Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 491

ตอนที่ 491 เรื่องพื้นฐาน (1)

“พวกคุณรับไปคนละชุด”

ในที่สุดผลงานใหม่ของฉู่ขวงก็ส่งมาแล้ว

เดิมทีเฉาเต๋อจื้ออยากกลับไปนั่งอ่านที่ห้องทำงานเพียงลำพัง

แต่เมื่อตกเป็นจุดสนใจของเหล่าบรรณาธิการในแผนกแล้ว เขาจึงทำได้เพียงให้ผู้ช่วยพิมพ์แจกทุกคน

ทุกคนมาอ่านด้วยกัน

ส่วนเขากลับไปนั่งยังห้องทำงาน

และพิมพ์ต้นฉบับออกมาเช่นกัน

เฉาเต๋อจื้อดื่มชาที่ผู้ช่วยชงให้ พลางอ่านหนังสือเรื่องใหม่ของฉู่ขวง

ถึงแม้ในใจจะมีความกังวลมากมาย ทว่าเขายังต้องอ่านเนื้อเรื่องเสียก่อนจึงจะประเมินสถานการณ์โดยละเอียดได้

โฮล์มส์อาจเป็นปัวโรต์ที่เปลี่ยนชื่อ?

หรืออาจฉายแววตั้งแต่คดีแรก?

[สงครามชิงอำนาจเปิดฉากขึ้นในปี 1978 ]

สงครามชิงอำนาจเริ่มต้นขึ้นในปี 1978 หลังจากได้รับปริญญาเอกด้านการแพทย์จากมหาวิทยาลัยหานโจว ผมก็เข้าเรียนหลักสูตรการแพทย์ทหาร หลังจากสำเร็จการศึกษา ผมถูกส่งไปเป็นผู้ช่วยแพทย์ทหาร ประจำการยังหน่วยที่สามในกองทัพที่ห้าของบลูสตาร์ในสนามรบเร่อหลูในฉีโจว…]

เรื่องราวถูกเล่าผ่านมุมมองของบุคคลที่หนึ่ง

นิยายชุดรหัสคดีของปัวโรต์ก่อนหน้านี้ของฉู่ขวงใช้การบรรยายผ่านมุมมองบุคคลที่หนึ่งเช่นเดียวกัน

ยกตัวอย่างเช่น ฆาตกรรมโรเจอร์ แอ็กครอยด์อันโด่งดังก็ตีแผ่เรื่องราวผ่านมุมมองบุคคลที่หนึ่ง แถมยังบุกเบิกกลอุบายผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้

นิยายชุดรหัสคดีของปัวโรต์ส่วนมากเริ่มต้นด้วยบทพูดกับตนเองของปัวโรต์และเฮสติงส์

ครั้งแรกที่ฉู่ขวงเริ่มสร้างสรรค์ผลงานผ่านวิธีบรรยายผ่านมุมมองบุคคลที่หนึ่งคงต้องย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยคนขุดสุสาน

ฉู่ขวงดูเหมือนจะค่อนข้างกระตือรือร้นเกี่ยวกับวิธีการบรรยายจากมุมมองบุคคลที่หนึ่ง และในขณะเดียวกัน เขาก็มีความรู้ลึกซึ้ง และมักใช้วิธีเขียนเช่นนี้ในนิยายสืบสวนสอบสวน

เรื่องราวตรงหน้านี้

ตัวละครบุคคลที่หนึ่งซึ่งบรรยายเรื่องราวนี้มีชื่อว่า ‘วัตสัน’

คนคนนี้ไม่ใช่ตัวเอกอย่างแน่นอน เพราะชื่อหนังสือและตัวฉู่ขวงเองเคยอธิบายไว้

ตัวเอกชื่อว่า ‘โฮล์มส์’

มาพูดถึงวัตสันก่อน

วัตสันมีประสบการณ์โชกโชน

เขาเคยผ่านสงครามในการเปลี่ยนระบบการปกครองบลูสตาร์ อีกทั้งเคยได้รับบาดเจ็บในสมรภูมิเร่อหลูที่ฉีโจว เนื่องจากร่างกายของเขาไม่สามารถแบกรับสงครามได้อีก จึงปลดประจำการและกลับไปยังลอนดอน

เฉาเต๋อจื้อรู้จักลอนดอน

ลอนดอนคือหนึ่งในเมืองที่ใหญ่ที่สุดของหานโจว

ภูมิหลังในนิยายของฉู่ขวง แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยจำกัดว่าอยู่ในพื้นที่ใด ความรู้ด้านภูมิศาสตร์ของเขาไม่เลว และมีความรู้ความเข้าใจต่อสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่

และการออกแบบฉากพื้นหลังของตัวละครก็สมจริง ราวกับว่าคนเหล่านี้มีชีวิตอยู่จริงในสมัยนั้น

ซึ่งจุดนี้สอดคล้องกับนิยายชุดรหัสคดีของปัวโรต์

อ่านต่อไป

หลังจากวัตสันปลดประจำการและเตรียมกลับมาหางานในลอนดอน โดยมีเงื่อนไขว่าเขาต้องมีที่อยู่อาศัย ทางที่ดีควรมีคนอยู่ร่วมบ้านด้วย ปรากฏว่าเขาบังเอิญพบกับสหายเก่าในอดีตซึ่งเป็นหมอเหมือนกัน

อีกฝ่ายบอกกับวัตสัน ว่าชายชื่อโฮล์มส์ก็กำลังมองหาคนเช่าห้องด้วยกันเมื่อเร็วๆ นี้

ดังนั้นวัตสันและสหายเก่าคนนี้จึงไปยังห้องทดลองทางการแพทย์ในลอนดอน

สถานที่ซึ่งโฮล์มส์ทำงานล่าสุด

นี่ทำให้เฉาเต๋อจื้อนึกถึงการพบกันครั้งแรกของเฮสติงส์และปัวโรต์ขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

บางทีวัตสันอาจมีบทบาทเป็นผู้ช่วยของโฮล์มส์คล้ายกับที่เฮสติงส์มีบทบาทผู้ช่วยของปัวโรต์?

แน่นอนว่ามีความคล้ายคลึงกันอยู่บ้าง

ในใจของเฉาเต๋อจื้อมีความกังวลที่ซ่อนอยู่ เขาเชื่อว่าผู้อ่านเองก็มองจุดนี้ออก และจุดนี้คล้ายกับเป็นข้อพิสูจน์ทางอ้อมว่าโฮล์มส์มีความคล้ายคลึงกับปัวโรต์

อย่างไรก็ตาม เมื่อวัตสันรีบไปที่ห้องทดลองและพบกับโฮล์มส์เป็นครั้งแรก ทันใดนั้นเฉาเต๋อจื้อก็สัมผัสถึงความแตกต่างระหว่างโฮล์มส์กับปัวโรต์ได้ในทันที

โฮล์มส์ไม่ใช่ปัวโรต์จริงๆ!

“เพียะๆๆ!”

ท่ามกลางการจับจ้องด้วยความตกตะลึงของวัตสัน โฮล์มส์กำลังใช้แส้เฆี่ยนศพอย่างรุนแรง ใครก็ตามที่เห็นภาพนี้คงคิดว่าโฮล์มส์มีสติสตังไม่สมประกอบ

ราวกับเป็นคนเสียสติ!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน