ตอนที่ 51 กลุ่มแห่งความตาย
ฉินโจวกว้างใหญ่มาก ในเมืองมีประชากรหนาแน่น
บริเวณที่หลินเยวียนอยู่นั้นเรียกว่าเมืองซู นี่คือหนึ่งในไม่กี่เมืองหลักที่เจริญที่สุดในฉินโจว และบ้านเกิดของเขาก็คือสถานที่ซึ่งเรียกว่าเมืองอวิ๋น
นั่งรถไฟความเร็วสูงหกชั่วโมง
ในที่สุดหลินเยวียนก็มาถึงเมืองอวิ๋น
“เจอกันตอนเปิดเรียน”
เจี่ยนอี้และซย่าฝานซึ่งเดินทางมาด้วยบอกลาหลินเยวียน
เมื่อส่งทั้งสองคนไปแล้ว หลินเยวียนไม่ได้กลับบ้านทันที แต่กลับนั่งรถเมล์ตรงไปยังห้างสรรพสินค้า และซื้อของจำนวนมาก
ทั้งหมดเป็นของขวัญให้แม่กับน้องสาว
ออกมาจากห้างสรรพสินค้า หลินเยวียนหิ้วถุงเล็กถุงใหญ่มาเต็มไม้เต็มมือ นั่งรถเมล์ไม่สะดวกเอาซะเลย จึงทำได้เพียงเรียกรถ
บ้านของเขาอยู่ทางทิศใต้ของเมือง
คล้ายกับเป็นพื้นที่หมู่บ้านในเขตเมือง
เดินมาถึงหน้าประตูบ้านอันคุ้นเคยในความทรงจำ หลินเยวียนเคาะประตู คนที่มาเปิดประตูเป็นเด็กหญิงหน้าตาสะสวยสวมชุดนอนตัวหนาคนหนึ่ง
“น้องสาว”
หลินเยวียนยิ้มพลางเอ่ยทักทาย นี่คือหลินเหยา น้องสาวของหลินเยวียน หน้าตาสะสวย ได้รับจุดเด่นถ่ายทอดมาจากบิดามารดาเช่นเดียวกับหลินเยวียน ปีนี้อยู่มัธยมปลายปีสาม
“พี่”
เด็กสาวพยักหน้าอย่างยิ้มแย้ม
หลินเยวียนเดินเข้าประตูไป เปลี่ยนเป็นใส่รองเท้าแตะ ก่อนจะตะโกนเข้าไปในบ้าน “แม่ ผมกลับแล้วครับ”
“กลับมาแล้วเหรอ”
แม่สวมผ้ากันเปื้อนพันรอบเอวออกมา มือยังคงเปื้อนเลือด “แม่กำลังทำปลาน้ำแดงให้อยู่พอดี”
“ครับ”
หลินเยวียนพูดพลางยกข้าวของเข้าไปในบ้าน หยิบเสื้อผ้าชุดหนึ่งกับรองเท้าออกมา บอกกับน้องสาว “ของขวัญให้เธอ”
“ขอบคุณค่ะ”
หลินเหยารับของขวัญมาจากหลินเยวียน เมื่อเปิดดูก็พบว่าเป็นเสื้อกันหนาวขนเป็ดชมพู จึงขมวดคิ้วมุ่นเอ่ย “หนูไม่ชอบสีชมพู”
“งั้นเธอชอบสีอะไรล่ะ”
หลินเหยาตอบโดยไม่ต้องยั้งคิด “สีขาว”
หลินเยวียนหยิบออกมาอีกชุด “แล้วอันนี้ล่ะ”
หลินเหยามองหลินเยวียนด้วยความตกใจ “แม่บอกว่าพี่รวยแล้ว ที่แท้แม่ก็ไม่ได้หลอกหนู งั้นพี่ให้หนูสักร้อยหยวนไปซื้อหนังสือเรียนได้มั้ย หนูมีคูปองลดราคา จริงๆ ต้องร้อยยี่สิบหยวน ซื้อหนึ่งร้อยลดยี่สิบ”
“ได้สิ”
หลินเยวียนพูดอย่างอารมณ์ดี “พี่ได้คูปองลดราคาร้านปลาเผามาจากห้างด้วย เอาไว้พวกเราไปกินกัน”
หลินเหยาพยักหน้า “อื้ม”
แม่ได้ยินบทสนทนาของสองพี่น้องก็ร่ำไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก “มิน่าล่ะตอนเด็กๆ มีแต่คนพวกว่าพวกลูกสองพี่น้องนิสัยแปลก…”
“ทำไมล่ะครับ/คะ”
หลินเยวียนกับหลินเหยาหันไปมองแม่พร้อมกัน
แม่ยิ้มพลางโบกมือ ถึงว่าพี่น้องคู่นี้จะจัดอยู่ในบุคลิกพูดน้อยเงียบขรึม ไม่เหมือนกับพี่สาวที่ร่าเริงสดใส แต่เธอก็รู้ว่าลูกทั้งสามคนเข้ากันได้ดีมาก
หลินเยวียนนั่งพักผ่อนอยู่บนโซฟา
หลินเหยาซึ่งปีนี้อยู่มัธยมปลายปีสามก็นั่งทำโจทย์อยู่บนโต๊ะ
ที่นี่เป็นบ้านสองห้องนอนหนึ่งห้องนั่งเล่น แสงไม่นับว่าสว่าง การประดับตกแต่งและเครื่องเรือนเรียบง่ายและทรุดโทรม ตัวอย่างเช่นโซฟาที่หลินเยวียนกำลังหย่อนก้นลงนั่งก็ทะลุตั้งหลายรู แต่ถึงแม้บ้านจะเก่าทรุดโทรม แต่ก็สะอาดสะอ้าน ข้าวของจัดเข้าที่เข้าทาง
รอเงินเดือนออกก็จะซื้อบ้านสักหลัง
ในใจของหลินเยวียนมีความคิดนี้ผุดขึ้นมา
ไม่นานอาหารก็ทำเสร็จ ก่อนที่หลินเยวียนจะกลับบ้านเขาโทรมาหาแม่แล้ว ฉะนั้นตอนเที่ยงจึงมีอาหารสี่อย่างพร้อมสรรพ
ปลาน้ำแดง กระดูกหมูเปรี้ยวหวาน ไก่ผัดพริกแห้ง ผักกวางตุ้งผัดเห็ดหอม รวมไปถึงน้ำแกงไข่มะเขือเทศ
“กินข้าวเถอะ”
ทั้งสามนั่งล้อมรอบโต๊ะ แม่เอ่ยด้วยความเสียดาย “พี่สาวลูกยังไม่หยุด ถ้าพี่เขาอยู่ที่นี่ ต้องกินกับข้าวพวกนี้หมดแน่”
หลินเยวียนพยักหน้า
พี่เป็นคนที่เก่งที่สุดของบ้าน
เมื่อเทียบกันแล้ว หลินเยวียนกับหลินเหยาจัดอยู่ในประเภทเลือกกิน ชอบกินแต่เนื้อสัตว์
แม่ยิ้มเตือน “กินผักกวางตุ้งด้วยสิ”
ดังนั้นหลินเยวียนกับหลินเหยาก็เลือกจิ้มผักกวางตุ้งขึ้นมาพร้อมกันหนึ่งชิ้น ทั้งสองใช้ตะเกียบแย่งกันคนละครึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน