Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 473

สรุปบท ตอนที่ 473 กลับสู่อันดับหนึ่ง: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

อ่านสรุป ตอนที่ 473 กลับสู่อันดับหนึ่ง จาก Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 473 กลับสู่อันดับหนึ่ง คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายการเงิน Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่ 473 กลับสู่อันดับหนึ่ง

การแข่งขันยังคงดำเนินต่อไป และเหลิ่งเฉวียนเป็นเพียงฉากเล็กๆ ในรายการราชาหน้ากากนักร้อง หลังจากหลานหลิงอ๋องโค้งคำนับและเดินลงจากเวที เรื่องสนุกนี้ก็จบลงชั่วคราว…

“อาจารย์หลานหลิงอ๋อง!”

ใบหน้าของถงถงเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น แววตาของหญิงสาวซึ่งมองหลินเยวียนในตอนนี้เต็มไปด้วยความชื่นชม เธอนึกไม่ถึงว่าภายใต้ความกดดันจากการประเดิมเวทีและเสียงวิจารณ์จากโลกภายนอก หลานหลิงอ๋องจะถึงกับระเบิดพลังได้เต็มที่!

“กลับกันเถอะ”

มุมปากภายใต้หน้ากากของหลินเยวียนยกขึ้น เขารู้สึกว่าตนอ่อนไหวขึ้นมากกว่าปกติ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะก่อนบันทึกเทปรายการได้รับแรงสนับสนุนจากแฟนคลับซึ่งอุตส่าห์มารอถึงหน้าประตู หรือเพราะความเป็นห่วงเป็นใยจากผู้คนรอบตัว

กลับมายังห้องรับรอง

นักร้องคนที่สองที่ขึ้นเวทีใช้ชื่อว่าหน้ากากสิงโต เพลงที่เลือกใช้นั้นเป็นเพลงซึ่งใช้เสียงสูงทรงพลัง อย่างไรก็สูงกว่าหลานหลิงอ๋องหลายคีย์ ปรากฏว่าหลังจากร้องจบ เสียงตอบรับในห้องส่งไม่ดีนัก เมื่อเปรียบเทียบกับหลานหลิงอ๋องซึ่งขึ้นแสดงเมื่อครู่ ย่อมให้ความรู้สึกว่าเป็นรองกว่า

สิงโตตัวนี้

ไม่ดุร้ายพอ

หยางจงหมิงซึ่งเป็นคณะกรรมการประเมินให้ความเห็นว่า “จุดแข็งของคุณที่พบเห็นได้ยากคือคุณกำจัดการแทรกแซงจากเวทีของหลานหลิงอ๋อง และถ่ายทอดพลังของตนเองออกมาได้อย่างเต็มที่ แต่จุดที่น่าเสียดายอยู่ที่ผู้ชมยังไม่ทันได้ลืมเวทีก่อนหน้า…”

สิงโตก็จนปัญญา

ในฐานะนักร้องเสริม ได้ขึ้นเวทีเป็นลำดับที่สองก็อเนจอนาถมากพอแล้ว แถมยังต้องมาแบกรับแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวจากหลานหลิงอ๋องอีก ถ้าเขาทำการแสดงออกมาได้ในระดับเดียวกันก็ว่าไปอย่าง แต่เรื่องแบบนี้ทำง่ายเหมือนพูดซะที่ไหน?

การแข่งขันดำเนินต่อไป

นักร้องลำดับที่สามคือหุ่นยนต์ เมื่อมีสิงโตมาคั่นกลาง หุ่นยนต์จึงไม่ได้รับอิทธิพลจากหลานหลิงอ๋องมากนัก สามารถใช้เสียงสูงสั่นสะเทือนทั้งห้องส่งได้อย่างง่ายดายเช่นเดียวกับเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สำแดงพลังออกมาได้ในระดับเดียวกับหลานหลิงอ๋อง

คนที่สี่

นักร้องเสริมหน้ากากดอกกุหลาบขึ้นเวที ปรากฏว่าทันทีที่ดอกกุหลาบเปล่งเสียงร้อง ทุกคนก็พบว่าผู้เข้าแข่งขันคนนี้ก็ร้องเสียงสูงเช่นเดียวกัน หากกล่าวว่าสัปดาห์ที่แล้วคือเวทีแสดงเปียโน วันนี้ก็คือเวทีประชันเสียงสูง

คนที่ห้า

หงส์ขาว

เสียงสูงอีกครั้ง!

ผู้ชมฟังเสียงสูงมาครั้งแล้วครั้งเล่า จนรู้สึกว่าอารมณ์เริ่มชินชา เมื่อปลาปักเป้านักร้องคนที่หกขึ้นเวที ความคิดแรกที่เกิดขึ้นในสมองของทุกคนก็คือ…

เสียงสูงมาอีกแล้ว!

ทว่าสิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายของทุกคนก็คือ ปลาปักเป้าซึ่งขึ้นเวทีครั้งแรกก็คว้าอันดับที่สองมาครอง ถึงกับเลือกร้องเสียงสูงต่อไปในการแข่งขันสัปดาห์นี้ และเพลงที่นำมาขับร้องให้ทุกคนฟังก็คือเพลงปลายักษ์!

เพลงที่หงส์ขาวร้องในสัปดาห์แรก!

ถึงแม้ว่าคีย์ของเพลงปลายักษ์จะไม่ต่ำ แต่ก็ต่างจากบทเพลงซึ่งใช้เพียงเสียงสูง ผู้ชมจึงรู้สึกว่าเพลงนี้ฟังสบายหู ทั้งยังช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดจากการถูกเสียงสูงกระตุ้นได้พอดี

“เก่งมาก”

หงส์ขาวเอ่ยชื่นชม

ผู้ช่วยซึ่งอยู่ด้านข้างคิดว่าหงส์ขาวกำลังชื่นชมว่าปลาปักเป้าร้องเพลงได้ดี ใครจะคิดว่าหลังจากนั้นหงส์ขาวจะพูดว่า “ปลาปักเป้ามีประสบการณ์ในการแข่งขันสูง หลังจากที่ผู้ชมฟังเพลงเสียงสูงมามากแล้ว สิ่งที่ต้องการมากที่สุดในตอนนี้คือเพลงที่ไม่น่าเบื่อ เหมือนกับเวลากินเนื้อมากเกินไป ก็จะอยากกินผักกับเต้าหู้มากเป็นพิเศษ ในการแข่งขันสด การเลือกเพลงก็เป็นศาสตร์อย่างหนึ่ง ต้องใช้กลยุทธ์ของนักร้องสูงทีเดียว”

ห้องถัดไป

หุ่นยนต์ก็ผุดรอยยิ้มเช่นกัน “ปลาปักเป้าคนนี้ไหวพริบดีมาก ทำไมสัปดาห์นี้ร้องเสียงสูงกันหมด ไม่ใช่เพราะในสัปดาห์ก่อนเธอร้องเสียงสูงแล้วได้ที่สองหรอกเหรอ ปรากฏว่าในสัปดาห์ที่สามทุกคนเลยเทมาร้องเสียงสูงตามเธอ แต่เธอกลับใช้เพลงที่ค่อนข้างสงบมาแสดง รับมือความโหยหาของผู้ชมได้…”

และในห้องถัดไป

แม้แต่หลินเยวียนยังพยักหน้าเบาๆ “เพลงปลายักษ์เวอร์ชันนี้ของปลาปักเป้าถึงจะร้องได้ไม่ดีเท่าเจียงขุยกับหงส์ขาว แต่สำหรับผู้ชมที่ฟังเป็นครั้งแรก นับว่าให้รสชาติที่แตกต่าง บวกกับในสัปดาห์นี้มีเสียงสูงหลายครั้ง เธอไม่ใช้เสียงสูงถือเป็นวิธีที่ฉลาดที่สุด”

ถงถงจนคำพูด

สมแล้วที่เป็นคุณ

พูดออกมาหน้าตาเฉยว่าปลาปักเป้าสู้หงส์ขาวกับเจียงขุยไม่ได้ ไม่มีใครตรงไปตรงมากว่าคุณพี่แล้ว ทว่าตอนนี้ถงถงก็ขี้เกียจเกินกว่าจะหยุดยั้งคำพูดซึ่งชวนให้ผู้คนอ้าปากค้างของหลานหลิงอ๋อง

ฉันเหนื่อยแล้ว

เชิญตามสบาย

ถึงอย่างไรการแสดงในสัปดาห์แรกของหลานหลิงอ๋องก็ยอดเยี่ยมพอปิดปากใครหลายคน ส่วนการกลายเป็นประเด็นถกเถียงก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสมอไป เพราะกลายเป็นประเด็นถึงได้โด่งดังไม่ใช่หรือ อย่างไรเสียขอแค่ไม่ได้มีคำพูดเชิงลบเพียงอย่างเดียวก็พอแล้ว

การแข่งขันจบลง

นักร้องทุกคนรวมตัวในห้องหนึ่งด้านหลังเวที รวมไปถึงนักร้องเสริมในสัปดาห์นี้ สายตาของทุกคนแทบเบนไปหยุดรวมกันที่หลานหลิงอ๋องโดยไม่ได้นัดหมาย

ผู้เข้าแข่งขันหกคน

ใช้เสียงสูงไปแล้วสี่คน

มีเพียงปลาปักเป้าและหลานหลิงอ๋องที่ไม่ได้ใช้เสียงสูง เสียงของหลานหลิงอ๋องใช้จุดตันเถียนร้องออกมาได้ดี เพราะฉะนั้นพลังในการขับร้องจึงมากเพียงพอ นี่คือแนวคิดที่แตกต่างจากเสียงสูงอย่างสิ้นเชิง ไม่ใช่ยิ่งตะโกนมากเท่าไร เสียงจะยิ่งสูงมากเท่านั้น

“พลาดแล้ว”

หุ่นยนต์เอ่ยลั่นทันทีที่เดินเข้าประตูมา และมีแนวโน้มที่จะพูดจาเรื่อยเปื่อย “พวกเราเลือกเพลงที่ใช้เสียงสูง ผู้ชมฟังเยอะจนหูชา เพราะงั้นรอบนี้กลับเป็นเพลงอย่างปลายักษ์ที่มีโอกาสมากกว่า”

“ใช่!”

“พลาดแล้ว!”

นักร้องเสริมอีกสองคนเอ่ยขึ้น ในคำพูดระคนความรู้สึกจนใจ พวกเขาคิดว่าถ้าหากใช้เสียงสูงแล้วผู้คนจะตกตะลึง ปรากฏว่าต่างคนต่างใช้เสียงสูง แถมสูงกว่าคนก่อนหน้า แต่ต่อให้เสียงสูงแค่ไหน เมื่อมาเผชิญหน้ากับ ‘ผืนน้ำเย้ยเยาะ[1]’ แล้วคล้ายกับหมดความน่าสนใจไปทันที

คนเขาฟาดดาบหนักอย่างแยบยล!

อวดฝีมือขั้นเทพ!

ปลาปักเป้าคลี่ยิ้มบาง เธอเดาออกว่าในสัปดาห์นี้จะมีเพลงเสียงสูงปรากฏขึ้น เพราะเห็นได้ชัดว่าหุ่นยนต์และหงส์ขาวล้วนเป็นนักร้องที่ค่อนข้างสันทัดการร้องเสียงสูง ดังนั้นเธอจึงเลือกเดินสวนทาง เลือกเพลงบัลลาดอย่างเพลงปลายักษ์ แน่นอนว่าที่เธอเลือกเพลงนี้ยังมีอีกเหตุผลหนึ่งซึ่งไม่มีใครรู้

เธออยากพิสูจน์บางอย่าง!

ตกรอบตั้งแต่ครั้งแรกในรายการราชาหน้ากากนักร้อง สำหรับผู้เข้าแข่งขันแล้วนับว่าเป็นเรื่องที่กระอักกระอ่วนทีเดียว ทว่าในเมื่อสู้คนอื่นไม่ได้ ย่อมต้องถอดหน้ากากแต่โดยดี ทุกคนต่างสงสัยว่าหน้ากากสิงโตคือใคร ปรากฏว่าหลังจากถอดหน้ากากจึงพบว่า เขาคือมู่สือนักร้องแถวหน้าซึ่งมีชื่อเสียงคนหนึ่ง

สือ-ซือ[2] ออกเสียงคล้ายกัน

เมื่อพิธีกรถามมู่สือว่ามีอะไรอยากพูดเป็นครั้งสุดท้ายไหม มู่สือยังคงทำตามธรรมเนียมของรายการ ร้องเพลงออกมาทันที “ค่ำคืนเหน็บหนาวถวิลหาเพียงแต่เจ้า…”

ทั้งห้องส่งหัวเราะลั่น

เหน็บหนาวอีกคนแล้ว

ผู้ชมอดรู้สึกสะท้อนใจไม่ได้ คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะเป็นมู่สือ ดอกกุหลาบเอ่ยชื่นชมว่ามู่สือร้องเพลงได้ดี ทว่าในตอนนั้นเอง จู่ๆ หลานหลิงอ๋องก็ส่ายหน้า

“อาจารย์หลานหลิงอ๋องคะ!”

ถงถงยังทนไม่ไหว

เธอคิดว่าถ้าเธอไม่ห้าม น่ากลัวว่าหลานหลิงอ๋องจะเอ่ยคำพูดล่วงเกินผู้อื่นอีก แต่ถึงกระนั้นถงซูเหวินก็ดูเหมือนกำลังพยายามยุแยงตะแคงรั่ว “อาจารย์หลานหลิงอ๋องมีอะไรจะพูดครับ”

“…”

หลินเยวียนมองไปยังถงถง จากนั้นจึงมองไปยังถงซูเหวิน แต่ยังเอ่ยออกมาอย่างอดไม่ได้ “งั้นขอพูดสักนิดแล้วกัน เสียงสูงของอาจารย์มู่สือมีพลังมาก แต่หายใจบ่อยครั้งเกินไป เพลงนี้ไม่เหมาะกับเขา”

ถงถงกลอกตา

หุ่นยนต์เดาะลิ้น

หงส์ขาวยิ้มบาง

ปลาปักเป้าเงียบ

ดอกกุหลาบตกประหม่า

บรรดาผู้จัดการต่างแสร้งว่าตนไม่มีตัวตน หลานหลิงอ๋องคนนี้ยังคงเป็นหลานหลิงอ๋องคนเดิมที่ยังพูดจาตรงไปตรงมา แม้ว่าปากของเขาจะนำพาความวุ่นวายมาให้ไม่น้อยก็ตาม ก่อนหน้านี้ก็แฟนคลับของหยวนซี จากนั้นก็แฟนคลับของจ้าวอิ๋งเก้อ ตอนนี้มีแฟนคลับของมู่สือเพิ่มขึ้นมาอีก คุณคิดว่าตัวเองจะไม่ต้องถอดหน้ากากไปตลอดกาลหรือไง…

มีหนี้มากขนาดนี้ไม่กลัวต้องชดใช้?

มีเหาเพิ่มขึ้นแล้วไม่รู้สึกคัน?

ถงซูเหวินหัวเราะลั่น ให้ห้องนี้มีเขาเพียงคนเดียวที่รู้ตัวตนที่แท้จริงของหลานหลิงอ๋อง ดังนั้นเขาจึงรู้ว่า ไม่ว่าตอนนี้หลานหลิงอ๋องจะล่วงเกินไปกี่คน เมื่อถึงเวลาถอดหน้ากาก ปัญหาทุกอย่างจะหมดไป!

ราชาหน้ากากนักร้อง!

มี ‘ราชา’ ซ่อนอยู่ในนี้จริงๆ…

………………………………………………….

[1] ผืนน้ำเย้ยเยาะ หรือมักรู้จักกันในชื่อว่า ‘ยิ้มเย้ยยุทธจักร’ บทเพลงประกอบภาพยนตร์จีนกำลังภายในเรื่องเดชคัมภีร์เทวดา โดยบทเพลงนี้มีฉบับภาษากวางตุ้งและภาษาจีนกลาง

[2] ซือ มาจากคำว่า ‘ซือจื่อ’ ซึ่งหมายถึงสิงโต

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน