Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 44

ตอนที่ 44 เขา

คลังหนังสือซิลเวอร์บลูย่อมไม่มีทางส่งคนมานั่งจับตามองผู้คนในร้านหนังสือเฉกเช่นเหอหมิงเซวียน ผลลัพธ์เพียงอย่างเดียวที่พอจะสะท้อนผลงานซึ่งตีพิมพ์จากซูเปอร์โนวาหลังจากวางแผงขายตามท้องหนังสือเป็นวงกว้างก็คือเสียงตอบรับจากผู้อ่าน

เริ่มต้นจากเพียงจุดเล็กๆ

ถึงอย่างไรการอ่านหนังสือจำเป็นต้องใช้เวลา

สำหรับสำนักพิมพ์แล้ว คำวิจารณ์แค่เล็กๆ น้อยๆ ไม่ได้มีค่าให้อ้างถึงมากนัก ทว่าหลังจากที่นักอ่านกลุ่มแรกทยอยกันอ่านนิยายจบแล้ว เสียงตอบรับของผลงานทั้งห้าเรื่องจากซูเปอร์โนวาก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้นมาในช่องคอมเมนต์ในเว็บไซต์ทางการของคลังหนังสือซิลเวอร์บลู

สิ่งที่สร้างความวิตกกังวลให้แก่สำนักพิมพ์ก็คือ…

นิยายอันดับหนึ่งซึ่งบริษัทตั้งความหวังเอาไว้สูงลิบอย่างจอมมารทะลุมิติกลับไม่ได้รับเสียงตอบรับที่ดีสักเท่าไหร่ จากคะแนนเต็มสิบ คะแนนนักอ่านส่วนมากกดให้แค่ไม่ถึงห้าดาว ราวกับว่าทุกคนไม่ชอบรูปแบบของนิยายเรื่องนี้

‘ใช้วิธีเปลี่ยนน้ำแกงแต่ไม่เปลี่ยนเครื่องสมุนไพร’

‘ตัวเอกทะลุมิติมาเป็นถึงจอมมารแล้ว แต่ดันให้ความรู้สึกกระจอกมาก ในเมื่อเขียนขึ้นมาจากมุมมองของจอมมาร งั้นก็ไม่ควรจะเขียนให้ตัวเอกกระจอกขนาดนั้น หรือว่าถ้าตัวเอกไม่กระจอก นักเขียนก็จะเขียนไม่ออกแล้ว’

‘อ่านจบก็รู้สึกเสียดายที่ซื้อหนังสือเล่มนี้เลย’

‘ตัดจบไปเลย ไม่สนุก’

นิยายของฉินโจวแบ่งเล่มตีพิมพ์ เพราะฉะนั้นยอดขายของเล่มแรกจึงสำคัญมาก นิยายที่ยอดขายไม่ดีก็จะถูกตัดจบได้ง่าย สำนักพิมพ์จะแจ้งนักเขียนเร่งเขียนให้จบ ทันทีที่ผลงานซึ่งแผนเดิมมีสิบเล่มขึ้นไปเจอกับการถูกตัดจบ สุดท้ายแล้วถูกนักเขียนบีบให้สั้นลงจนเหลือแค่สามถึงห้าเล่ม ถึงอย่างไรสำนักพิมพ์ก็อยากกันทรัพยากรไว้ให้กับผลงานที่มีศักยภาพมากกว่า

ผู้คนจำนวนมากต่อว่าต่อขาน

แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกเสียงตอบรับจะแย่ไปซะหมด มีนักอ่านบางคนที่รู้สึกว่ามุมมองของจอมมารทะลุมิตินั้นแปลกใหม่มาก ‘ถึงแม้จะเป็นขวดใหม่ใส่เหล้าเก่า แต่อย่างน้อยตัวตนของตัวเอกนั้นต่างจากรูปแบบผจญภัยในต่างโลกแบบดั้งเดิม ไม่ต้องถึงขั้นตัดจบหรอก’

‘ไม่แน่ว่าตอนหลังๆ อาจปังก็ได้?’

เรื่องแบบนี้ก็ใช่ว่าจะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ตอนนี้ในตลาดมีนิยายซึ่งดังเป็นพลุแตกเรื่องหนึ่ง เมื่อเพิ่งวางขายเสียงตอบรับธรรมดามาก ยอดขายก็พอฝืนรับได้ ในตอนนั้นสำนักพิมพ์แจ้งกับนักเขียนว่าจะตัดจบ ใครจะรู้ล่ะว่าหลังจากวางขายไปสองเล่มก็กลับตาลปัตร เนื้อเรื่องของหนังสือขึ้นถึงจุดไคลแม็กซ์ ยอดขายพุ่งสูงขึ้นมา จนถึงกับต้องยกเลิกแผนการตัดจบไปเสียดื้อๆ หนังสือเรื่องนี้จนถึงปัจจุบันก็ยังทยอยออกเป็นซีรีส์ถึงเล่มที่ยี่สิบสองแล้ว

ทว่ากรณีแบบนี้น้อยเสียยิ่งกว่าน้อย

นั่นเป็นเพราะถ้าหากเล่มแรกไม่สามารถดึงดูดผู้อ่านได้แล้วละก็ ยากที่เล่มต่อๆ ไปจะรั้งให้ผู้อ่านอยู่จนถึงจุดพีคได้ มีเพียงการเปิดเรื่องที่ดึงดูดผู้อ่านได้ นิยายถึงจะสามารถตีพิมพ์ออกมาได้เรื่อยๆ อย่างมั่นคง

ไม่ใช่แค่อันดับหนึ่งที่เสียงตอบรับไม่ดีนัก

ผลงานอันดับที่หนึ่งถึงสี่ของซูเปอร์โนวา ผลตอบรับก็ธรรมดามาก มีเพียงคะแนนของอันดับสองซึ่งแตะถึงห้าคะแนน แต่ว่าห้าคะแนนในตลาดนิยายก็นับได้แค่ว่าผ่านเกณฑ์ ไม่ได้เรียกว่าดีเด่อะไร

“ปีนี้ลำบากแล้ว”

ในการประชุมของคลังหนังสือซิลเวอร์บลูอีกหนึ่งสัปดาห์ให้หลัง บรรณาธิการซึ่งอ่านรีวิวของนิยายเหล่านี้ได้แต่ทอดถอนใจ “ฉันคิดว่ายอดขายของจอมมารทะลุมิติจะพุ่งซะอีก แต่เพราะนักอ่านอ่านนิยายแนวผจญภัยในต่างโลกมากขึ้นเรื่อยๆ มาตรฐานของทุกคนก็สูงตามไปด้วย”

“พูดได้ถูกต้อง”

“ไม่ใช่ว่าซูเปอร์โนวาในครั้งนี้สู้ครั้งก่อนๆ ไม่ได้หรอก แต่เป็นเพราะรสนิยมของนักอ่านสูงขึ้นเรื่อยๆ มิน่าล่ะ

หัวหน้าบ.ก.ถึงได้สนับสนุนให้แนวใหม่ๆ ติดอันดับ แนวเดิมนักอ่านอ่านกันจนเอียนแล้ว นิยายจะต้องนำเสนอความตื่นเต้นรูปแบบใหม่บ้าง”

“…”

ในช่วงแรกๆ ละครโทรทัศน์พล็อตหนักสมองอย่างรถชน มะเร็ง หรือแท้งลูกเทือกนี้ปรากฏบ่อยครั้งในโทรทัศน์

บรรดาผู้ชมไม่ได้ดูเอาสนุกเหมือนเดิมแล้ว แต่ในปัจจุบันถ้าหากมีเนื้อเรื่องประเภทนี้ขึ้นมาอีก ผู้ชมก็คงชี้หน้าด่ากราดผู้กำกับไปแล้ว

ในวงการนิยายก็เช่นเดียวกัน

เมื่อหลายปีก่อน นิยายแนวผจญภัยในต่างโลกไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดก็โด่งดังได้ ตัวอย่างเช่นนิยายเรื่องพกโทรศัพท์ข้ามมิติ เล่าถึงตัวเอกไปยังต่างโลกแล้วยังสามารถใช้โทรศัพท์มือถือได้ พล็อตไม่เป็นโล้เป็นพายตลอดทั้งเรื่อง หากใช้สายตาในตอนนี้มองเรื่องนั้นคงรู้สึกสาหัสสากรรจ์จนทนดูไม่ได้ แต่ในตอนนั้นนักอ่านก็ชื่นชอบนิยายเรื่องนี้

“แต่ก็ไม่ได้แย่ไปซะทั้งหมด”

หยางเฟิงจงใจปลอบทุกคน “นิยายเรื่องปรินซ์ออฟเทนนิสถึงจะได้เป็นอันดับสุดท้ายในซูเปอร์โนวา แต่เสียงตอบรับก็ดีมากเลยนะครับ ตอนนี้ได้คะแนนสูงถึง 8.5 คะแนนแล้ว เป็นคะแนนที่สูงมาก”

หยางเฟิงพูดได้ถูกต้องแล้ว

แม้ว่าชื่อเสียงของสี่เล่มแรกจะไม่เป็นดังใจหวัง แต่ปรินซ์ออฟเทนนิสได้คะแนนที่สูงมาก คำวิจารณ์จากนักอ่านในช่องคอมเมนต์นั้นมีค่อนไปทางชื่นชมเป็นหลัก

‘เล่มนี้สนุกที่สุด!’

‘นึกไม่ถึงเลยว่านิยายแนวแข่งขันกีฬาอย่างแข่งเทนนิสจะเขียนให้ตื่นเต้นได้ขนาดนี้ ฉันหยิบจากร้านหนังสือมาอ่านเล่นๆ คิดไม่ถึงว่าหนังสือเล่มนี้หยิบมาแล้วจะวางไม่ลง ขายเรื่องปรินซ์ออฟเทนนิสสุดใจ’

‘เป็นความสดชื่นแปลกใหม่ของซูเปอร์โนวา!’

‘อ่านแนวผจญภัยในต่างโลกจนเบื่อ ได้เปลี่ยนอรรถรสบ้างก็ดีเกินคาดแฮะ ฉันแนะนำเรื่องปรินซ์ออฟเทนนิสกับเพื่อนไปตั้งหลายคน แต่บางคนก็ไม่สนใจ พวกเขาก็เหมือนฉันก่อนหน้านี้แหละ ไม่เข้าใจเสน่ห์ของนิยายแนวการแข่งขัน’

‘…’

กองบรรณาธิการย่อมรู้ว่าคะแนนของปรินซ์ออฟเทนนิสสูงมาก สามารถพูดได้ว่าเรตติงดีก็เหมือนสายน้ำรินไหลไม่หยุดยั้ง ทว่าสำหรับคลังหนังสือซิลเวอร์บลูแล้ว คำวิจารณ์ของนิยายเรื่องนี้นับเป็นเพียงรางวัลปลอบใจ เพราะแนวของนิยายเรื่องนี้ไม่เป็นที่นิยม ยอดขายแทบไม่มีทางพุ่งได้เลย

“ไม่มีประโยชน์”

“แนวนิยายเฉพาะกลุ่มเกินไป”

“ชมว่าดีไม่ได้แปลว่าจะซื้อนี่”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน