Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 465

สรุปบท ตอนที่ 465 เปิดกล่องสมบัติทองคำ: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

อ่านสรุป ตอนที่ 465 เปิดกล่องสมบัติทองคำ จาก Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 465 เปิดกล่องสมบัติทองคำ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายการเงิน Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่ 465 เปิดกล่องสมบัติทองคำ

“ทุกท่าน”

หลังจากเปิดหน้ากากหน้าเวที

ผู้กำกับถงซูเหวินก็ให้สัญญาณหยุดการถ่ายทำ จากนั้นจึงกล่าวว่า “พูดหัวข้อเมื่อกี้ของพวกเราต่อ ที่จริงต่อให้หลูอวี่เหมิงไม่พูดถึง ผมก็คิดว่าจะคุยกับพวกคุณเรื่องระบบการแข่งขันหลังจากนี้…”

หมูน้อยฉีฉีเปิดหน้ากากแล้ว

ถงซูเหวินจึงเผยไต๋ “หลูอวี่เหมิงไม่ได้เดาผิด หลังจากนี้รายการราชาหน้ากากนักร้องจะมีการแข่งขันระบบทีม ในการแข่งขันสองสัปดาห์หลังจากนี้ ถ้าพวกคุณยังไม่ตกรอบ จะถูกตั้งเป็นทีมที่หนึ่งของรายการเรา”

“สองสัปดาห์?”

หงส์ขาวจับประเด็นสำคัญ

ถงซูเหวินพยักหน้า “การคัดเลือกทีมจะผ่านการทดสอบสี่รอบ พวกคุณผ่านการทดสอบมาสองสัปดาห์ติดต่อกันแล้ว อีกสองสัปดาห์ก็จะครบหนึ่งเดือน พอถึงตอนนั้นจะเป็นคิวในการคัดเลือกทีมที่สองแล้ว หลักการคัดเลือกของเราคือทุกทีมมีสมาชิกห้าคน และรับประกันว่าจะมีราชาราชินีเพลง แน่นอนว่าถ้าราชาราชินีเพลงถูกคัดออกไปก่อนก็ปล่อยไป เราจะไม่เพิกเฉยต่อหลักการเพียงเพราะสถานะราชาราชินีเพลง”

“น่าสนใจ”

หุ่นยนต์เอ่ยอย่างยิ้มแย้ม

ถงซูเหวินเอ่ยอย่างสะท้อนใจ “นักร้องที่สมัครเข้ามาในรายการมีเยอะมาก และเรายังไม่ได้ปิดช่องทางการสมัคร ดังนั้นท้ายที่สุดแล้วจะมีทั้งหมดกี่ทีมเรายังไม่มั่นใจ แต่สิ่งที่มั่นใจได้ก็คือ สัปดาห์ถัดไปจะมีนักร้องมาเสริมอีกสองคน ยังคงใช้รูปแบบการแข่งแบบจัดอันดับหกคน คนที่ได้อันดับสุดท้ายตกรอบ อีกห้าคนรอด”

“ไม่มีคนที่ต้องรอ?”

“อื้ม สัปดาห์ที่สามกับสี่จะไม่มีคนที่ต้องรอ แต่สัปดาห์ที่สี่จะเพิ่มการแข่งขันให้กับนักร้องที่จำนวนรอบการแข่งขันค่อนข้างน้อย จะให้นักร้องเสริมผ่านเข้ารอบทันทีเพียงเพราะทำผลงานได้โดดเด่นในรอบเดียวคงไม่ได้ อีกฝ่ายจะต้องผ่านการตัดสินจากคะแนนโหวตด้วยเพลงเสริม…”

ทั้งนี้ก็เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม

นักร้องเสริมเข้ามากลางทาง พวกหลานหลิงอ๋องแข่งมาตั้งหลายรอบ ถ้านักร้องเสริมผ่านเข้ารอบเพราะชนะเพียงรอบเดียวจะไม่ยุติธรรมอย่างแน่นอน ทีมรายการยังคงดำเนินระบบการแข่งขันที่ยึดมั่นในความยุติธรรม…

“…”

ถงซูเหวินอธิบายสถานการณ์ ทุกคนสนทนากันสักพักก่อนที่ต่างคนต่างแยกย้ายกันกลับไป สัปดาห์แรกไม่มีช่วงสนทนา ทว่าหลังจากที่ทุกคนรู้ว่าต่อจากนี้จะมีการแข่งขันในรูปแบบทีม ต่างคนจึงต่างอยากรู้จักกันมากขึ้น เพราะหลังจากนี้ทุกคนอาจกลายเป็นเพื่อนร่วมทีม แต่มีเงื่อนไขคือจะต้องไม่ถูกนักร้องเสริมในสัปดาห์ที่สามและสี่เข้ามาแทนที่ได้

หลินเยวียนไม่ได้ไปบริษัท

แต่ตรงกลับบ้านในทันที

เขาจำเป็นต้องหาเวลาฝึกฝนทักษะในการร้องเพลง ถึงแม้จะแลดูคล้ายกับต้องรีบร้อนเพราะจวนตัว ทว่าทักษะการร้องเพลงที่จำเป็นต้องฝึกฝน ย่อมต้องฝึกฝน ต่อให้พัฒนาได้เพียงเล็กน้อยก็ตามแต่…

“หงส์ขาวแข็งแกร่งมาก”

“หุ่นยนต์ก็แข็งแกร่งเหมือนกัน”

“ต่อให้เป็นนักร้องที่มาเสริมในวันนี้อย่างปลาปักเป้า ลำพังแข่งกันด้านทักษะการร้อง ฉันก็ไม่ใช่คู่แข่งแล้ว แถมอีกฝ่ายยังเป็นนักร้องแถวหน้าที่ถนัดการแข่งขันมาก คู่แข่งแบบนี้ต่อให้เป็นราชาราชินีเพลงก็ต้องระวัง บวกกับนักร้องเสริมที่ระดับฝีมือยังไม่แน่ชัด ทำให้ระดับความยากเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ”

หลินเยวียนรู้อยู่แก่ใจดี

ทักษะการร้องเพลงของตนไม่เพียงพอจริงๆ ต่อให้ตอนนี้ยังมีโอกาสคว้าอันดับหนึ่ง แต่เมื่อระดับความยากของการแข่งขันเพิ่มขึ้น ไม่ช้าก็เร็วเขาคงต้องตกรอบ เพราะราชาราชินีเพลงยังไม่ได้สำแดงฝีมือที่แท้จริงออกมาทั้งหมด

ตนมีไพ่ตาย!

คนอื่นก็มีเหมือนกัน!

สิ่งเดียวที่หลินเยวียนเสียดายก็คือ คลังเพลงของระบบมีเพลงที่สามารถระเบิดเวทีนับไม่ถ้วนแล้วแท้ๆ ถึงขั้นที่มีเพลงระดับปืนใหญ่ด้วยซ้ำ ถ้าปาออกไปสักลูกย่อมสามารถสั่นสะเทือนทั้งเวทีได้อย่างแน่นอน แต่เนื่องจากข้อจำกัดในทักษะความสามารถของเขาเอง จึงมีหลายเพลงที่หลินเยวียนรับมือไม่ไหว ดังนั้นเขาจึงเลือกผลงานที่ใช้ทักษะการร้องไม่สูงนัก ที่เลือกเพลง ‘เด็กชาย’ มีหรือจะไม่ใช่เพราะจนใจเช่นนี้?

ภรรยาที่เฉลียวฉลาดยังทำอาหารไม่ได้หากปราศจากข้าวสาร[1]!

มีเครื่องบิน มีปืนใหญ่ได้ ถ้าจำเป็นต่อให้เป็นระเบิดปรมาณู พ่อเพลงคนนี้ก็สามารถผลิตออกมาได้ แต่ต่อให้หลินเยวียนสร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาได้ เขากลับใช้มันไม่ได้!

พูดไปใครจะเข้าใจ

เมื่อได้ข้อสรุป

หลินเยวียนกำลังจะเข้ามิติเสมือนของระบบเพื่อฝึกร้องเพลง ปรากฏว่าจู่ๆ ก็พลันได้ยินเสียงกระแสไฟฟ้า เสียงจักรกลของระบบดังขึ้น “ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ที่บรรลุเงื่อนไขในการเปิดกล่องสมบัติทองคำ…”

หลินเยวียนตะลึงงัน

แน่นอนว่าเขาไม่ได้ลืมว่าตนยังมีกล่องสมบัติทองคำอยู่หนึ่งใบ แต่กล่องสมบัติทองคำไม่สามารถเปิดเองได้ จำเป็นต้องบรรลุเงื่อนไขบางประการจึงจะได้ แต่ระบบเจ้ากรรมดันไม่ยอมบอกหลินเยวียนว่ากล่องนี้ต้องใช้เงื่อนไขอะไร

“หัวใจในการแข่งขัน!”

ระบบคล้ายว่าจะเดาความคิดของหลินเยวียนออก จึงอธิบายว่า “นี่เป็นเพราะโฮสต์ปรารถนาชัยชนะ ดนตรีอาจไม่มีแบ่งแยกสูงต่ำ แต่การแข่งขันถูกลิขิตมาให้มีการแพ้ชนะ ความรักและการแสวงหาที่โฮสต์มีต่อดนตรี ก็คือเงื่อนไขในการเปิดกล่องสมบัติทองคำใบที่สอง ไม่ทราบว่าโฮสต์จะเปิดตอนนี้เลยหรือไม่?”

“เปิดเลย!”

หลินเยวียนตอบโดยไม่ลังเล!

ครั้งนี้คือสายฝนที่ตกทันการณ์ เงื่อนไขเกี่ยวข้องกับดนตรี เพราะฉะนั้นรางวัลในกล่องสมบัติทองคำจะต้องเกี่ยวข้องกับดนตรีเช่นกัน ตอนนี้หลินเยวียนต้องการไพ่ตายมากกว่าเดิม!

ใช่แล้ว!

ต่อให้รู้แต่แรกว่าเพลงเด็กชายคงคว้าอันดับหนึ่งไม่ได้ แต่อันดับสามที่ได้มาในท้ายที่สุดกลับทำให้หลินเยวียนเศร้าใจเล็กน้อย ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจความรู้สึกของเฟ่ยหยางและเฉินจื้ออวี่ขึ้นมา

“วาบ!”

เบื้องหน้าของหลินเยวียนมีแสงสีทองสว่างวาบ จากนั้นเสียงลมหายใจของใครบางคนถี่กระชั้นขึ้น รางวัลในกล่องสมบัติทองคำใบที่สองปรากฏขึ้นแล้ว…

………………………………………………….

[1] ภรรยาที่เฉลียวฉลาดยังทำอาหารไม่ได้หากปราศจากข้าวสาร เปรียบเปรยว่า ถ้าหากปราศจากเงื่อนไขที่จำเป็น ต่อให้เป็นคนที่เก่งกาจที่สุดก็ยังไม่สามารถทำสำเร็จ

———————————-

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน