ตอนที่ 48 ชานม
หลินเยวียนเองก็รู้เรื่องที่ปรินซ์ออฟเทนนิสดังเป็นพลุแตกแล้ว เพราะช่วงนี้เจี่ยนอี้กับซย่าฝานก็มักพูดคุยกันถึงหนังสือเล่มนี้
โดยเฉพาะเจี่ยนอี้
เขาพูดคุยกับซย่าฝานเกี่ยวกับนิยาย และยังไม่ลืมที่จะกระทบกระเทียบหลินเยวียน “ในตอนนี้นายรู้ถึงความยากของซูเปอร์โนวาแล้วใช่มั้ย หลังจากนี้ก็ตั้งใจทำงานนะ ไม่ต้องคิดจะเขียนนิยายหาเงินอีก นอกจากว่านายจะเป็นแบบฉู่ขวง เขียนนิยายสนุกๆ เหมือนปรินซ์ออฟเทนนิสออกมาแบบนี้”
คล้ายกับว่าเจี่ยนอี้กับซย่าฝานทึกทักไปแล้วว่าหลินเยวียนไม่ประสบความสำเร็จในซูเปอร์โนวา
ถึงอย่างไรหลินเยวียนก็ไม่เคยบอกว่า ‘ฉู่ขวง’ คนนั้นคือตนเอง
นอกจากเจี่ยนอี้กับซย่าฝานแล้ว บรรณาธิการหยางเฟิงก็จะรายงานผลงานของปรินซ์ออฟเทนนิสกับหลินเยวียนเป็นกิจวัตร ทั้งยังเคยคุยกับหลินเยวียนอย่างจริงจังแล้วว่าจะขยายโครงเรื่องของนิยายเรื่องนี้ได้ไหม
“ไม่ได้ครับ”
หลินเยวียนปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย
หยางเฟิงยังคงไม่ย่อท้อ ยังคงจ้อเกี่ยวกับข้อดีของการเพิ่มจำนวนตัวอักษรมากองหนึ่ง “ผลงานของปรินซ์ออฟเทนนิสดีมาก หนึ่งล้านตัวอักษรน้อยเกินไป ถ้าจบเร็วละก็น่าเสียดายไปหน่อย…”
“ทำไม่ได้ครับ”
หลินเยวียนปฏิเสธอีกรอบ
แน่นอนว่าเขารู้หลักการที่ว่าจำนวนตัวอักษรยิ่งมากก็ยิ่งได้เงินเยอะ และเห็นด้วยกับมุมมองหยางเฟิง แต่ปรินซ์ออฟเทนนิสที่ระบบให้มานั้นมีแค่หนึ่งล้านตัวอักษร
ถ้าจะใช้คำอธิบายของระบบก็คือ
‘หนึ่งล้านตัวอักษรกำลังพอดี เขียนต่อไปก็มีแต่น้ำแล้ว’
หยางเฟิงบังคับขู่เข็ญฉู่ขวงไม่ได้ ด้วยความโด่งดังของปรินซ์ออฟเทนนิส ฉู่ขวงก็ไม่ใช่นักเขียนนิยายหน้าใหม่ทั่วไปแล้ว
ดังนั้นเมื่อฉู่ขวงปฏิเสธ หยางเฟิงทำได้แค่พรูลมหายใจยาว กล่าวว่า “งั้นก็ได้”
ในสายตาของหยางเฟิง ฉู่ขวงเอาแต่ใจมาก!
นิยายดังขนาดนี้ บอกว่าเขียนหนึ่งล้านตัวอักษรก็หนึ่งล้านตัวอักษร ไม่ยอมขยายเนื้อเรื่องด้วย ถึงแม้ตนจะวิเคราะห์ออกมาเสียละเอียดยิบย่อย เขาในฐานะหน้าใหม่ก็ไม่เข้าใจแม้แต่น้อยว่าการออกหนังสือเรื่องหนึ่งแล้วดังเปรี้ยงได้นั้นยากเย็นขนาดไหน
และในวิทยาลัยยามนี้
หลินเยวียนกำลังอ่านการแจ้งเตือนล่าสุดที่ระบบส่งมา ภารกิจค่าความโด่งดังด้านวรรณกรรมทะลุหมื่น ในที่สุดวันนี้ก็ทำสำเร็จแล้ว
[สำเร็จที่ภารกิจ: พัฒนารอบด้าน]
[เนื้อหาภารกิจ: ค่าความโด่งดังด้านวรรณกรรมทะลุหมื่น]
[รางวัลภารกิจ: กล่องสมบัติทองแดงสามใบ]
หลินเยวียนครุ่นคิดเอ่ยว่า “เปิดกล่องสมบัติทองแดงหนึ่งใบ”
ลองดูว่ามือขึ้นไหมก่อนแล้วกัน
กล่องสมบัติทองแดงใบแรกเปิดออก ระบบใช้ตัวอักษรแจ้งเตือนสีฟ้าอ่อน [ยินดีด้วยคุณได้รับบทเพลง ‘ลูกโป่ง’]
เพลงลูกโป่งของสวี่เจ๋อเพ่ย[1]?
สิ่งที่เปิดได้ไม่เรียกว่าดีและไม่เรียกว่าแย่ พูดง่ายๆ ก็คือโชคของเขาปานกลาง ดังนั้นหลินเยวียนจึงตัดสินใจว่าจะเก็บกล่องสมบัติทองแดงที่เหลืออีกสองใบไว้ในคลังไอเทมก่อน รอให้วันไหนรู้สึกว่ามือขึ้นก่อนแล้วค่อยเปิด
ตอนนี้เขาจะออกไปกินข้าวแล้ว
คนที่นัดเขาในวันนี้คือเจียงขุย
ก่อนหน้านี้เจียงขุยเดินสายโปรโมตมังกรมัจฉาเริงระบำที่ฉีโจวมาตลอด ช่วงนี้เพิ่งจะได้กลับมาฉินโจว
เป็นเพราะเพลงของเซี่ยนอวี๋ที่ทำให้เด็กใหม่ไร้ตัวตนอย่างเธอได้เดบิวต์เป็นนักร้องที่พอจะมีชื่อเสียงอยู่บ้าง ฉะนั้นสิ่งแรกที่จะทำหลังจากกลับมาก็คือเลี้ยงอาหารเซี่ยนอวี๋เพื่อขอบคุณอย่างเป็นทางการสักครั้ง
หลินเยวียนไม่ได้ปฏิเสธเจียงขุย ก็เหมือนกับที่ไม่ปฏิเสธซุนเย่าหั่วนั่นละ
เขาชอบให้มีคนเลี้ยงข้าว
เพียงแต่ร้านอาหารที่นัด หลินเยวียนเพิ่งค้นพบว่าร้านนี้เป็นร้านเดียวกับที่เขามากินข้าวกับซุนเย่าหั่วครั้งก่อน
“อาจารย์เซี่ยนอวี๋”
เจียงขุยเป็นเด็กสาวหน้าตาสวยสะคราญ วันนี้ก่อนออกมายังตั้งใจแต่งหน้าแต่งตาเป็นพิเศษ เพียงแต่รูปร่างเล็กอยู่สักหน่อย เวลาพูดคุยกับคนที่สูงร้อยแปดสิบอย่างหลินเยวียนแล้วต้องแหงนหน้าขึ้นโดยอัตโนมัติ
หลินเยวียนตอบ “เรียกผมว่าหลินเยวียนก็ได้”
เจียงขุยยิ้มเอ่ย “งั้นฉันเรียกว่าอาจารย์หลินเยวียนแล้วกันค่ะ”
หลินเยวียนไม่ได้ท้วงติงอีก แต่กลับเลือกโต๊ะลงนั่ง ผลคือก้นยังนั่งไม่ทันร้อน อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงดังขึ้นมาอย่างประหลาดใจ “รุ่นน้อง?”
หลินเยวียนหันหน้าไป ก็พบว่าผู้พูดก็คือซุนเย่าหั่ว ข้างกายของเขามีหญิงสาวแต่งหน้าจัดคนหนึ่งตามมา
“เธอกลับไปก่อน”
ซุนเย่าหั่วบอกกับหญิงสาว
หญิงสาวไม่สบอารมณ์ กระทืบเท้าด้วยสีหน้าบึ้งบูด น่าเสียดายที่ซุนเย่าหั่วไม่ได้ใส่ใจ
อีกฝ่ายทำได้เพียงเดินออกไป
ซุนเย่าหั่วหย่อนก้นลงนั่งด้านขวาของหลินเยวียน สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความกระตือรือร้น “ในเมื่อเจอกันแล้ว งั้นมื้อนี้ฉันเลี้ยงข้าวนายเอง!”
“ซุนเย่าหั่ว วันนี้ฉันจะเลี้ยงข้าวอาจารย์หลินยวียน”
ก่อนหน้านี้เจียงขุยและซุนเย่าหั่วเป็นศิลปินหน้าใหม่ของสตาร์ไลท์ ต่างคนต่างรู้จักกัน ท่าทางปกติแล้วความสัมพันธ์จะไม่ได้แย่
แต่ในวันนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน