หลังจากโปรโมตภาพยนตร์เรื่องนี้บนปู้ลั่วแล้ว
หลินเยวียนจึงติดต่อเหล่าโจว เพื่อสอบถามเกี่ยวกับการเข้าฉายของภาพยนตร์เรื่องนี้
“น่าจะเป็นเดือนหน้า”
เหล่าโจวบอก “รายละเอียดต้องรอให้บริษัทจัดงานประชุมภาพยนตร์เสร็จแล้วจะกำหนดอีกที แต่มีเรื่องหนึ่งต้องบอกนายสักหน่อย เดือนหน้าจะไม่ได้มีหนังซูเปอร์ฮีโร่ของเราแค่เรื่องเดียวที่เข้าฉาย”
“มีของใครอีกครับ”
หลินเยวียนเห็นในพื้นที่แสดงความคิดเห็นบนปู้ลั่วก็มีคนพูดเช่นนี้ คงจะเป็นคู่แข่งที่ทรงพลังมากทีเดียว
“หลงหยาง!”
เหล่าโจวพูดชื่อนี้ออกมา
หลินเยวียนชะงักไป ชื่อนี้…จริงจังหรือเปล่า?
เหมือนว่าจะจริงจังแฮะ
เพราะเมื่อเหล่าโจวเอ่ยชื่อนี้ สีหน้าของเขาค่อนข้างจริงจัง “หลงหยางก็เหมือนกับนาย มาแนวคนเขียนบทเป็นแกนหลัก เขาเป็นคนที่เก่งมากคนหนึ่ง หนังของเขาในครั้งนี้ชื่อว่า ‘ตำนานมนุษย์มังกร’ เงินลงทุนเกือบสามร้อยล้าน นักแสดงนำชายที่เลือกมาคือนักแสดงแถวหน้าอย่างเจียงเหมิ่ง นายคงมองเห็นปัญหาแล้วใช่ไหม เงินทุนของพวกเขาสูงกว่าเรามาก แถมนักแสดงที่พวกเขาเลือกมาเล่นบทพระเอกเป็นนักแสดงแถวหน้า ส่วนพระเอกของเรากลับเป็นนักแสดงหน้าใหม่”
หลินเยวียนพยักหน้า
ที่จริงแล้วในครั้งนี้เขาไม่ได้ตั้งใจจะประหยัดเงินจริงๆ หรอก
หนังเรื่องนี้บอกเล่าที่มาของสไปเดอร์แมนเป็นหลัก ไม่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมากมาย
ฉากสเปเชียลเอฟเฟ็กต์ด้านหน้าเน้นไปที่สไปเดอร์แมนจัดการเหล่าอันธพาลท่ามกลางตึกสูงในเมืองใหญ่
จุดเด่นของสไปเดอร์แมนคือการเป็นฮีโร่พลเรือน
ส่วนปัญหาที่พระเอกเป็นนักแสดงหน้าใหม่…
เดิมทีหลินเยวียนสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้มาโดยมีจุดมุ่งหมายสำหรับปั้นเจี่ยนอี้อยู่แล้ว
เพราะหลินเยวียนคิดว่าเวลาที่สไปเดอร์แมนทำท่าทางเท่ๆ ส่วนมากจะสวมหน้ากาก อันที่จริงใช้ใครแสดงย่อมไม่ใช่ประเด็นสำคัญ บนโลกมีการเปลี่ยนสไปเดอร์แมนตั้งหลายเวอร์ชัน แต่กลับไม่มีการต่อต้านจากผู้ชมมากนัก
“ที่จริงก็เป็นเรื่องปกติ”
เหล่าโจวเอ่ยอย่างสะท้อนใจ “ฉินฉีฉู่เยี่ยนกว้างมาก โดยทั่วไปแล้วจะมีหนังประเภทเดียวกันออกมาซ้อนกันทุกตาราง เงินทุนของหนังซูเปอร์ฮีโร่ปกติแล้วจะเริ่มที่หนึ่งร้อยล้าน อัตราที่จะเข้าฉายชนกับหนังประเภทเดียวกันนับว่าน้อยแล้ว แต่บางครั้งก็มีชนกันแบบนี้บ้าง”
ขณะนั้น
จู่ๆ เหล่าโจวก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างฉับพลัน “แต่เราก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องคู่แข่งมากนัก อย่างน้อยนักเขียนบทอย่างนายก็มีฐานแฟนคลับอยู่ บวกกับนายได้รับคำวิจารณ์ที่ดีมากในวงการภาพยนตร์มาโดยตลอด เชื่อว่าผู้ชมจะยินดีซื้อแน่นอน พวกเราไม่ต้องคิดจะเอาชนะคู่แข่ง ทุกคนสร้างหนังซูเปอร์ฮีโร่ขึ้นมาเพื่อหาเงินไม่ใช่หรือไง”
ความคิดของเหล่าโจวนั้นช่างเรียบง่าย
ไม่จำเป็นต้องแข่งขันว่ายอดบ็อกซ์ออฟฟิศสูงหรือต่ำอะไรเทือกนั้น
ขอเพียงทำรายได้มากพอก็เป็นอันใช้ได้
กอปรกับกระแสหลังจากหลานหลิงอ๋องถอดรูปออกมาเป็นเซี่ยนอวี๋ในรายการราชาหน้ากากนักร้อง ย่อมช่วยให้ภาพยนตร์เรื่องใหม่ของหลินเยวียนดึงดูดผู้คนมาได้นับไม่ถ้วน
“ครับ”
หลินเยวียนคิดว่าไม่มีปัญหา
เหล่าโจวแลดูคล้ายกับนึกบางอย่างขึ้นได้ จู่ๆ ก็กล่าวกลั้วหัวเราะ “นายอาจยังไม่รู้ ที่จริงแล้วนายเคยสู้กับหลงหยางมาครั้งหนึ่งแล้ว”
“เหรอครับ?”
หลินเยวียนเอ่ย
เหล่าโจวตอบอย่างยิ้มแย้ม “ตอนนั้นหลงหยางเขียนบทออกมา อยากให้จางซิ่วหมิงมาเป็นพระเอก เดิมทีทางนั้นคิดจะร่วมงานกันอยู่แล้ว แต่หลังจากจางซิ่วหมิงได้อ่านบทเรื่องปากง สุนัขยอดกตัญญู เลยกลับไปปฏิเสธทางหลงหยาง”
“อ้อ”
เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นเป็นครั้งคราวในวงการภาพยนตร์เป็นเรื่องปกติ หลินเยวียนไม่คิดว่านี่เป็นเรื่องแปลกประหลาดแต่อย่างใด
เย็นวันนั้น
หลินเยวียน อี้เฉิงกง และทีมผู้สร้างดูเรื่องสไปเดอร์แมนซึ่งผลิตเสร็จสมบูรณ์
มีฉากเรียกน้ำตา
มีฉากมันสะใจ
หลังจากหลินเยวียนดูจบก็รู้สึกพึงพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้ ความสามารถของอี้เฉิงกงในการถ่ายทำภาพยนตร์ตามบทนั้นแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
……
เมืองหลวงของฉินโจว
ในห้องพักผ่อนแห่งหนึ่ง
ผู้ซึ่งดูเหมือนผู้ช่วยมีเอ่ยกับชายวัยกลางคน “อาจารย์หลงหยาง ทางเครือโรงภาพยนตร์ยืนยันว่าภาพยนตร์ของเราจะเข้าฉายวันที่เจ็ดกรกฎาคม แต่ในช่วงเดียวกันยังมีภาพยนตร์เรื่องใหม่ของเซี่ยนอวี๋ และเป็นภาพยนตร์แนวซูเปอร์ฮีโร่เหมือนกันด้วยครับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน