หลินเยวียน “…”
ทำไมถึงเป็นข่าวสังคมขึ้นมาได้
เห็นชัดๆ ว่าควรเป็นข่าวบันเทิง
เอาเถอะ
ที่จริงฉากนี้ไม่ได้มีปัญหาอะไร
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ต้องขังเหล่านี้
ชีวิตหลังจากออกจากเรือนจำ ต้องเริ่มต้นใหม่จริงๆ
เพลงนี้ปรากฏขึ้นในสถานการณ์เช่นนี้ นับว่าเพิ่มความน่าเชื่อถือได้มาก
แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด
ชาวเน็ตจึงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ…
ดูจากความหมายแล้ว พวกคุณคิดจะออกไปก่อเหตุกันต่อหรืออย่างไร?
ต่อให้เข้าไปในเรือนจำและสูญเสียตำแหน่งขาใหญ่ไปก็ไม่กลัว ไม่มีอะไรมากไปกว่าการเริ่มต้นใหม่หลังจากเข้าไปงั้นหรือ?
ล้อเล่นน่า
แน่นอนว่าทุกคนเข้าใจว่า ‘เริ่มต้นใหม่’ หมายถึงเริ่มต้นชีวิตใหม่ของตนเองอีกครั้ง
ภาพนี้ทำชวนซาบซึ้งใจ
อย่าได้เข้าใจผิดหรือตีความอย่างกำกวม
หลังจากตื่นขึ้นจากความงุนงง ไม่ทันไรชาวเน็ตต่างตื่นเต้นดีใจ เข้าไปคอมเมนต์ในพื้นที่แสดงความคิดเห็น
‘พ่อเพลงอวี๋จะกลายเป็นพ่อเพลงคนโปรดของผู้ต้องขังในเรือนจำหรือเปล่านะ’
‘ตามนั้นเลย ต่อไปนักโทษที่ได้รับการปล่อยตัวจะต้องร้องเพลงเริ่มต้นใหม่!’
‘พ่อเพลงอวี๋กลายเป็นมหามิตรของผู้ต้องขังไปแล้ว เพลงเริ่มต้นใหม่ดังไปถึงในเรือนจำแล้ว!’
‘ผมคิดว่าหลังจากพ่อเพลงอวี๋แพ้ในมหาสงครามเทพเซียนแล้วปล่อยเพลงเริ่มต้นใหม่ก็เข้ากับสถานการณ์อยู่นะ นึกไม่ถึงว่าเพลงนี้จะเหมาะกับสถานการณ์แบบนี้ยิ่งกว่าซะอีก!’
‘นี่ไม่ใช่ข่าวสังคมข่าวแรกของพ่อเพลงอวี๋หรอกใช่ไหม?’
‘ตอนนี้หลายเพลงของพ่อเพลงอวี๋สร้างอิทธิพลทางสังคมแล้ว!’
‘จะไม่สร้างอิทธิพลทางสังคมได้ยังไง เพลงโชคดีมาก่อนหน้านี้ ทุกตรอกซอกซอยเปิดเพลงนี้ ตอนนี้ทุกงานเปิดร้านเริ่มต้นกิจการต่างก็ใช้เพลงนี้กันหมด?!’
‘ยังมีกระแสการเต้นรำกลางจัตุรัสซึ่งถูกขับเคลื่อนโดยเพลงลำนำพื้นเมืองสุดเจ๋งอีก!’
‘…’
หลินเยวียนครุ่นคิด เป็นเช่นนั้นจริงๆ
เริ่มด้วยการเต้นรำกลางจัตุรัส ตามมาด้วยงานตัดริบบิ้นเปิดกิจการร้านค้าใหม่ จนกระทั่งการร้องประสานเสียงในเรือนจำ…
ดูเหมือนว่าเพลงยอดนิยมซึ่งตนปล่อยออกไป จะก่อให้เกิดอิทธิพลขนาดใหญ่ในสังคมแล้ว
ในแง่หนึ่ง นี่คือความสำเร็จของเพลงเหล่านี้ ความสำเร็จของการเป็นที่แพร่หลายในกลุ่มคนนอกวงการนั้นยิ่งใหญ่กว่าการชิงแชมป์ในฤดูกาลเพลงเสียอีก!
ถึงอย่างไร เกียรติยศจากการชิงแชมป์ในฤดูกาลเพลงก็เป็นเพียงการยอมรับจากผู้คนในวงการ
ขณะที่เพลงซึ่งสร้างอิทธิพลในสังคมได้นั้น กลับมีอิทธิพลในชีวิตของผู้คนทั่วไปอย่างแท้จริง!
ขณะนั้น
บนพื้นที่แสดงความคิดเห็นก็ปรากฏคอมเมนต์หนึ่ง
‘ผมเป็นพัศดีในเรือนจำแห่งหนึ่งในฉีโจว เช้านี้จู่ๆ หัวหน้าก็แจ้งว่าให้เราจัดระเบียบนักโทษ เพื่อให้เรียนรู้เพลงเริ่มต้นใหม่ซึ่งเป็นเพลงใหม่ของเซี่ยนอวี๋ นี่คือการใช้เพลงใหม่ของพ่อเพลงปลูกฝังแนวคิดให้นักโทษเลยนะครับ’
หลังจากนั้น
มีผู้ที่กล่าวอ้างว่าตนเองเป็นพัศดีอีกหลายคน กล่าวว่ามีสถานการณ์คล้ายกันเกิดขึ้นในเรือนจำที่ตนรับผิดชอบ
ทันใดนั้น ชาวเน็ตต่างพากันหัวเราะจนตัวโยน
‘เรียกว่าทางการโปรโมตเพลงใหม่ของพ่อเพลงอวี๋ได้หรือเปล่านะ’
‘ถึงช่องทางโปรโมตออกจะพิเศษอยู่บ้าง แต่ก็นับว่าชดเชยให้พ่อเพลงอวี๋แล้ว’
‘สมาคมวรรณศิลป์: พวกเราไม่ได้ลำเอียง เมื่อเดือนที่แล้วโปรโมตเพลงของหยางจงหมิงไปแล้ว เดือนนี้ช่วยเซี่ยนอวี๋โปรโมตสักครั้งก็แล้วกัน’
‘ผู้บัญชาการเรือนจำ: เซี่ยนอวี๋ ข้าช่วยเจ้าได้เพียงเท่านี้’
‘หลังจากนี้ถ้าถามผมว่านักประพันธ์เพลงคนไหนที่โด่งดังที่สุดบนบลูสตาร์ ผมอาจตอบไม่ได้ แต่ถ้าถามตัวผมในเรือนจำว่านักประพันธ์เพลงที่โด่งที่สุดคือใคร ผมตอบได้เลยว่าเซี่ยนอวี๋ไงล่ะ!’
‘มุมมองคมคาย แนวคิดแปลกใหม่!’
‘เซี่ยนอวี๋ปลดล็อกระดับที่ไม่เคยมีพ่อเพลงคนไหนแตะถึงมาก่อน นั่นคืออิทธิพลทางสังคม!’
‘…’
ถึงแม้ความคิดเห็นของทุกคนจะแฝงไปด้วยการหยอกล้อ แต่ก็ความรู้สึกนั้นเป็นเรื่องจริง
บทเพลงเหล่านี้ของเซี่ยนอวี๋เริ่มมีอิทธิพลทางสังคมจริงๆ
พลังแห่งศิลปะ ในบางครั้งก็แข็งแกร่งมากจริงๆ
สิ่งนี้ย้ำเตือนหลินเยวียน
ว่าในอนาคตถ้าหากมีโอกาส ควรเผยแพร่บทเพลงที่ส่งอิทธิพลต่อสังคมต่อไป เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ อย่างแท้จริง
……
ไม่กี่วันหลังจากนั้น ชาวหานโจวค่อยๆ คุ้นเคยกับวัฒนธรรมของฉินฉีฉู่เยี่ยนมากขึ้นเรื่อยๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน