ตอนที่ 43 ซูเปอร์โนวาตัวจริง
ขณะที่เหอหมิงเซวียนกำลังเฝ้าสังเกตการณ์อยู่นั้น
ผู้ชายซึ่งแต่งตัวเป็นนักเรียนกลุ่มหนึ่งก็พากันเข้ามาในร้านหนังสือ ทันทีที่เข้ามา ก็ถามว่า “เถ้าแก่ หนังสือของซูเปอร์โนวามีมั้ยครับ”
“ยินดีต้อนรับ”
เถ้าแก่ยิ้ม ตอบไปว่า “ซูเปอร์โนวารอบนี้มีอยู่แล้ว เพิ่งมาเมื่อเช้า แถวแรกทางขวานั่น มีทั้งห้าเล่ม”
“ครับ”
ทั้งห้าคนวิ่งตรงไปยังหนังสือของซูเปอร์โนวา หนึ่งในนั้นพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น “ฉันขออ่านจอมมารทะลุมิติก่อน อันดับหนึ่งในซูเปอร์โนวาปีนี้เลยนะ!”
“ฉันอ่านอันดับสอง”
“งั้นฉันอ่านที่สามก็แล้วกัน”
เด็กผู้ชายกลุ่มนี้ตั้งใจเลือกหนังสือคนละเล่มกัน นับว่าตกลงกันได้แล้ว เพราะเมื่อทำแบบนี้ ทุกคนอ่านเจอผลงานที่ดีก็จะแนะนำกันและกัน
มีเพียงเด็กชายคนสุดท้ายที่ไม่ได้พูดอะไร
เขาสะพายกระเป๋าไว้ด้านหลัง สวมแว่นตา ดูแล้วเป็นการแต่งตัวสไตล์นักเรียนดีเด่น เขาหาที่นั่งลงในร้านเพื่อรอเพื่อนซึ่งกำลังเตรียมจะซื้อหนังสือเล่มใหม่
“หวาจื่อ”
มีเพื่อนคนหนึ่งชักชวน “นายอย่ามัวแต่สนใจเรียนหนังสือทั้งวันสิ ครูยังบอกเลยว่าต้องเรียนกับพักผ่อนให้สมดุลกัน หานิยายมาอ่านสักเล่มสิ”
“พวกนายอ่านไปเถอะ”
ผู้ชายที่ชื่อว่าหวาจื่อโบกมือ “ฉันไม่สนใจนิยาย”
“เหมือนว่านายคงไม่เคยอ่านนิยายสินะ”
เพื่อนอีกคนหนึ่งเอ่ยโน้มน้าว “ไม่ลองจะรู้ได้ยังไงว่าไม่ชอบ”
“ก็ได้”
หวาจื่อเองก็ไม่อยากทำตัวนอกคอก จึงหยิบปรินซ์ออฟเทนนิสขึ้นมา นั่งลงอ่านหนังสือตรงที่นั่งด้านขวาของเหอหมิงเซวียน
ผ่านไปสิบนาที
เด็กผู้ชายซึ่งอ่านจอมมารทะลุมิติก็วางหนังสือลง ขมวดคิ้วพูดว่า “รู้สึกว่านิยายเล่มนี้ธรรมดามากเลย ก็เห็นอยู่ว่าตัวเอกเป็นจอมมาร แต่กลับไม่ดุดันสักนิด นิสัยเดิมก่อนทะลุมิติมาแก้ไม่ได้สินะ”
“เล่มนี้พอใช้ได้”
ผู้ชายคนที่พูดนั้นกำลังอ่านนิยายซึ่งได้อันดับสองในซูเปอร์โนวา หนังสือชื่อ ‘ฉันกลายเป็นสัตว์อสูรขององค์หญิง’ “แค่นิสัยของตัวเอกฉันไม่ชอบ รู้สึกว่าป้วนเปี้ยนอยู่กับผู้หญิงทั้งวัน”
“ซูเปอร์โนวาครั้งนี้ไม่โอเค”
เพื่อนคนอื่นๆ ก็ทยอยกันวางหนังสือในมือลง ได้ข้อสรุปตรงกัน ท่าทางแลดูผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด “หวาจื่อ ไปกันเถอะ”
หวาจื่อไม่ตอบ
เพื่อนๆ จึงตะโกนว่า “หวาจื่อ ไปกัน”
หวาจื่อก็ยังไม่ตอบ
เพื่อนๆ รู้สึกประหลาดใจ ต่างคนต่างมองหวาจื่อ แต่กลับพบว่าหวาจื่อกำลังกอดปรินซ์ออฟเทนนิสอ่านอย่างใจจดใจจ่อ จนทุกคนตะโกนเรียกก็ยังไม่ได้ยิน
ทันใดนั้นเพื่อนๆ ก็นึกสนุกขึ้นมา
หนึ่งในนั้นรำพันว่า “หวาจื่อนี่มันอ่อนหัดจริงๆ เหมือนฉันตอนอ่านนิยายครั้งแรกเลย แค่หนังสือเล่มเดียวอ่านแล้วอินขนาดนี้ ตอนนี้อ่านหนังสือมาหลายเล่ม ก็เลยเรื่องมากขึ้นทุกวัน!”
“เมื่อกี้ยังบอกอยู่เลยว่าไม่สนใจนิยาย”
“นิยายที่หวาจื่ออ่านก็เหมือนจะเป็นผลงานในซูเปอร์โนวาครั้งนี้นะ แต่ว่าเป็นอันดับสุดท้ายของซูเปอร์โนวา เขียนเกี่ยวกับการแข่งขันเทนนิสที่เป็นแนวเฉพาะกลุ่ม ไม่ค่อยเหมาะกับคนอ่านที่เล่นเทนนิสไม่เป็นอย่างพวกเราเท่าไหร่”
“หา?”
เมื่อได้ยินเพื่อนพูดถึงตนเอง หวาจื่อถึงได้สติกลับมาราวกับเพิ่งตื่นขึ้นจากความฝัน เอ่ยอย่างอิดออดว่า “ฉันยังอยากอ่านต่ออะ นิยายเรื่องนี้สนุกมากเลยนะ!”
“นายซื้อกลับบ้านไปเลยก็ได้นี่”
มีคนเสนอแนะขึ้นมาอย่างหยอกล้อ จากนั้นทุกคนก็หัวเราะออกมา พูดจากใจจริงว่า “ล้อเล่นน่า ไม่รีบๆ ถ้างั้นพวกเราเอาก็ลองดูหน่อยมั้ยว่าเทสต์ของเด็กเรียนอย่างหวาจื่อเป็นยังไง”
“ได้”
พวกเขาวางหนังสือในมือลง ก่อนจะคว้าปรินซ์ออฟเทนนิสขึ้นมาอ่าน ยังไงก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว ถึงประเภทของหนังสือเล่มนี้จะไม่ตรงกับรสนิยมของพวกเขาก็เถอะ
“อื้ม!”
หวาจื่อดวงตาเป็นประกาย จากนั้นก็อ่านปรินซ์ออฟเทนนิสต่อไปอย่างไม่รีรอ เขารู้สึกว่าตนได้เปิดประตูบานกว้างสู่โลกใบใหม่!
ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง
จู่ๆ ผู้ชายหนึ่งในนั้นก็โพล่งขึ้นมา “แม่เจ้า นิยายเรื่องนี้ที่หวาจื่ออ่านมันสนุกจริงๆ นั่นแหละ ต่างกับที่ฉันจินตนาการไว้ลิบลับ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน