ตอนที่ 39 การฝึกฝนตนของผู้ช่วยงาน
ถึงแม้จะมีแค่เขาและหลินเยวียนที่กินข้าวกันอยู่สองคน ทว่าซุนเย่าหั่วก็สั่งอาหารมาเต็มโต๊ะ แม้แต่หลินเยวียนก็ทนดูต่อไม่ไหวแล้ว
“ไม่ต้องสั่งแล้วครับ กินไม่หมด”
ซุนเย่าหั่วยิ้มเอ่ย “รุ่นน้องไม่ต้องเกรงใจเลย ดื่มเหล้ามั้ย”
หลินเยวียนส่ายหน้า
ซุนเย่าหั่วพูด “งั้นพวกเราก็ไม่ดื่ม”
หลินเยวียนพยักหน้า “พนักงาน ขอเป็นข้าวสองที่ครับ”
ซุนเย่าหั่วโบกมือ เอ่ยว่า “ช่วงนี้ฉันลดน้ำหนัก ไม่กินข้าวน่ะ”
หลินเยวียนเหลือบมองด้วยสายตาชอบกล “ผมสั่งให้ตัวเอง”
ซุนเย่าหั่ว “…”
เมื่อข้าวมาเสิร์ฟขึ้นโต๊ะ หลินเยวียนก็ลงมือกินทันที เขาจะไม่ทำให้อาหารมื้อใหญ่นี้เสียของ
ซุนเย่าหั่วยิ้มเอ่ย “นักโภชนาการบอกว่าคนที่กินข้าวให้น้อยลงจะไม่แก่ง่าย รุ่นน้องนายกินผักให้เยอะๆ นะ”
หลินเยวียนมองซุนเย่าหั่วอย่างจริงจัง “ผมมีเพื่อนคนนึงไม่ได้กินข้าวสิบวัน ตอนหลังเขาอายุสิบแปดไปตลอดกาล”
ซุนเย่าหั่ว “…”
หลินเยวียนขมวดคิ้ว “มุกนี้ไม่ตลกเหรอครับ”
เขาคิดว่าตนเองมีอารมณ์ขันซะอีก
ซุนเย่าหั่วอึ้งงันไปหลายวินาที ทันใดนั้นก็หัวเราะลั่นออกมา “ตลกจริงๆ ตลกมากเลย ฉันขำแทบตายแน่ะ ฮ่าๆๆๆ!”
อนาถตัวเองจริงๆ
บริกรมองซุนเย่าหั่วด้วยสายตาประหลาด จากนั้นก็เข้าใจนัยยะของรอยยิ้มฝืนบนใบหน้าของซุนเย่าหั่ว
“แค่ก”
หัวเราะอยู่ครู่หนึ่ง
ซุนเย่าหั่วก็ก้มหน้ากินข้าวเงียบๆ
อันที่จริงเมื่อกี้เขาคิดว่าจะปลอบหลินเยวียนอย่างไรดี
เพราะเขาฟังไม่ออกเลยสักนิดว่าหลินเยวียนกำลังเล่ามุกตลก เห็นสีหน้าจริงจังของหลินเยวียน เขายังคิดไปว่าอีกฝ่ายมีเพื่อนที่ไม่ได้กินข้าวนานจนเป็นอะไรไปจริงๆ
……
“คนกินเก่งนั้นมีพรสวรรค์[1]”
หลินเยวียนใช้เวลาอยู่หลายวินาที ก่อนจะเอ่ยถามว่า “อันนี้ตลกมั้ยครับ”
ซุนเย่าหั่วเงยหน้าด้วยความสับสน จากนั้นก็ตบเข่าฉาดอย่างขบขัน “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
จริงสิ
หลินเยวียนฉุกคิดขึ้นได้ว่าบนโลกนี้ไม่มีสามก๊ก ย่อมไม่มีเรื่องราวคลาสสิกอย่างคนเก่งนั้นมีพรสวรรค์
งั้นตกลงว่าซุนเย่าหั่วขำอะไรกัน
หลินเยวียนเหลือบมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเห็นอกเห็นใจ
ดูท่ารุ่นพี่จะเส้นตื้นอยู่นะ
ดังนั้นทั้งสองจึงเกิดความเห็นพ้องต้องกันโดยอัตโนมัติ ต่างคนต่างก้มหน้าก้มตากินข้าว
กินไปครึ่งหนึ่ง ซุนเย่าหั่วถึงเริ่มเอ่ยปากสร้างบรรยากาศครึกครื้นขึ้นมาอีกครั้ง “ฉันฟังสองเพลงที่นายเพิ่งปล่อยออกมาแล้ว ชอบมากเลยละ!”
แม้ว่าจะทำไปเพื่อสร้างบรรยากาศ แต่คำพูดนี้ซุนเย่าหั่วพูดมาจากใจจริง
ก่อนหน้านี้เพลงชีวิตดั่งมวลผกายามคิมหันต์ดังแล้ว ขณะที่บริษัทถกเถียงกันเรื่องของเซี่ยนอวี๋ ก็มีคนบอกว่าเซี่ยนอวี๋อาจโชคดีถึงเขียนเพลงนี้ออกมาได้
เมื่อได้ฟังคำพูดพวกนี้มากเข้า ซุนเย่าหั่วก็คิดมาตลอดว่าหลินเยวียนเป็นแบบนั้น
แต่เขากลับไม่คิดว่าหลังจากนั้นหลินเยวียนจะเขียนเพลงออกมาอีกสองเพลง หนำซ้ำยังฮ็อตฮิตสุดๆ รุ่นน้องคนนี้เป็นอัจฉริยะดีๆ นี่เอง ก่อนหน้านี้ตนได้พบกับอีกฝ่ายนับเป็นโชคครั้งใหญ่จริงๆ!
หลินเยวียนตอบอย่างมีมารยาท “ขอบคุณฮะ”
ซุนเย่าหั่วหัวเราะ เอ่ยขึ้นอย่างมีความหวัง “ไม่แน่ว่าต่อไป อาจมีแต่นักร้องเบอร์ต้นๆ ของบริษัทที่จะร่วมงานกับรุ่นน้องได้ ตอนนี้คนที่ร่วมงานกับรุ่นน้องก็ต้องระดับจ้าวอิ๋งเก้อเป็นอย่างน้อยแล้ว” หลินเยวียนส่ายหน้า “แพงเกินไป”
ซุนเย่าหั่วชะงัก “อะไรแพงเกินไปเหรอ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน