นิยายแฟนตาซี ถึงแม้จะมีอิทธิพลอย่างมาก แต่ในความจริงแล้วคุณสมบัติและแนวทางของคุณค่าทางวรรณกรรมนั้นถูกแวดวงวัฒนธรรมวิพากษ์วิจารณ์มาโดยตลอด…
บุคคลสำคัญในแวดวงวัฒนธรรมมักชื่นชมว่านิยายสืบสวนสอบสวนสักเรื่องหนึ่งเขียนได้ดี
บุคคลสำคัญในแวดวงวัฒนธรรมมักชื่นชมว่านิยายสั้นสักเรื่องหนึ่งเขียนได้ดี
แต่ไม่มีบุคคลสำคัญในแวดวงวัฒนธรรมคนใดชื่นชมนิยายแฟนตาดีว่าเขียนได้ดี เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับวรรณกรรมประเภทอื่นๆ นิยายแฟนตาซีนั้นนับว่ามีรสนิยมที่ต่ำกว่ามาก
ทว่าเมื่อเปรียบเทียบในวัฏจักรแห่งการดูถูก ก็ยังนับว่าหนักหน่วงกว่าแวดวงนิยายออนไลน์บนโลกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
แต่ในเวลานี้ อดีตประธานสมาคมวรรณศิลป์!
เขาสนับสนุนบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศด้วยตัวเอง!
สำหรับแวดวงนิยายแฟนตาซี…
นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์!
ราวกับหยดน้ำซึ่งบังเอิญหยดลงไปในน้ำมันเดือด
โลกออนไลน์ซึ่งเงียบสงัดมาทั้งวัน ระเบิดขึ้นมาทันที!
‘ผมคิดว่าผมเปิดอ่านนิยายแฟนตาซีน่าตื่นเต้นเรื่องหนึ่ง เมื่ออ่านจบถึงได้พบว่าตัวเองเปิดอ่านผลงานชิ้นเอกร่วมสมัยระดับหอเกียรติยศอยู่!’
‘ใครยังกล้าบอกว่าบรรพกาลเป็นอันดับหนึ่งในโลกเทพปกรณัมอีก ฉันจะทุบให้หัวแตก!’
‘เป็นนิยายที่ผู้ชายชอบแน่นอน ตั้งแต่ซุนหงอคงกลับมาจากการกราบอาจารย์ศึกษาวิชา ทั้งกระบวนการกำลังวังชาเต็มเปี่ยม ฉีเทียนต้าเซิ่งขี่เมฆวิเศษ แปลงร่างได้ 72 ร่าง เดินทางข้ามทะเลตงไห่ บุกยมโลกและวังสวรรค์ ผูกมิตรกับราชาปีศาจทุกเผ่าพันธ์ุร่างกายแข็งแกร่งประหนึ่งเหล็กกล้าตาไฟเนตรทอง ทำให้ผมเลือดและอารมณ์ผมพลุ่งพล่าน!’
‘ผู้หญิงก็ชอบเหมือนกัน ซุนหงอคงเพอร์เฟ็กต์สุดๆ ใจดีและบ้าบิ่น ฉลาดและต่อสู้ได้ ตอนนี้ฉันอยากมีแฟนเหมือนซุนหงอคงจังเลย ไอ้ต้าวลิงน้อยจากเขาฮวากั่ว!’
‘ฉันคิดว่านี่เป็นผลงานที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งของฉู่ขวง ซึ่งเป็นผลงานชั้นยอดอย่างแท้จริง รู้สึกราวกับว่าร่างกายถูกควบแน่นอยู่ในการเดินทางสู่ประจิมทิศ เมื่อชีวิตของคนเราเรียบง่ายกว่าการเดินทางสู่ประจิมทิศ อยู่ๆ จะหอบข้าวของเดินทางกลับหมู่บ้างเกาเหล่าแบบโป๊ยก่าย เมื่อชีวิตคนเรายากเย็นกว่าการเดินทางสู่ประทิศ ไม่อาจเสาะหาความช่วยเหลือจากพระโพธิสัตว์’
‘เห็นหงอคงถูกทับอยู่ในภูเขาห้าร้อยปีแล้วปวดใจจริงๆ ตอนที่เขากระโดดออกมา ผมเองก็พลอยกระโดดไปด้วย!’
‘สองสามบทแรกเต็มไปด้วยเปี่ยมไปด้วยพลัง แต่ไม่ใช่แค่มันส์หยด ยังมีการถ่ายทอดแนวคิดอันลึกซึ้ง แม้แต่ลิงที่เกิดจากหินภูเขาฮวากั่วยังสัมผัสได้ถึงการเกิดแก่เจ็บตายอย่างลึกซึ้ง เขาไปป่วนยมโลกและวังสวรรค์ แต่สิ่งที่เขาต่อสู้คือข้อจำกัดว่าเราไม่เป็นอิสระ เมื่อเรายังเด็กก็มักจะมีความประมาทเช่นนี้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นตีลังกาไปกี่ตลบ วิ่งไปกี่รอบ จะฝึกฝนให้กล้ามเนื้อและกระดูกให้แข็งแกร่งได้อย่างไร สุดท้ายแล้วเรื่องเหล่านี้คือเส้นทางอันยาวไกลซึ่งต้องคอยเก็บเกี่ยวประสบการณ์’‘ตอนที่ภาพของซุนหงอคงที่คลังหนังสือซิลเวอร์บลูใช้ในการโปรโมต ผมรู้สึกแค่ว่าฝีมือการวาดภาพของอิ่งจือโหดมาก แต่พออ่านบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศจบแล้วไปดูภาพที่พญาวานรรายล้อมไปด้วยกองทัพสวรรค์แล้วรู้สึกจุกอก เขาเป็นวีรบุรุษที่โดดเดี่ยว แม้ว่าเขาจะอดทนต่อการถูกลงทัณฑ์และความทรมานเพราะความดื้อรั้น แต่กลับร่าเริงและมองโลกในแง่ดีเสมอ ทำให้ผู้คนรักเขาอย่างอดไม่ได้’
‘หนังสือเรื่องนี้ของฉู่ขวงน่ากลัวจริงๆ !’
‘จินตนาการของเขาล้ำเลิศ หมื่นพันถ้อยคำถ่ายทอด ราวกับอุทิศทั้งชีวิตให้กับหนังสือเล่มนี้ เมื่ออ่านการเดินทางสู่ประจิมทิศจบแล้วรู้สึกชื่นชมจากใจจริง เทียบกับหนังสือเรื่องนี้แล้วจู่ๆ ก็รู้สึกว่าบรรพกาลไม่มีอะไร’
‘ซุนหงอคงแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าอะไรคือชีวิตฉันฉันกำหนดเอง!’
‘…’
เมื่ออ่านหนังสือจบ ผู้อ่านร้อยละ 99 มักชื่นชอบซุนหงอคง!
ขณะเดียวกัน
ความคิดเห็นส่วนใหญ่มักวนเวียนเกี่ยวกับซุนหงอคง!
แน่นอน
มีการถกเถียงเกี่ยวกับตัวละครอื่นเช่นกัน
ยกตัวอย่างเช่นภิกษุถัง[1]
แต่สำหรับภิกษุถัง ความคิดเห็นของทุกคนไม่เป็นมิตรเท่าไรนัก
‘สามคุณสมบัติคลาสสิกของภิกษุถัง: เมนวิชวล ขี้แงเหมือนเด็ก ท่องบทสวดใส่เห้งเจีย ถ้าฉันเป็นหงอคงนะ ฉันจะฟาดให้ตาย ไม่ต้องมารอจนท่องบทสวดให้รัดเกล้าบีบหัวอยู่หรอก’
‘เห็นชัดๆ ว่าภิกษุถังเข้าข้างตือโป๊ยก่าย เพราะซุนหงอคงมีจิตวิญญาณของความหัวขบถโดยธรรมชาติ’
‘ภิกษุถังนอกจากการอุทิศตนต่อพระพุทธเจ้า เรื่องอื่นนี่คล้อยตามไม่ได้เลย ทั้งขี้ขลาด ทั้งชอบปัดความรับผิดชอบ’
‘อาจารย์และลูกศิษย์ทั้งสี่คนคาแรกเตอร์ชัดเกินไป และด้วยเหตุผลนี้เองถึงทำให้ทุกคนไม่ชอบภิกษุถัง’
‘สำหรับหงอคงแล้ว ภิกษุถังคือภาระ ถึงตัวหงอคงจะไม่ได้คิดอย่างนั้นก็เถอะ นี่เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของหงอคง’
‘ชีวิตคือการฝึกฝนอันยากลำบาก แต่ต่อให้อ่อนแอเหมือนภิกษุถัง ก็สามารถไปถึงจุดหมายได้’
‘…’
แต่ก็มีคนพบข้อดีของภิกษุหน้ามนคนนี้เช่นกัน
‘ถึงภิกษุถังจะร้องไห้งอแงทุกครั้งที่ถูกจับ แต่ตั้งแต่รอดมาจากถ้ำปีศาจได้ ก็เดินมุ่งหน้าสู่ตะวันตกโดยไม่บ่นและไม่หันหลังกลับมา’
นอกจากนั้น ยังมีการถกเถียงมากมายเกี่ยวกับตือโป๊ยก่ายเช่นเดียวกัน
ตัวละคนนี้ ไม่ได้รับเสียงก่นด่าเพียงด้านเดียว
ถึงแม้หมูตัวนี้จะตะกละตะกลามและเกียจคร้าน บางครั้งก็อยากแยกทางกับหมู่คณะ พยายามบอกทุกคนว่าการเป็นเพื่อนร่วมทีมซึ่งเป็นหมูที่มีคุณสมบัติเหมาะสมนั้นเป็นอย่างไรก็ตาม…
มีคนวิเคราะห์เหตุผลว่า
‘น่าจะเป็นเพราะพวกเรามีเป้าหมายอยากเป็นเหมือนซุนหงอคง แต่ในความจริงแล้วหลายคนกลับอดไม่ได้อยากใช้ชีวิตเหมือนตือโป๊ยก่าย’
ส่วนซัวเจ๋ง?
การมีตัวตนของซัวเจ๋งนั้นเหมือนกับม้ามังกรขาว
ถึงขั้นสู้ม้ามังกรขาวไม่ได้ด้วยซ้ำ
ม้ามังกรขาวคือพาหนะ
ซัวเจ๋งคือคนยกของ
หนึ่งคือแรงงานสัตว์ อีกหนึ่งคือแรงงานคน
ถึงแม้ตือโป๊ยก่ายจะช่วยยกของบ้างเป็นบางครั้งก็ตาม
ไม่ว่าจะถกเถียงอย่างไร สิ่งที่ทุกคนมักจะกล่าวถึงเหมือนกันก็คือ
บันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศคือผลงานซึ่งฉู่ขวงได้ปลดปล่อยพรสวรรค์ของเขาออกมาอย่างเต็มที่ ปล่อยให้จินตนาการและพรสวรรค์ของเขามาบรรจบกันจนเกิดผลงานแฟนตาซีอันโดดเด่นตระการตา!
ไม่เพียงผู้อ่าน!
แม้แต่เหล่ามหาเทพและเทพสูงสุดในวงการนิยายแฟนตาซีก็ตกตะลึง!
‘ผมคิดว่าคนขุดสุสานจะเป็นจุดสูงสุดของฉู่ขวง จนกระทั่งได้อ่านการเดินทางสู่ประจิมทิศ จึงได้เข้าใจว่าผมคิดผิดมหันต์ นิยายเรื่องนี้อาจกลายเป็นขุดสูงสุดของนิยายแฟนตาซีได้ในอนาคต!’
— หลี่เจิ้งฮุย มหาเทพแห่งวงการนิยาย
‘เทพปกรณัมบลูสตาร์ขนานแท้ ทั้งเทพเจ้า ปีศาจ และสัตว์ประหลาดขนขบวนกันมา นี่คือเทพปกรณัมที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์!’
— เพียวตั้งเตออวิ๋น มหาเทพแห่งวงการนิยาย
‘ท้าทายตัวเอง และอ่านบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศฉบับภาษาโบราณด้วยความยากลำบาก อยากจะบอกกับแฟนบรรพกาลสักประโยคว่า ข้อความโปรโมตของคลังหนังสือซิลเวอร์บลูนั้นไม่เหมาะสมจริงๆ การเดินทางสู่ประจิมทิศนั้นเทียบกับบรรพกาลไม่ได้ เพราะมันเหนือกว่าบรรพกาลไปแล้ว!’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน