ตอนที่ 482 ตัดเสบียง
เป็นความย้อนแย้งอย่างบอกไม่ถูก
ด้วยความช่วยเหลือจากระบบ ในปีนี้หลินเยวียนจึงมีสุขภาพแข็งแรงมาก
ขณะที่ปัวโรต์ซึ่งถือกำเนิดขึ้นจากปลายปากกาของเขา ยอดนักสืบผู้น่ารักซึ่งมีเซลล์สมองสีเทาและหนวดสองแฉกเพิ่มความหยิ่งทะนง ในขณะนี้กลับแก่ชราลง
ยามที่ปัวโรต์เริ่มเรียกลมเรียกฝนในวงการนักสืบ…
ยามที่ปัวโรค์ค่อยๆ กลายเป็นตำนานในใจนักอ่านวรรณกรรมสืบสวนสอบสวน…
ยามที่ปัวโรต์ใช้สติปัญญาของเขาลงโทษคนร้ายครั้งแล้วครั้งเล่า
ใครเล่าจะจินตนาการได้ว่า!
บุรุษที่หยิ่งผยองเช่นนี้ เมื่อแก่ตัวลงจะเป็นอย่างไร
ใครเล่าจะจินตนาการได้ว่า!
ปัวโรต์จะยอมรับความตายในคดีสุดท้ายในชีวิตของเขาได้ไหม…
ดังนั้นหลินเยวียนจึงสงสัย
เขาถึงขั้นนึกอยากเปลี่ยนแปลงตอนจบโดยพลการ เพื่อให้ปัวโรต์ปลดเกษียณอย่างเป็นทางการ และมอบความสุขในวัยชราให้เขา!
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะการฟื้นฟูของร่างกายหรือเพราะผลกระทบอย่างอื่น
หลินเยวียนรู้สึกว่าตนนับวันยิ่งอ่อนไหวขึ้นเรื่อยๆ
ทันใดนั้นเขาก็ถอนหายใจอย่างแผ่วเบา ราวกับว่าการถอนหายใจจะทำให้เขาผ่อนคลาย
แววตาเป็นประกายวาบ
ท้ายที่สุดหลินเยวียนกลับล้มเลิกความคิดตามอำเภอใจนี้ไป
ไม่รู้ว่าขณะที่อกาธา คริสตีเขียนเรื่องผ้าม่าน เธอเกิดความขัดแย้งในใจหรือเปล่า
แต่ในแง่หนึ่ง แทนที่จะปล่อยให้ผู้อ่านจินตนาการว่าวัยชราของปัวโรต์จะเป็นอย่างไร บางทีความตายถึงจะเป็นความโล่งใจมากกว่า
คนเรามักจะจงใจหลีกเลี่ยงความจริงบางอย่างเสมอ…
ตัวอย่างเช่น ความจริงว่าคนเราต้องตาย
อันที่จริง เกิดมาเป็นคนมีแต่จะต้องตาย
ต่อให้ปัวโรต์จะเป็น ‘เทพเจ้า’ ในใจของแฟนวรรณกรรมสืบสวนสอบสวนหลายคน แต่เขาก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
ถึงแม้การตายของเขาจะไม่ใช่การเกิดแก่เจ็บตายทั่วไป
“ฮู้ว”
หลินเยวียนพรูลมหายใจยาว
เขาไม่ลังเลอีกต่อไป เริ่มใช้ความเร็วสูงพิมพ์ลงบนคีย์บอร์ด [ไม่ว่าใครเมื่อได้สัมผัสความรู้สึกเดิมๆ ในวันวานหรืออารมณ์ที่ละม้ายคล้ายคลึงกับในอดีต จะไม่คิดว่าหลงอยู่ในความฝันหรอกหรือ?]
ปัวโรต์เชิญเฮสติงส์กลับไปยังคฤหาสน์ซึ่งพวกเขาร่วมสืบคดีกันเป็นครั้งแรก
คฤหาสน์ได้รับการดัดแปลงเป็นโรงแรมหรู
สิ่งที่ทำให้เฮสติงส์ตกใจคือ ปัวโรต์แก่ชราและอ่อนแอลง
เขาทำได้เพียงนั่งอยู่บนรถเข็น ทั้งยังไล่จอร์จซึ่งคอยรับใช้เขามาอย่างยาวนานออกไป…
แกร็กๆๆๆ
เสียงเคาะคีย์บอร์ดหยุดลงในเวลาสิบเอ็ดโมงสามสิบสองนาที
หลินเยวียนจ้องมองต้นฉบับ ในที่สุดก็พิมพ์ว่า ‘จบบริบูรณ์’
ขณะที่กำลังจะปิดแล็ปท็อป การเคลื่อนไหวของหลินเยวียนก็ชะงัก
หลังจากปัวโรต์ เขาควรเขียนเรื่องราวของเชอร์ล็อก โฮล์มส์ต่อ…
น่าจะไม่มีความเชื่อมโยงกันระหว่างตัวละครทั้งสองนี้ เพราะนักเขียนเป็นคนละคนกัน
แต่บนบลูสตาร์ ผลงานทั้งสองชิ้นนี้ควรมาจากปลายปากกาของฉู่ขวง
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมไม่ให้บุคคลที่โดดเด่นที่สุดในประวัติศาสตร์วงการนักสืบ เกิดความเชื่อมโยงกันล่ะ?
ความเชื่อมโยงนี้อาจเบาบางมากก็ได้
แต่ทั้งสองคนควรมีจุดตัดกันในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง
เรื่องนี้นับว่าเป็นทีเซอร์กลายๆ ของหนังสือเรื่องใหม่
ผู้ชมจะเข้าใจเอง
ว่าหลังจากปัวโรต์ยังมีสุภาพบุรุษอีกคนหนึ่ง ซึ่งจะประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่นในสายอาชีพนี้ไม่แพ้กัน
“แบบนี้ก็แล้วกัน…”
หลินเยวียนแตะลงบนคีย์บอร์ดและพิมพ์ลงไป
นั่นคือในงานศพของปัวโรต์
หลังจากที่เฮสติงส์วางดอกไม้และโค้งคำนับ ขณะที่กำลังจะออกไป เขาก็พบชายลึกลับคนหนึ่งสวมหมวกทรงกลมกำลังพยักหน้าให้กับป้ายหลุมศพของปัวโรต์
……
วันรุ่งขึ้น
หลินเยวียนส่งนิยายชุดรหัสคดีของปัวโรต์ซึ่งเขียนเสร็จแล้วให้กับจินมู่
“เขียนเสร็จแล้ว?”
จินมู่รู้ว่าระยะนี้หลินเยวียนวางแผนจะเขียนนิยายชุดรหัสคดีของปัวโรต์ให้จบ
แต่เมื่อได้รับต้นฉบับมามากมายเช่นนี้ สีหน้าของเขายังคงตื่นตกใจพอสมควร “ช่วงนี้คุณเขียนไปกี่ตัวอักษรครับเนี่ย”
“ไม่รู้ครับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน