Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 450

สรุปบท ตอนที่ 450 เหน็บหนาว (1): Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

สรุปตอน ตอนที่ 450 เหน็บหนาว (1) – จากเรื่อง Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน โดย Internet

ตอน ตอนที่ 450 เหน็บหนาว (1) ของนิยายการเงินเรื่องดัง Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ตอนที่ 450 เหน็บหนาว (1)

บนเวที

ไม่ว่าจะเป็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของกรรมการตัดสิน หรือเสียงอุทานของผู้ชม ล้วนไม่ได้ส่งผลต่อการแสดงของหลินเยวียน

หลินเยวียนไม่ได้มองและไม่ได้ยิน

หูของเขามีหูฟังอินเอียร์ กำลังดำดิ่งท่ามกลางท่วงทำนอง ผลงานของเขาดีกว่าช่วงฝึกซ้อมด้วยซ้ำไป แม้แต่ความอึดอัดเล็กน้อยยามกล้องจับมา เขาก็ลืมไปจนหมดสิ้น

แสงไฟหรี่ลงอย่างนุ่มนวล

ฉากด้านหลังเวที คือภาพธรรมชาติอันงดงามดุจสรวงสวรรค์

ยอดเขาสูงมากมาย

ม่านหมอกบางเบา

สายธารรินไหล

ท่ามกลางปฏิกิริยาหลากหลายรูปแบบจากผู้ชมด้านล่างเวที หลินเยวียนถือไมโครโฟนอย่างมั่นคง ขับขานท่วงทำนองเข้ากับบทเพลง

เมื่อเสียงผู้หญิงกังวานใสดังขึ้นอีกครั้ง ผู้ชมก็อุทานขึ้นอีกครั้ง ต่อให้การเปลี่ยนของเสียงในท่อนเวิร์สจะทำให้ผู้ชมตระหนักได้ว่าหลานหลิงอ๋องควบคุมเสียงสองแบบได้

นี่คือเสียงเมซโซโซปราโนส่วนแรกของท่อนคอรัส

“ค่ำคืนเหน็บหนาวถวิลหาเพียงแต่เจ้า กลางอ้อมกอดสายน้ำความทรงจำ”

อย่างไรก็ตาม เมื่อมาถึงประโยคต่อมา หลินเยวียนก็เปลี่ยนไปเป็นชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนได้อย่างง่ายดาย เสียงร้องทุ้มต่ำและทรงพลังเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์และความรู้สึกอันลึกซึ้ง

“กาลเวลาเปราะบางรักสลักบนอาภรณ์ กลิ่นขจรใจยังผูกพัน”

ไม่เพียงท่อนเวิร์ส!

ท่อนไคลแม็กซ์ก็ยังร้องสลับชายหญิงเช่นกัน!

ผู้ชมด้านล่างเวทีฟังจนอึ้งไป!

……

ในพื้นที่รอ

ในใจของถงถงเต็มไปด้วยความกังวล เธอกล่าวโทษตนเอง คิดว่าลำดับการขึ้นแสดงซึ่งตนจับสลากได้ส่งผลกระทบต่อการขับร้องของหลานหลิงอ๋อง

ปรากฏว่าชั่วขณะนั้น!

ยามที่เสียงของหลานหลิงอ๋องสลับหญิงชายเป็นครั้งแรกอย่างแยบยล สมองของเธอมึนงงไปชั่วขณะ ราวกับถูกไฟช็อตขึ้นมาฉับพลัน!

ราชาเพลง?

ราชินีเพลง?

เธอลืมไปหมดแล้ว เธอทำได้เพียงอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกกว้าง ยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ตรงนั้น

อึ้ง!

ขณะเดียวกัน

ในห้องรับรองนักร้อง

สายตาของหงส์ขาวจ้องมองหน้าจอบนกำแพง เสียงของเธอแม้ว่าจะผ่านการประมวลผลด้วยเครื่องเปลี่ยนเสียง แต่ก็ไม่อาจซ่อนงำความประหลาดใจไว้ได้

“สุดยอด”

ห้องถัดไป

ในห้องรับรองของหุ่นยนต์

หุ่นยนต์ซึ่งมีบุคลิกค่อนข้างมีชีวิตชีวาลุกขึ้นยืน แทบจินตนาการได้เลยว่าสีหน้าของเขาภายใต้หน้ากากจะเหลือเชื่อเพียงใด “ไม่รู้เพศของคนคนนี้เลย คนคนเดียวร้องเพลงคู่หญิงชายได้ทั้งสองส่วน!”

นักร้องซึ่งอยู่ในห้องรับรองก็เช่นเดียวกัน

“ใครกัน”

“พรสวรรค์เป็นเลิศ”

“อยู่ในวงการเพลงมาตั้งหลายปี ยังไม่เคยเห็นใครเปลี่ยนเสียงชายหญิงได้เป็นธรรมชาติขนาดนี้มาก่อน ร้องส่วนของผู้ชายก็เป็นเสียงผู้ชาย ร้องส่วนของผู้หญิงก็เป็นเสียงผู้หญิง!”

เป็นไปได้อย่างไร

……

ในห้องผู้กำกับหลังเวที

ผู้กำกับถงซูเหวินก็ตกตะลึงเช่นเดียวกัน!

คนอื่นไม่รู้ว่าหลานหลิงอ๋องคือใคร แต่เขากลับรู้อยู่เต็มอก ฉะนั้นผลกระทบที่เขาได้รับตามสัญชาตญาณจึงมีมากที่สุด

นี่คือเซี่ยนอวี๋!

เขาไม่ใช่นักประพันธ์เพลงหรอกหรือ?

ทำไมฝีมือในการร้องเพลงของเขาอยู่ระดับนักร้องมืออาชีพแล้วล่ะ มิหนำซ้ำยังแบ่งร้องเสียงผู้ชายและผู้หญิงในเพลงเดียวกันได้ด้วย!

นี่มันบ้าไปแล้ว!

การตระหนักรู้ในครั้งแรกทำให้ถงซูเหวินประหลาดใจ กล่าวได้เพียงว่าเซี่ยนอวี๋เก่งมาก การตระหนักรู้ในครั้งที่สองกลับทำให้ถงซูเหวินตกใจ นี่ไม่ใช่สิ่งที่รวมอยู่ในขอบเขตของความสามารถแล้ว หากแต่เป็นการแสดงพรสวรรค์อันเป็นเอกลักษณ์แล้ว!

ถอดหน้ากากตั้งแต่ตอนที่หนึ่ง?

ถ้าหลานหลิงอ๋องถอดหน้ากากตั้งแต่ตอนที่หนึ่ง เช่นนั้นคงไม่ต้องรอให้คนอื่นสงสัยหรอก

แม้แต่ผู้กำกับอย่างถงซูเหวินก็ควรสงสัยเช่นกันว่ารายการราชาหน้ากากนักร้องมีเบื้องลึกเบื้องหลัง!

……

……

คณะกรรมการประเมิน

ดาราซึ่งเป็นกรรมการประเมินหลายคนถึงกับหลงลืมหน้าที่สร้างบรรยากาศของตนไปสนิท แน่นอนว่าตอนนี้ไม่จำเป็นต้องสร้างบรรยากาศแล้ว

ตั้งแต่หลานหลินอ๋องเปลี่ยนเสียงเป็นครั้งแรก ก็สร้างประสิทธิผลให้รายการอย่างเต็มเปี่ยม!

“ฮู้ว…”

ต่อให้เป็นอันหงซึ่งรับหน้าที่พิธีกร ก็ยืนสูดลมหายใจเข้าลึกอยู่บนเวที เพื่อปรับอารมณ์ของตนสักครู่

“ขอขอบคุณสำหรับการแสดงของอาจารย์หลานหลิงอ๋อง!”

เสียงของเขาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นอย่างไม่อาจปกปิดได้

“ผมคิดว่าทุกท่านต้องการเวลาสักพักเพื่อปรับอารมณ์ ไม่สู้ผมถามปัญหาที่ทุกท่านสงสัยแทนดีกว่า อาจารย์หลานหลิงอ๋องเป็นเพศอะไร”

“คุณลองเดา”

หลินเยวียนใช้เสียงผู้ชายตอบ แต่เนื่องจากเอฟเฟ็กต์ของเสียงและการขับร้องเมื่อครู่นี้ จึงไม่มีใครมั่นใจในเพศที่แท้จริงของหลานหลิงอ๋อง

อันหงยิ้มอย่างจนใจ

“เดาหรือไม่เดา เห็นทีเราคงต้องให้คณะกรรมการตัดสินทั้งสี่ท่านของเราชี้แนะสักหน่อยแล้ว อาจารย์เหมาเสวี่ยวั่งครับ!”

“…”

เหมาเสวี่ยวั่งไม่ตอบ

อันหงอดไม่ได้เอ่ยเรียกอีกครั้ง “อาจารย์เหมาเสวี่ยวั่ง?”

“ขอโทษครับ…”

เหมาเสวี่ยวั่งได้สติราวตื่นจากฝัน “ผมกำลังขบคิดปัญหาที่คุณถาม หลานหลิงอ๋องเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง คำตอบคือ ผมไม่รู้”

“นักร้องคนหนึ่งร้องได้ทั้งเสียงผู้ชายและผู้หญิง ถึงแม้จะพบเห็นได้น้อย แต่ก็ไม่นับว่าแปลกอะไร”

กรรมการตัดสินหลิ่วซวี่เอ่ยขึ้น

ผู้ชมได้ยินดังนั้นก็ดวงตาเบิกกว้าง

คุณอย่าเสแสร้งไปหน่อยเลย แบบนี้ยังไม่แปลกอีกหรือ?

อย่างไรก็ตามประโยคที่สองของหลิ่วซวี่ กลับทำให้ผู้ชมตระหนักได้ว่าแท้จริงแล้วหลิ่วซวี่คือพันธมิตร

“นักร้องชายหลายคนสามารถใช้ทักษะในการร้องเพลงร้องเสียงผู้หญิงออกมาได้ อันที่จริงนั่นคือฟอลเซตโตอย่างหนึ่ง นักร้องหญิงเองก็เช่นกัน แต่คุณแตกต่างจากนักร้องที่ฉันพูดถึง ไม่ว่าคุณจะร้องเสียงผู้ชายหรือเสียงผู้หญิงก็ล้วนเป็นธรรมชาติ เป็นธรรมชาติถึงขั้นที่ฉันไม่ได้ยินรอยแผลของทักษะนี้เลย บอกได้เพียงว่าทั้งสองเสียงของคุณยอดเยี่ยมมาก ยอดเยี่ยมถึงขั้นที่ฉันสามารถยอมรับในความไม่สมบูรณ์แบบของทักษะการร้องเพลงของคุณ ถึงขั้นที่ยังอยากฟังต่อไป…”

……………………………………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน