Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 441

ตอนที่ 441 หินหนึ่งก้อนก่อคลื่นพันลูก

อาจารย์หยวนหยวนแพ้แล้ว…

ถึงการประชันวรรณกรรมแบบหนึ่งต่อหนึ่งเช่นนี้จะถูกกำหนดให้มีผู้แพ้และผู้ชนะ อีกทั้งหยวนหยวนและอาหู่เดิมทีก็มีผลงานนิทานในระดับเดียวกัน ใครแพ้ใครชนะไม่ใช่เรื่องแปลก ทว่าฝั่งชาวฉินรู้สึกถึงความเจ็บใจ

‘น่าเสียดายมาก’

‘หนังสือของหยวนหยวนกับอาหู่ไม่ว่าจะเป็นยอดขายหรือคำวิจารณ์ก็ต่างกันเพียงเล็กน้อย แต่ความแตกต่างเล็กน้อยที่แหละที่เป็นตัวตัดสินผลแพ้ชนะในการประชันวรรณกรรม คราวนี้ชาวเยี่ยนคงเริ่มได้ใจแล้ว’

‘นับว่าแก้แค้นสำเร็จ?’

‘อย่างมากที่สุดก็ได้รับคำยกย่องชื่นชม’

‘นิทานสั้นของชาวเยี่ยนใช้การไม่ได้ เลยมาแข่งนิทานยาวกับเรา อีกอย่างอาจารย์หยวนหยวนเพียงแค่แพ้ไปอย่างน่าเสียดาย แต่นักเขียนนิทานสั้นของเยี่ยนพ่ายแพ้ให้กับแดนนิทานของฉู่ขวงราบคาบเลย’

‘…’

สุดท้ายแล้วความพ่ายแพ้ของอาจารย์หยวนหยวนก็ส่งผลกระทบต่อขวัญกำลังใจในวงการนิทานฉินโจว ราชานิทานสั้นของฉู่ขวงกลายเป็นกำลังใจสุดท้ายของทุกคน และความรู้สึกเดียวกันนี้ ก็ปรากฏขึ้นในใจของสุ่ยจูโหรว

“แพ้อีกแล้ว”

สุ่ยจูโหรวยิ้มอย่างขมขื่น

ในรอบแรกของการประชันผลงานของรองบรรณาธิการ เธอและจางหยางพ่ายแพ้ให้กับหลินเซวียน เดิมทีคิดว่าจะกลับมาเอาชนะได้ในรอบที่สอง ผลปรากฏว่าในรอบที่สองเธอต้องมาปราชัยให้กับจางหยางอีก ถึงแม้จะต่างกันไม่มาก แต่ก็เป็นดังเช่นที่หลายคนพูดกัน

แพ้ก็คือแพ้

แคนดิเดตหัวหน้าบรรณาธิการแผนกนิทานในอนาคต คงจะอยู่ระหว่างจางหยางและหลินเซวียนแล้วสินะ ต้องรอดูว่าบริษัทคิดว่านิทานสั้นหรือนิทานยาวสำคัญกว่ากัน เมื่อเทียบกันแล้ว ความหวังของตนริบหรี่ที่สุด

และในห้องทำงานด้านข้าง

ในที่สุดจางหยางก็ปัดเป่าความมืดมนจากการถูกหลินเซวียนข่มเหงได้แล้ว ความรู้สึกเปี่ยมไปด้วยความกระหยิ่มใจ “อาจารย์อาหู่สมแล้วที่เป็นยอดฝีมือในการประชันวรรณกรรมที่ชนะติดต่อกันแปดครั้ง แม้แต่อาจารย์หยวนหยวนก็แพ้เช่นเดียวกัน!”

“ตอนนี้ก็ชนะติดต่อกันเก้าครั้ง!”

ผู้ช่วยซึ่งอยู่ด้านข้างรู้สึกตื่นเต้นเช่นกัน “เยี่ยนโจวผ่านการประชันวรรณกรรมมาแปดสนาม อาจารย์อาหู่เอาชนะได้ทั้งหมด นับรวมกับอาจารย์หยวนหยวนในสนามนี้ อาจารย์อาหู่ชนะประชันวรรณกรรมแล้วเก้าครั้ง ก่อนหน้านี้ฉู่ขวงก็ชนะแค่เก้าครั้งติดต่อกันไม่ใช่เหรอครับ”ไอรีนโนเวล

“เรื่องนี้ก็ว่าไปตามตรง”

รอยยิ้มของจางหยางจางลงเล็กน้อย “ฉู่ขวงชนะติดต่อกันเก้าครั้งในการต่อสู้แบบหนึ่งต่อเก้า ต่างจากของอาจารย์อาหู่ นอกจากนั้นถ้านับผลการประชันวรรณกรรมก่อนหน้านี้ด้วยแล้ว ควรบอกว่าฉู่ขวงชนะประชันวรรณกรรมติดต่อกันสิบครั้ง เขาเคยเอาชนะเหลิ่งกวงในวงการวรรณกรรมสืบสวนสอบสวน”

“งั้นก็ไม่เลวแล้ว”

ผู้ช่วยหัวเราะร่วน “ถึงหลินเซวียนจะมีฉู่ขวง แต่เรามีความช่วยเหลือจากอาจารย์อาหู่ สถานการณ์ไม่นับว่าเลวร้ายนัก และในแง่ของความสำคัญ นิทานยาวสำคัญกว่านิทานสั้น ถึงยอดขายของเราจะเทียบไม่ได้กับแดนนิทาน แต่ก็มีข้อได้เปรียบของนิทานยาวนะครับ”

“ขอให้เป็นแบบนั้น”

มุมปากของจางหยางกระตุก “แต่ไม่รู้ทำไม ในใจผมถึงรู้สึกแปลกๆ ตาขวากระตุกตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้ ว่ากันว่าขวาร้ายซ้ายดี มีเรื่องไม่ดีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า”

จางหยางรู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก

ผู้ช่วยตกใจเมื่อได้ยินเช่นนี้ จากนั้นก็คล้ายกับฉุกคิดบางอย่างขึ้นมา เขาและจางหยางมองไปยังกำแพงด้านซ้ายมือแทบพร้อมกัน พวกเขารู้ว่าสถานที่ด้านหลังกำแพงนี้ ก็คือห้องทำงานของหลินเซวียนรองบรรณาธิการคนที่สามของแผนก

“อาหู่ชนะแล้ว”

ในห้องทำงานของหลินเซวียนด้านหลังกำแพงกันเสียง จางเฉิงสีหน้าเคร่งขรึม “เหมือนว่าคู่แข่งตัวฉกาจที่จะท้าชิงตำแหน่งหัวหน้าบ.ก.ของเราคือจางหยาง เดิมทีผมคิดว่าสุ่ยจูโหรวคือคู่แข่งคนสำคัญของเราซะอีก”

“ไม่มีคู่แข่ง”

หลินเซวียนกล่าวกลั้วหัวเราะ “เราแค่ทำข้อได้เปรียบของนิทานสั้นให้ดีก็พอแล้วค่ะ นิทานเรื่องใหม่ของฉู่ขวงใกล้เสร็จแล้ว พอถึงตอนนั้นคุณช่วยจองพื้นที่ดีๆ ให้ฉัน หาหน้าว่างให้ผลงานของฉู่ขวง…”

“ติ๊งๆๆๆ ”

จู่ๆ เสียงแจ้งเตือนอีเมลก็ดังขึ้น

หลินเซวียนมองไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์ รอยยิ้มบนใบหน้าเด่นชัดขึ้น “มาเร็วไม่สู้มาถูกจังหวะ เพิ่งพูดถึงผลงานใหม่ของฉู่ขวง ทางหัวหน้าบ.ก.เฉาเต๋อจื้อจากแผนกวรรณกรรมสืบสวนสอบสวนก็ส่งผลงานใหม่ของอาจารย์ฉู่ขวงมาให้พอดี”

“ซูเค่อกับเป้ยถ่า”

จางเฉิงเคยได้ยินหลินเซวียนเอ่ยถึงเรื่องนี้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน