Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 466

ตอนที่ 466 ตำราทักษะการร้องเพลง

[ติ๊งต่อง!]

[กล่องสมบัติทองคำเปิดให้คุณแล้ว ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ที่ได้รับตำราทักษะการร้องเพลงลึกลับ หลังจากใช้ตำราทักษะนี้แล้ว จะส่งผลลัพธ์รอบด้านต่อทักษะการร้องเพลงของโฮสต์ นอกจากนั้นยังมาพร้อมกับพรสวรรค์ด้านการใช้เสียงที่สูงมาก โบนัสเพิ่มเติมโฮสต์สามารถสำรวจได้ด้วยตนเอง]

[ติ๊งต่อง!]

[ตำราทักษะถูกเก็บไว้ในกระเป๋าเป้ของโฮสต์แล้ว สามารถหยิบใช้ได้ตลอดเวลา ใช้เวลาสั้นและให้ผลลัพธ์รวดเร็ว ไม่ทราบว่าโฮสต์จะใช้ตำราทักษะในตอนนี้เลยหรือไม่?]

“…”

หัวใจดวงน้อยของหลินเยวียนเต้นระรัว แทบอยากยกกล่องสมบัติทองคำใบนี้ขึ้นมาจูบแรงๆ!

ทักษะการร้องเพลงที่เยี่ยมยอด!

แถมยังมีเสียงสูง!

หลินเยวียนใช้ตำราทักษะโดยไม่ลังเล หลังจากนั้นเขาก็สัมผัสได้ว่าคอของเขาเกิดความรู้สึกโล่งสบาย หลังจากความรู้สึกนี้หายไป หลินเยวียนจึงลองตะโกนออกมา

“อา!”

เสียงสูงมาก

แต่ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก

หลินเยวียนรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา ปกติแล้วนี่เป็นเสียงที่เขาไม่สามารถทำให้สูงได้ แต่จู่ๆ ความจุปอดของเขาก็พลันสูงขึ้นอย่างผิดหูผิดตา เขาอดใจไม่ไหวลองร้องเสียงสูงขึ้น ดังนั้นจึงเพิ่มคีย์ขึ้นทีละน้อย

“อาา!”

“อาา!”

“อ๊าา!”

“อ๊าาา!”

เสียงสุดท้ายคือเสียงซึ่งเลียนเสียงโลมา ซึ่งใครหลายคนเรียกในภาษาดนตรีว่าเสียงหวีด ทว่า ณ ที่นี้ต้องขอแนะนำจุดเด่นของเสียงหวีดสักหน่อย ที่จริงที่นักร้องหลายคนใช้เสียงหวีดได้นั้นเกี่ยวข้องกับพรสวรรค์ด้านเสียง

แต่เสียงหวีดมีระดับที่แตกต่างกัน

ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นเทคนิคพิเศษในการเปล่งเสียงโดยเป่าลมอันทรงพลังผ่านช่องว่างเล็กๆ ระหว่างเส้นเสียงและลำคอ ไม่ได้เป็นเพียงวิธีการร้องเสียงสูงซึ่งมีสีสันและน่าสนใจ ขณะเดียวกันก็เป็นขีดจำกัดในการร้องของมนุษย์ในปัจจุบัน เพราะฉะนั้นจึงมีบางคนที่ร้องไม่ออก บางคนทำได้เพียงเปล่งเสียงหวีด แต่กลับไม่สามารถควบคุมให้ได้ดังใจ เสียงหวีดของหลินเยวียนแข็งแรงมาก ไม่เพียงควบคุมให้ได้ดังใจ ทว่าเนื้อเสียงโดยภาพรวมยังไพเราะ ต่อให้เป็นเจียงขุยผู้ซึ่งหลินเยวียนยอมรับในความสามารถด้านการร้องเสียงหวีด เมื่อเผชิญหน้ากับหลินเยวียนก็เป็นได้เพียงเด็กน้อยเท่านั้น

น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง!

หลังจากนั้นหลินเยวียนจึงเริ่มประยุกต์ใช้มากขึ้น รวมไปถึงสไตล์การร้องซึ่งมีระดับความยากสูงอย่างเบล คานโต[1] หลินเยวียนเริ่มสัมผัสกับสิ่งเหล่านี้ตั้งแต่เขาอยู่มัธยมปลาย ถึงอย่างไรวิชาเอกของเขาคือการขับร้อง ทว่ารู้เทคนิคแต่กลับร้องไม่ได้ เพราะเขาเป็นบาริโทน รวมไปถึงเสียงผู้หญิงที่ระบบมอบให้ยังเป็นเมซโซ-โซปราโน นี่คือช่วงเสียงที่เขาควบคุมได้อย่างเป็นธรรมชาติที่สุด ทว่าในตอนนี้ช่วงเสียงของเขาขยายเพิ่มขึ้นไปอีกเกือบห้าอ็อกเทฟ

เสียงสูงรูปแบบไหนก็ร้องได้!

แถมยังเป็นเสียงที่แท้จริง!

หลายคนร้องเสียงสูงได้ แต่อันที่จริงโน้ตเสียงสูงบางอย่างคือฟอลเซตโตมาต่อยอด นี่คือเทคนิคซึ่งพบเห็นได้บ่อยในการร้องเพลง เมื่อใดที่เค้นและบีบเสียงขณะร้องเสียงสูง เสียงจะโดดออกมาทันที หรือ เสียงจะเปลี่ยนจนฟังดูราวกับขันที ในที่นี้ไม่ได้มีความหมายเชิงลบ แค่อธิบายให้เห็นภาพเท่านั้น

เมื่อก่อนหลินเยวียนพอทำได้

สิ่งที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริงคือการใช้เสียงจริงมาต่อยอด เพราะเสียงจริงคือเสียงซึ่งมีเส้นเสียงเป็นแกนหลัก ควบคุมด้วยอก และการปิดของเส้นเสียงกำลังเหมาะ ให้อารมณ์และความไพเราะที่เต็มเปี่ยม

ความตื่นเต้นในตอนนี้ของหลินเยวียนคงมีเพียงการได้รับทรานสฟอร์เมอร์สมาเท่านั้นที่พอจะเทียบได้ เขาเริ่มสำรวจไฮโน้ตของตนอย่างไม่ลดละอยู่ในห้อง สลับเสียงเทเนอร์และโซปราโนเล่นอย่างหนำใจ

“ฮู้ว…”

เล่นไปเกือบหนึ่งชั่วโมง

ในที่สุดหลินเยวียนก็หยุด เพราะเขาเริ่มรู้สึกแน่นในลำคอขึ้นมา นี่คือสัญญาณซึ่งสมองเตือนเขาให้หยุด ต่อให้มีเสียงสูงก็ไม่สามารถใช้อย่างไม่บันยะบันยังเช่นนี้ได้ ถึงแม้หลินเยวียนจะไม่อยากหยุดก็ตาม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน