คือต่อให้รู้ว่าด้านหลังจะเริ่มพีค แต่ก็ยังตกหลุมพรางได้โดยไม่รู้ตัว รู้ทั้งรู้ว่าผู้กำกับจงใจใช้ฉากสโลว์โมชันเพื่อให้คนดูร้องไห้ รู้ทั้งรู้ว่าความเศร้าของเพลงประกอบมีไว้เพื่อเริ่มต้นความโหดร้ายของการรอคอยเป็นเวลานานสิบปีของเสี่ยวปา รู้ทั้งรู้ว่าจุดประสงค์ของคนเขียนบทคือเพื่อให้ผู้ชมซาบซึ้ง แต่ก็ยังไม่สามารถต้านทานอารมณ์ประเภทนี้ได้ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับว่าในโรงฉายมีผู้ชมมากแค่ไหน ถ้าไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้ในโรงด้วยกัน แต่ดูส่วนตัว บางทีอาจร้องไห้จนลืมตัวยิ่งกว่านี้ก็ได้”
เยี่ยหงอวี๋คล้ายกับทั้งกำลังพูดกับตัวเอง และสอนหยางอันในเวลาเดียวกัน
ผู้ติดตามอย่างหยางอันพยักหน้าจริงจัง
มีภาพยนตร์บางเรื่องที่ทำให้ผู้ชมเสียอาการ ปากง สุนัขยอดกตัญญูก็คือภาพยนตร์ประเภทนั้น
หลังจากที่เยี่ยหงอวี๋ตีความเจตนาของผู้เขียนบทออกแล้ว ก็เตรียมตัวเตรียมใจเป็นอย่างดี ย้ำเตือนกับตนเองตลอดว่าช่วงหลังของภาพยนตร์เรื่องนี้จะต้องเล่นกับความรู้สึกของคนดู ทว่าสุดท้ายแล้วก็ยังพ่ายแพ้ และร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด
ทว่าในขณะนั้น
เหล่าโจวก็เดินขึ้นมาบนเวที หยิบไมโครโฟนออกมากล่าว “ทุกท่านอาจจำเป็นต้องใช้เวลาปรับอารมณ์กันสักพัก รอทุกท่านเตรียมตัวพร้อมแล้ว เราไปหารือเรื่องการร่วมงานกันที่ห้องด้านข้างนะครับ”
ทุกคนทยอยลุกขึ้น
ภาพยนตร์กินเวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง และกระเพาะปัสสาวะของหลายคนแทบทนไม่ไหวแล้ว
อย่างไรก็ดี ตัวแทนเครือโรงภาพยนตร์ซึ่งรับบุหรี่มาจากหัวหน้าระดับสูงจากแผนกภาพยนตร์สตาร์ไลท์ กลับค่อยๆ ขยับเข้าไปหาหัวหน้าระดับสูงจากสตาร์ไลท์คนนั้น
“ขออีกสักมวนสิ”
“ให้คุณไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“มวนเดียวไม่พอ”
“…”
ไหนคุณบอกว่าไม่สูบบุหรี่ไง?
นี่เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ปากง สุนัขยอดกตัญญูเป็นภาพยนตร์เรียกน้ำตา และเป็นภาพยนตร์ซึ่งเปลืองบุหรี่เหลือเกิน เหล่าโจวและคนอื่นๆ รู้เรื่องนี้ดี
ในขณะนั้นเอง
เยี่ยหงอวี๋เดินไปหาเหล่าโจว “หัวหน้าโจว ขอคุยด้วยสักครู่”
เหล่าโจวมองเยี่ยหงอวี๋
เยี่ยหงอวี๋เติมเครื่องสำอางตั้งแต่นั่งอยู่แล้ว เครื่องสำอางช่วยปกปิดหลักฐานว่าเธอร้องไห้จนเครื่องสำอางเปรอะเปื้อน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน