Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 424

สรุปบท ตอนที่ 424 ฆ่าหมดไม่สนลูกใคร: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

อ่านสรุป ตอนที่ 424 ฆ่าหมดไม่สนลูกใคร จาก Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 424 ฆ่าหมดไม่สนลูกใคร คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายการเงิน Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่ 424 ฆ่าหมดไม่สนลูกใคร

กริ้งงง

จู่ๆ โทรศัพท์มือถือของเทียนจี้ไป๋ก็ดังขึ้น

เทียนจี้ไป๋ปรับสภาพอารมณ์ ก่อนจะกดรับสาย

เสียงจากปลายสายฟังดูตื่นเต้นเล็กน้อย “ฉันเพิ่งซื้อราชานิทานมา ผลงานเรื่องใหม่ครั้งนี้ของนายสนุกมาก คิดว่านายต้องได้เป็นหนึ่งในสามผลงานที่ดีที่สุดแน่นอน ยินดีด้วยที่มีผลงานชิ้นโบแดงเพิ่มขึ้นมาอีกชิ้น!”

“ขอบคุณ”

เทียนจี้ไป๋ยิ้มขื่นพลางเอ่ยขอบคุณ ในน้ำเสียงกลับปราศจากความยินดีเมื่อได้รับคำชม หนำซ้ำยังรู้สึกว่าใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา

เขาเชื่อ

ว่าไม่ว่านักเขียนนิทานคนใดที่อ่านแดนนิทานจบ ก็ล้วนไม่อยากได้ยินคำชมเช่นนี้ คำชมประเภทนี้มีแต่จะทำให้นักเขียนผู้ทรงคุณวุฒิอย่างพวกเขารู้สึกละอายใจ

“ทำไมนายดูไม่ดีใจเลยล่ะ เป็นเพราะเรื่องที่ช่วงนี้ประชันวรรณกรรมกับฉู่ขวงหรือเปล่า ฮ่าๆๆๆๆๆๆ…”

เสียงหัวเราะของเพื่อนแฝงไปด้วยการเย้าหยอก “ฉู่ขวงสู้แบบหนึ่งต่อเก้า อย่าว่าแต่เอาชนะนายเลย ต่อให้เป็นนักเขียนอีกแปดคน เขาก็ไม่มีทางเอาชนะได้ ผลลัพธ์ของหนึ่งต่อเก้ามีแค่คุกเข่าคิดต่อกันเก้าครั้ง!”

“อืม”

เทียนจี้ไป๋ครุ่นคิด เอ่ยว่า “คุกเข่าติดต่อกันเก้าครั้งจริงๆ แต่ยังบอกไม่ได้ว่าใครจะคุกเข่า แต่ฉันขอคุกเข่าคนแรกเลย”

“หา?”

เพื่อนฟังไม่ค่อยเข้าใจความหมายของเทียนจี้ไป๋

เทียนจี้ไป๋กล่าว “นายไปซื้อแดนนิทานมาอ่านเถอะ ลูกนายชอบอ่านนิทานไม่ใช่เหรอ?”

“เดี๋ยวนะ นายคงไม่ได้หมายถึง…”

“แพ้แล้ว คนเขาชนะเก้าครั้งรวด”

เมื่อพูดประโยคนี้จบ เทียนจี้ไป๋ไม่รอให้เพื่อนพูดต่อ เขากดวางสายในทันที

ใช่แล้ว

เมื่ออ่านแดนนิทานจบ เทียนจี้ไป๋ก็รู้ว่าตนแพ้แล้ว นอกจากนั้นไม่ใช่คนคนเดียวที่แพ้ นักเขียนอีกแปดคนก็พ่ายแพ้เช่นเดียวกัน

ฉู่ขวงหนึ่งชนะเก้า!

จู่ๆ เทียนจี้ไป๋ก็เกิดความคิดชั่วร้ายขึ้นมาอย่างแปลกพิลึก “ฉันกำลังตั้งตารอดูปฏิกิริยาของคนอื่นๆ อยู่สินะ?”ไอรีนโนเวล

เนื่องจากร้านหนังสือส่งสินค้ามาให้ล่วงหน้า เทียนจี้ไป๋จึงเป็นคนแรกที่ได้รับหนังสือ และเป็นคนแรกที่อ่านหนังสือจบ

และขณะที่เทียนจี้ไป๋อ่านแดนนิทานจบ

นักเขียนคนอื่นๆ ซึ่งเข้าร่วมการประชันวรรณกรรมก็ได้รับผลงานชิ้นใหม่ของฉู่ขวงผ่านช่องทางที่แตกต่างกันไป

มณฑลฉิน

ฉีฉีซึ่งก่อนหน้านี้ปราชัยต่อฉู่ขวงมาแล้วครั้งหนึ่งกำลังเปิดหนังสือแดนนิทาน รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าอย่างอดไม่ได้ “ได้ยินว่าเรื่องราวของการแก้แค้นในนิทานมักประสบความสำเร็จเสมอ”

มณฑลฉี

จินซานซึ่งเคยพ่ายแพ้ต่อฉู่ขวงมาครั้งหนึ่งเช่นกัน ก็เดินทอดน่องออกจากร้านหนังสือ ในมือถือหนังสือแดนนิทานเล่มใหม่เอี่ยม “หวังว่าคุณจะไม่ทำให้ผมผิดหวัง”

มณฑลฉู่

นักเขียนนิทานอีกหลายคนก็ซื้อแดนนิทานติดมือมาเช่นเดียวกัน ถึงแม้นักเขียนจากมณฑลฉู่จะไม่มีใครท้าประชันวรรณกรรมกับฉู่ขวง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่านักเขียนจากมณฑลฉู่จะไม่ติดตามการประชันวรรณกรรมในครั้งนี้

สี่มณฑลใหญ่ ฉิน ฉี ฉู่ และเยี่ยน…

นักเขียนชื่อดังจำนวนมากซื้อผลงานชิ้นใหม่ของฉู่ขวงซึ่งมีชื่อว่า ‘แดนนิทาน’

แน่นอนว่าชาวเน็ตอีกหลายคนก็เช่นกัน

เป็นดังเช่นที่เทียนจี้ไป๋คิด การต่อสู่แบบหนึ่งต่อเก้าของฉู่ขวงดึงดูดความสนใจของผู้คนได้มหาศาล แทบถึงขั้นที่ทุกคนรับรู้เรื่องนี้กันถ้วนหน้า

เช่นเดียวกับเทียนจี้ไป๋

หลังจากที่ผู้คนเหล่านี้ได้รับหนังสือแดนนิทาน พวกเขาก็เริ่มต้นอ่านทันที หลังจากนั้นก็ดำดิ่งเข้าสู่โลกแห่งนิทานซึ่งฉู่ขวงรังสรรค์ขึ้น

หลังจากนั้นล่ะ?

หลายคนยังไม่ทันได้มี ‘หลังจากนั้น’ มีเพียงดวงตาแดงก่ำ ซึ่งกำลังจับจ้องไปยังแดนนิทาน พลางใคร่ครวญถึงความหมายของชื่อหนังสือเช่นเดียวกับเทียนจี้ไป๋

……

บังเอิญว่าวันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์พอดี แม่ผู้ซึ่งอ่านเรื่องเจ้าหญิงสโนว์ไวท์ให้หวาหวาและหงหงฟังก่อนนอน ก็ใช้เวลาช่วงพักผ่อนออกไปยังร้านหนังสือเพื่อซื้อหนังสือเล่มใหม่ของฉู่ขวงมาสองเล่ม

“คนละเล่ม”

เมื่อกลับถึงบ้าน แม่จึงแบ่งหนังสือแดนนิทานให้กับหวาหวาและหงหง “พวกลูกชอบเรื่องเจ้าหญิงสโนว์ไวท์ไม่ใช่เหรอ คนเขียนหนังสือนิทานเล่มนี้เขียนเรื่องเจ้าหญิงสไนว์ไวท์”

“ผมอยากให้แม่อ่านให้ฟัง!” หวาหวาเอ่ยเสียงดัง

“แม่ไม่อยากอ่าน ลูกก็อ่านหนังสือได้นี่ หมิงหมิงข้างบ้านก็อ่านนิทานเองนะ“

วันนี้แม่อารมณ์ไม่ดีเล็กน้อย

นิยายชุดรหัสคดีของปัวโรต์ยังไม่วางแผง ไม่ว่าอย่างไรแม่ก็คิดว่าคงฉู่ขวงง่วนอยู่กับการเขียนนิทานจนทำให้นิยายสืบสวนสอบสวนเล่มใหม่พลอยล่าช้า

“ก็ได้ฮะ…”

หวาหวาเอ่ยอย่างน้อยใจ

หงหงซึ่งเป็นพี่สาวกลับไม่ได้พูดให้มากความ เปิดหนังสือแดนนิทานในทันที

อันที่จริงเธอไม่ได้ชื่นชอบนิทานมากเป็นพิเศษ แต่เพราะเธอชื่นชอบเรื่องเจ้าหญิงสโนว์ไวท์มาก จึงยอมอ่านนิทานเล่มใหม่นี้

‘คิดซะว่าฉันได้ทำเพื่อไอดอลของฉันแล้ว’

แม่คิดเช่นนี้ พลางมองดูลูกสาวและลูกชายอ่านแดนนิทานอย่างเงียบเชียบ

ในฐานะแฟนคลับของฉู่ขวง แน่นอนว่าแม่รู้เรื่องการประชันวรรณกรรมระหว่างฉู่ขวงกับนักเขียนนิทานชื่อดังอีกเก้าคน การไปซื้อแดนนิทานสองเล่มจากร้านหนังสือนับว่าเป็นวิธีสนับสนุนไอดอลของเธอ

แม่หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา กดเข้ากลุ่มแช็ตกลุ่มหนึ่ง

นี่คือกลุ่มแช็ตของแฟนคลับฉู่ขวง สมาชิกในกลุ่มทั้งหมด 846 คนล้วนเป็นแฟนคลับของฉู่ขวง ขณะนี้ในกลุ่มกำลังสนทนากัน

‘ผมซื้อแดนนิทานให้ลูกแล้วหนึ่งเล่ม’

‘บ้านฉันไม่มีเด็ก แต่ฉันเองก็ซื้อมาเล่มนึง เดี๋ยวจะกลับไปอ่าน ถึงยังไงก็เป็นหนังสือเล่มใหม่ของฉู่ขวง’

‘รู้สึกว่าครั้งนี้เจ้าแก่ฉู่ขวงจริงจังมาก อุตส่าห์ชะลอการปล่อยนิยายสืบสวนสอบสวนเพื่อเขียนแดนนิทาน’

‘เขาคงกดดันมาก ผลงานของนักเขียนทั้งเก้าคนยอดเยี่ยมมาก ตอนนี้ทุกคนบอกว่าเจ้าแก่ฉู่ขวงแพ้แหงๆ’

‘แพ้แล้วไง กล้าแข่งนิยายสืบสวนสอบสวนกับฉู่ขวงหรือเปล่า’

‘แข่งนิยายแฟนตาซีก็ได้ ฉู่ขวงเอาชนะได้ด้วยมือเดียว!’

‘…’

ช่างเป็นแฟนคลับที่หน้ามืดตามัวจริงๆ พูดจาไร้เดียงสา รู้สึกราวกับเด็กๆ กำลังงอแง แม่คิดอย่างจนใจ ก่อนจะพิมพ์ข้อความส่งไปหนึ่งบรรทัด

‘คุกเข่าเก้าครั้งรวดเป็นไง สำหรับฉันฉู่ขวงไร้พ่ายตลอดกาล!’

อุก!

คุกเข่าลง?

ชาวเน็ตต่างหัวเราะเยาะ ‘ตอนนี้ยังกล้ายืนข้างฉู่ขวง ผมยอมรับแล้วว่าคุณเป็นแฟนคลับอันดับหนึ่งที่หน้ามืดตามัว ถึงยังไงแฟนคลับหน้ามืดตามัวคนเดียวก็เรียกแอนตีแฟนได้สิบคน’

ล้อเล่นอะไร

ฉู่ขวงสู้แบบหนึ่งต่อเก้าแล้วจะชนะ?

คิดว่านักเขียนนิทานชื่อดังเหล่านั้นเป็นหัวผักกาดนิ่มๆ หรืออย่างไร?

อย่างไรก็ตาม ขณะที่ชาวเน็ตต่างคนต่างสรวลเสเฮฮา เทียนจี้ไป๋หนึ่งในเก้านักเขียนซึ่งประชันวรรณกรรมกับฉู่ขวง ก็โพสต์ความเคลื่อนไหวบนปู้ลั่ว

ไม่มีตัวอักษร มีเพียงมีมตลกหนึ่งภาพ กำลังคุกเข่าลงทั้งน้ำตา

มีมนี้มักจะใช้กันในกลุ่มแช็ต ไม่ได้แปลกใหม่แต่อย่างใด

ทว่าในขณะเดียวกัน เมื่อมีมซึ่งเทียนจี้ไป๋โพสต์ มาประกอบกับประโยคว่า ‘คุกเข่าลง’ ของเซินเจียรุ่ย ก็ทำให้ผู้คนคิดเชื่อมโยงกันจริงๆ

เกิดอะไรขึ้นกันแน่?

ชาวเน็ตยังไม่ทันมีปฏิกิริยาตอบสนอง ก็เห็นอาจารย์ฉีฉี อาจารย์จินซาน อาจารย์หลานเมิ่ง และนักเขียนนิทานอีกหลายคนซึ่งเข้าร่วมประชันวรรณกรรมกับฉู่ขวงต่างพากันรีโพสต์มีมคุกเข่าทั้งน้ำตาของเทียนจี้ไป๋

เก้าคนนี้เป็นอะไรไป

ชาวเน็ตงุนงงอยู่บ้าง

ถ้าบอกว่าเรื่องนี้ยังไม่ชัดเจนพอละก็ สิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปนี้คงมากพอให้ทุกคนตระหนักได้ว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่

‘โชคดีที่ผมไม่ได้ประชันวรรณกรรมกับฉู่ขวง’

ปรมาจารย์อูกุยโพสต์อย่างสะท้อนใจลงบนปู้ลั่ว

หลังจากนั้น…

อาจารย์หยวนหยวนกดไลก์…

อาจารย์เซ่อกวงกดไลก์…

อาจารย์ต้าตงกดไลก์…

อาจารย์ฮวาเยวี่ยเฉียนกดไลก์…

นักเขียนนิทานชั้นครูนับสิบคนแห่แหนกันมากดไลก์โพสต์ของปรมาจารย์อูกุย!

อาจารย์หยวนหยวนยังกล่าวในพื้นที่แสดงความคิดเห็นว่า

‘วันนี้ฉันมาทำธุระที่สมาคมวรรณศิลป์ จากนั้นก็ได้ทราบว่าทางคณะกรรมการคัดเลือกรวมนิทานบลูสตาร์จัดประชุมด่วนเกี่ยวกับหนังสือแดนนิทาน เนื่องจากจำนวนผลงานซึ่งสมาคมวรรณศิลป์กำหนดไว้นั้นมีจำกัด เพราะฉะนั้นจึงอาจแยกหนังสือรวมนิทานเล่มนี้ของฉู่ขวงออกมา และกำหนดเป็นหนึ่งในหนังสือนอกเวลาสำหรับเด็กประถม วงการนิทานสั้นอันตรายเกินไป ฉันขอกลับไปเขียนนิทานเรื่องยาวของตัวเองดีกว่า’

ตู้ม!

สั่นสะเทือนวงการไหมล่ะ!

แม้แต่คนโง่เขลาเบาปัญญายังเข้าใจว่าหมายความว่าอย่างไร นักเขียนนิทานทุกคนคงไม่สามารถมาร่วมมือกันหลอกชาวเน็ตได้หรอก เห็นทีผลลัพธ์ในศึกหนึ่งต่อเก้าของฉู่ขวงคงจะ…

ชนะแล้ว?

ทางเซินเจียรุ่ยก็จับภาพหน้าจอและนำมารวมกัน โพสต์ลงในโพสต์ที่สามของวันนี้ พร้อมกับข้อความซึ่งเผยความคลั่งไคล้ขั้นสุดของแฟนคลับตัวตึง ‘ประหนึ่งพญามารลงมาจุติ ประหนึ่งเทพไท่ซุ่ยผู้กุมชะตาชีวิตมนุษย์โดยแท้!’

ฉู่ขวง!

ฆ่าหมดไม่สนลูกใคร!

………………………………………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน