Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 407

สรุปบท ตอนที่ 407 พวกเขาต่างหากที่เริ่มก่อน: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

สรุปตอน ตอนที่ 407 พวกเขาต่างหากที่เริ่มก่อน – จากเรื่อง Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน โดย Internet

ตอน ตอนที่ 407 พวกเขาต่างหากที่เริ่มก่อน ของนิยายการเงินเรื่องดัง Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ตอนที่ 407 พวกเขาต่างหากที่เริ่มก่อน

หลินเยวียนไม่แปลกใจเลยที่เพลงขอเราคงอยู่ชั่วนิรันดร์ขึ้นไปได้ถึงจุดสูงสุด เพลงนี้ควรค่ากับผลลัพธ์ระดับนี้

กล่าวให้ชัดเจนก็คือ ทำนองวารีควรค่ากับผลลัพธ์ระดับนี้

ความรู้สึกที่ผู้ฟังในแดนมังกรมีต่อเพลงขอเราคงอยู่ชั่วนิรันดร์นั้นธรรมดา นั่นเพราะทุกคนล้วนคุ้นเคยกับเนื้อเพลงดี คุ้นเคยถึงขั้นที่สามารถอ้าปากร้องได้ทันที เพราะฉะนั้นจึงเกิดการจินตนาการล่วงหน้าจากความหมายของเนื้อเพลงว่าทำนองเพลงควรเป็นอย่างไร…

อคติทางความคิดเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน

คล้ายกับมีม่านบังตา หลายคนมองข้ามประเด็นสำคัญที่ชาวบลูสตาร์ได้เห็นทำนองวารีเป็นครั้งแรก กลอนสือโบราณมาปรากฏตรงหน้า ผู้ที่มีความรู้ด้านวรรณกรรมในระดับดีย่อมสัมผัสได้ถึงความโดดเด่นของกวีนิพนธ์บทนี้

อย่างไรก็ตาม หลินเยวียนเองก็เข้าใจว่าที่ตนได้เป็นผู้ชนะในครั้งนี้ได้ เป็นเพราะเนื้อเพลงสร้างปาฏิหาริย์จริงๆ

เพียงแต่ปาฏิหาริย์ในครั้งนี้ คนอื่นทำไม่ได้ นับว่าเป็นเป็นข้อได้เปรียบเฉพาะตัว

แน่นอนว่าหลินเยวียนเองก็ฟังผลงานของเฟ่ยหยางและราชาราชินีเพลงคนอื่นๆ แล้ว

สำหรับหลินเยวียน การฟังเพลงเป็นกระบวนการที่เพลิดเพลิน โดยเฉพาะการได้ฟังบทเพลงที่ดี

ต้องกล่าวว่า พ่อเพลงลงมือเองเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก

บทเพลงของพวกเขาเหล่านี้ยอดเยี่ยมจริงๆ ถึงขั้นที่บางส่วนเป็นผลงานคลาสสิกด้วยซ้ำไป สมกับมาตรฐานของมหาสงครามเทพเซียนแล้ว

ถ้าหากเปรียบเทียบเพียงเรื่องการขับร้องและทำนองเพลง หลินเยวียนคิดว่าตนคงคว้าอันดับหนึ่งไม่ได้อย่างแน่นอน

“กระบวนท่านี้จะใช้บ่อยไม่ได้”

หลินเยวียนคิดตาม

เนื่องจากผู้ฟังจากบลูสตาร์เพิ่งเคยเห็นเนื้อเพลงซึ่งแปลกใหม่เช่นนี้ จึงสร้างความตกตะลึงได้เป็นธรรมดา

แต่ถ้าทำเช่นนี้อีกสักครั้ง ความตกตะลึงก็อาจลดลง

อย่างน้อยแรงผลักดันยอดดาวน์โหลดของเพลงซึ่งมาจากเนื้อเพลงจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด

ทุกสรรพสิ่งมักน่าทึ่งในครั้งแรกเสมอ

ถ้าหากมีอีกสักครั้งหรืออีกหลายครั้ง ทุกคนอาจยังคงชื่นชอบเนื้อเพลง แต่ไม่จำเป็นต้องชื่นชอบทำนองเพลงตามไปด้วย นอกเสียจากว่าตัวเนื้อเพลงจะมีเสน่ห์เหนือชั้น

เสน่ห์ที่ว่านี้ อย่างน้อยก็ต้องใช้เพลงขอเราคงอยู่ชั่วนิรันดร์เป็นมาตรฐาน

และถ้าหากบทเพลงนี้เป็นมาตรฐาน อันที่จริงต่อให้เป็นทางระบบเองก็คงไม่มีผลงานสำรองที่หยิบมาใช้ได้มากมายเช่นเดียวกัน

เพราะฉะนั้นค่อยเป็นค่อยไปแต่มั่นคงก็แล้วกันไอรีนโนเวล

ส่วนโบนัสซึ่งตามมาหลังจากที่บทเพลงนี้โด่งดังเป็นพลุแตกนั้น หลินเยวียนก็ได้รับมาไม่น้อย เจียงขุยในฐานะผู้ขับร้องบทเพลง ก็พลอยได้รับอานิสงส์ไปไม่น้อยเช่นเดียวกัน

ในที่สุดเธอก็ได้เป็นนักร้องแถวหน้า!

การเติบโตในอาชีพก้าวหน้าไปอีกระดับ!

ไม่กี่วันหลังจากนั้น

นอกเหนือจากการพูดคุยเกี่ยวกับตัวบทเพลงแล้ว เสียงชื่นชมจากทักษะการร้องเพลงของเจียงขุยเพิ่มขึ้นมากเช่นกัน

ในวงการกล่าวว่าเธอ ‘ขึ้นประลองบนสังเวียนเดียวกับราชาราชินีเพลงได้โดยไม่ตกเป็นรอง’

สื่อกระแสหลักหลายแห่งยังประเมินอีกว่าเธอเป็น ‘นักร้องรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพของราชินีเพลง’

ถึงกับมีนิตยสารกล่าวว่าเจียงขุยคือ ‘เพชรในตมที่เซี่ยนอวี๋ขุดพบ’

เจียงขุยรับทั้งการสัมภาษณ์และงานอีเวนต์จนมือเป็นระวิง สิ่งที่ได้รับนั้นมากกว่าซุนเย่าหั่วหลังจากก้าวสู่การเป็นนักร้องแถวหน้าเสียอีก!

“ฉันคิดว่าคุณต้องใช้อีกสักสองเพลงถึงจะได้ขึ้นเป็นนักร้องแถวหน้า นึกไม่ถึงว่าแค่เพลงเดียวก็พอแล้ว!”

ผู้จัดการของเจียงขุยดีใจจนเนื้อเต้น

ทว่าสิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายของผู้จัดการก็คือ เจียงขุยไม่ได้มีความสุขอย่างที่คิด

“เป็นอะไรไป”

ผู้จักการชะงัก

เจียงขุยยิ้มขื่น “เพลงอย่างขอเราคงอยู่ชั่วนิรันดร์ ฉันไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะได้เจออีกไหม…”

ผู้จัดการตกใจ เอ่ยพลางถอนหายใจ

“ผลงานแบบนี้ จะมีนักร้องสักกี่คนที่ได้เจอสักครั้งในชีวิต คุณยังอยากเจออีกสักครั้งเหรอ”

อันที่จริงผู้จัดการยังมีอีกประโยคหนึ่งที่ยังไม่ได้พูด

ต่อให้สำหรับเซี่ยนอวี๋เอง ก็อาจเป็นเรื่องยากที่จะหวนคืนสู่ความรุ่งโรจน์ของยุคขอเราคงอยู่ชั่วนิรันดร์ได้อีกครั้ง

นี่เป็นสิ่งที่หลายคนเก็บไว้ในใจ แต่ต่างคนต่างก็ไม่ได้พูดออกมา

คงจะมากเกินไปถ้าขอให้เซี่ยนอวี๋ผลิตผลงานระดับนี้ออกมาอีก ศิลปะในกวีนิพนธ์ทำนองวารีได้แตะถึงระดับสูงสุดแล้ว

“สองปีต่อจากนี้ นายควรคิดเรื่องคว้าถ้วยรางวัลพ่อเพลงจากงานสังคีตสมโภชได้แล้ว”

ขณะนั้น

เหล่าโจวอดไม่ได้ที่จะหวนนึกถึงวันที่เขาพาเซี่ยนอวี๋มายังแผนกประพันธ์เพลง

วัยรุ่นในเวลานั้นยังคงเบาปัญญา หอบตำราเรียนหลายเล่มเข้ามาในแผนกประพันธ์เพลง พร้อมกับท่าทีนิ่งสงบ สร้างความตกตะลึงให้กับแผนกประพันธ์เพลงหลายต่อหลายครั้ง!

แต่ต่อให้เป็นตอนนั้น เหล่าโจวก็ไม่เคยคาดหวังว่าเด็กคนที่กดเครื่องคิดเลขคำนวณค่าคอมมิชชันในห้องประชุุมในวันนั้น จะแสดงความสามารถระดับพ่อเพลงออกมาได้ในช่วงเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่ปี!

“ครับ”

วิธีการพูดของหลินเยวียน ยังคงสั้นกระชับเช่นเดียวกับในช่วงเวลานั้น

แต่เหล่าโจวก็รู้ ว่าถึงแม้คำตอบของหลินเยวียนจะสั้น แต่บางทีอาจเป็นการสำแดงท่าทางของพ่อเพลงออกมากลายๆ ก็ได้

“นอกจากนี้…”

เหล่าโจวมองดูหลินเยวียนเซ็นสัญญาฉบับใหม่ พลางแจ้งข้อมูล “เรื่องชีวิตอัศจรรย์ของพายต้องใช้แรงและเวลามากสักหน่อยในการเตรียมการ นายอาจยังถ่ายทำไม่ได้ชั่วคราว”

“เริ่มถ่ายทำในปีนี้ไม่ได้เหรอครับ”

“อย่างน้อยครึ่งปีแรกก็ไม่ทัน”

หลินเยวียนพยักหน้า เห็นทีต้องหาภาพยนตร์อีกเรื่องหนึ่งมาใช้ก่อน

“จริงสิ”

ขณะที่เหล่าโจวกำลังจะออกไป จู่ๆ ก็ชะงัก อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามคำถาม “ดูเหมือนนายจะไม่ชอบคนฉู่?”

หลินเยวียนแปลกใจ “ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะครับ”

เหล่าโจวกล่าวกลั้วหัวเราะ “เพราะนายอัดคนฉู่ซะน่วมเลยน่ะสิ จัดการเรื่องเพลงไปครั้งหนึ่งแล้ว ยังไม่วายจัดการแม้แต่เนื้อเพลงของนักเขียนเนื้อเพลงระดับสูงของฉู่อย่างหนีหงอู่”

หลินเยวียนประหลาดใจ

ถ้าพูดแบบนี้ ดูเหมือนว่าอิ่งจือจะเคยทำแบบนั้นด้วยเหมือนกัน

พูดไปเหล่าโจวก็คงไม่เชื่อ…

ว่าพวกเขาต่างหากที่เริ่มก่อน

……………………………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน