Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 423

ตอนที่ 423 แดนนิทาน

“สวัสดีครับ รบกวนเซ็นรับพัสดุด้วยครับ”

ณ เขตซื่อจี้ในมณฑลเยี่ยน กริ่งประตูบ้านหลังหนึ่งดังขึ้น

ชายขอบตาดำคล้ำคนหนึ่งเดินหาวออกไปเปิดประตูบ้านของตน

หลังจากเซ็นรับพัสดุ เด็กหนุ่มพนักงานขนส่งไม่ได้รีบร้อนกลับไปทันที แต่กลับจ้องมองชายคนนั้นด้วยความสงสัย

“มีอะไรหรือเปล่าครับ”

“ขออนุญาตถามนะครับ ไม่ทราบว่าคุณใช่อาจารย์เทียนจี้ไป๋นักเขียนนิทานชื่อดังหรือเปล่าครับ ผมเคยเห็นภาพของคุณบนอินเทอร์เน็ต…”

“ใช่ครับ”

ชายหนุ่มเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

เขาคือเทียนจี้ไป๋ หนึ่งในนักเขียนชาวเยี่ยนซึ่งส่งคำท้าถึงฉู่ขวงในการประชันวรรณกรรมครั้งนี้

หลังจากสู้รบกับฉู่ขวงเมื่อคืนนี้ เทียนจี้ไป๋ก็ตื่นเต้นมากจนนอนไม่หลับ ในสมองเต็มไปด้วยฉากนองเลือดในวันนี้ จนพานให้ขอบตาดำคล้ำ

“นึกไม่ถึงเลยนะครับว่าจะเป็นอาจารย์ตัวจริง! ผมขอลายเซ็นหน่อยได้ไหมครับ เซ็นบนกระเป๋าผมเลยก็ได้!” พนักงานขนส่งเอ่ยด้วยความคาดหวัง

เทียนจี้ไป๋ยิ้มบาง ทำตามคำขอของอีกฝ่าย

ก่อนจะจากไป จู่ๆ พนักงานขนส่งก็ชูกำปั้นขึ้นมา “อาจารย์เทียนจี้ไป๋สู้เขานะครับ คุณเอาชนะฉู่ขวงในการประชันวรรณกรรมได้แน่นอน คนเยี่ยนอย่างผมสนับสนุนพวกคุณอยู่แล้ว!”

เทียนจี้ไป๋อึ้งไป

ดูท่าเรื่องที่ฉู่ขวงประชันวรรณกรรมกับนักเขียนทั้งเก้าคนจะมาถึงขั้นที่คนรู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองแล้ว

“ผมรับรองได้!”

เขาพยักหน้าด้วยความมั่นใจ “อย่างน้อยเมื่อเผชิญหน้ากับยอดฝีมือชาวเยี่ยนอย่างเรา ฉู่ขวงจะไม่มีโอกาสชนะแม้แต่นิดเดียว!”

“มันต้องอย่างนี้สิครับ!”

พนักงานขนส่งส่งเสียงเชียร์พลางจากไป

มุมปากของเทียนจี้ไป๋ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย มือแกะห่อพัสดุ

วันนี้เป็นวันที่ผลงานชิ้นใหม่ของตนและฉู่ขวงวางขาย สินค้าในห่อพัสดุก็คือสิ่งที่เขาสั่งซื้อล่วงหน้าจากร้านหนังสือ นั่นก็คือหนังสือเล่มใหม่ของฉู่ขวง และนิตยสารราชานิทานฉบับที่สองซึ่งคลังหนังสือซิลเวอร์บลูตั้งใจวางแผงล่วงหน้า เนื่องจากสนิทสนมกับเจ้าของร้านหนังสือ วันนี้เขาจึงเป็นนักเขียนนิทานคนแรกซึ่งได้รับหนังสือเล่มใหม่ของฉู่ขวง

เขากระจ่างในผลงานของตนเองดี ตอนนี้จึงควรอ่านผลงานของฉู่ขวงสักหน่อย

เทียนจี้ไป๋หยิบหนังสือซึ่งมีหน้าปกสีดำขึ้นมา ท่ามกลางกลิ่นหอมของน้ำหมึก หน้าปกเขียนอักษรตัวใหญ่ฉวัดเฉวียนงดงาม

แดนนิทาน

และทางขวาของตัวอักษรเหล่านี้ มีข้อความเล็กๆ เพิ่มเติมว่า ‘อีกชื่อหนึ่งของหนังสือเล่มนี้ นิทานฉู่ขวง’

ที่แท้ชื่อจริงของหนังสือก็คือแดนนิทานสินะ

เทียนจี้ไป๋เบ้ปาก นี่เป็นการปรับทั้งภาพประกอบและปรับทั้งชื่อเรื่อง ฉู่ขวงพยายามใช้ลูกเล่นหลากหลาย แต่กลับลืมไปว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดของหนังสือก็คือเนื้อหา

“นี่คงจะเป็นสิ่งที่เรียกว่าหนังห่วยแต่เพลงประกอบขั้นเทพ?”

ถ้าหากอิงจากทฤษฎี ‘หนังห่วยแต่เพลงประกอบขั้นเทพ’ เช่นนั้นนิทานของฉู่ขวงคงจะมีเนื้อหากระจอกงอกง่อย ทว่าภาพประกอบเป็นเลิศ?

ถ้าฉันร่วมงานกับศิลปินวาดภาพประกอบคนนั้นได้คงจะดี

ความคิดเช่นนี้ปรากฏขึ้นในสมอง เทียนจี้ไป๋เปิดแดนนิทานหนังสือเล่มใหม่ของฉู่ขวง

เรื่องแรกคือเรื่องสโนวไวท์ซึ่งฉู่ขวงได้เผยแพร่ออกไปแล้ว

“ต้องยอมรับว่าเรื่องสโนวไวท์เขียนได้ไม่เลวเลย”

เทียนจี้ไป๋พึมพำกับตัวเอง “แต่ในบรรดานิทานที่รวบรวมไว้ในหนังสือเล่มนี้ สโนวไวท์คงเป็นเรื่องเดียวที่หยิบออกมาใช้ได้”

ถ้าครั้งนี้ฉู่ขวงประชันวรรณกรรมกับตนแบบหนึ่งต่อหนึ่ง และใช้ผลงานระดับเดียวกับสโนวไวท์ออกมาอีก ตนไม่มีทางชนะได้ง่ายๆ ทว่าครั้งนี้ฉู่ขวงดันไปเปิดศึกกับนักเขียนเก้าคนพร้อมกัน

หรือว่าเขายังเขียนผลงานระดับเดียวกับสโนวไวท์ออกมาได้อีก?

นี่คือเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ การสร้างสรรค์ผลงานเก้าชิ้นออกมาพร้อมกัน รังแต่จะทำให้ฉู่ขวงหมดพลัง

เมื่อคิดเช่นนี้

เทียนจี้ไป๋จึงมองไปยังนิทานเรื่องที่สอง

นิทานเรื่องนี้มีชื่อว่า ‘ซินเดอเรลลา’

เมื่อเห็นชื่อเรื่อง เทียนจี้ไป๋ก็เอ่ยค่อนแคะอย่างอดไม่ได้

“เรื่องก่อนหน้านี้ก็เจ้าหญิงสโนว์ไวท์ ครั้งนี้ก็ซินเดอเรลลา ฉู่ขวงคิดจะเรียกกระแสให้ตัวเองหรือไง ทำไมไม่ใช้คำว่าสีดำ[1]ไปซะเลยล่ะ”

ไม่ใช่ว่าเทียนจี้ไป๋เป็นคนอารมณ์ร้อน

ปกติแล้วเทียนจี้ไป๋ไม่ใช่คนที่แค้นฝังหุ่นนักเขียนคนอื่นๆ และไม่ใช่คนจิตใจคับแคบ

หลักการของชาวเยี่ยนคือ

ต่อให้อีกฝ่ายเป็นคู่แข่งของตน แต่ทุกคนต้องรักษาบรรยากาศเป็นกันเองในการประชันวรรณกรรม เรียกว่ามิตรภาพผ่านตัวอักษร

แต่ฉู่ขวงคนนี้ยโสโอหังเกินไป!

เขาถึงเลือกสู้แบบหนึ่งต่อเก้าเชียวนะ!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน