‘ฉู่ขวงเป็นเทพสูงสุดแล้ว!’
‘ก่อนหน้านี้ทุกคนบอกว่าคุณภาพและสถิติของหนังสือเรื่องใหม่ของฉู่ขวงต้องเทียบเท่ากับคนขุดสุสานสองเรื่องถึงจะมีความหวังในการรับเกียรติในฐานะเทพสูงสุด ปรากฏว่าเขาทำได้จริง แถมอิทธิพลของบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศยังไม่ใช่แค่เทียบเท่ากับคนขุดสุสานสองเรื่องแล้ว…’
‘นิยายเรื่องนี้ระดับตำนาน!’
‘ตอนนี้ฉู่ขวงกลายเป็นเทพสูงสุดที่มีจำนวนผลงานน้อยที่สุดในวงการนิยาย ที่จริงเทพสูงสุดคนอื่นพยายามกันหลายปีและตีพิมพ์ผลงานมากมายกว่าจะประสบความสำเร็จ มีแค่เขาที่มีผลงานสี่ชิ้นก็ขึ้นเป็นเทพสูงสุดเลย!’
‘แฟนบรรพกาลไปไหนหมดแล้ว’
‘ฮ่าๆๆ เกินไปแล้วนะ นี่คือการเหยียบเท้าแฟนบรรพกาลชัดๆ ไม่รู้ว่าตอนนี้แฟนบรรพกาลคิดจะข่มบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศด้วยอิทธิพลของซีรีส์เพื่อระบายความโกรธอยู่หรือเปล่า?’
‘…’
เรื่องนี้เป็นความจริง
เมื่อเห็นการว่าฉู่ขวงทะยานขึ้นสู่ตำแหน่งเทพสูงสุดด้วยบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศ แฟนบรรพกาลย่อมรู้สึกหดหู่ใจ แต่พวกเขากลับไม่สามารถตอบโต้ได้
คำวิจารณ์ของมืออาชีพต่อบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศนั้นเหนือกว่าบรรพกาลจริงๆ !
ทั้งยังได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการจากสมาคมวรรณศิลป์!
บรรพกาลหิวกระหายเหลือทน
ความได้เปรียบเดียวของบรรกาลในขณะนี้คือเผยแพร่ออกมานาน และมีอิทธิพลมากกว่าบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศ
ดังนั้นจุดเดียวที่จะพลิกกลับมาได้คืออาศัยซีรีส์!
ก่อนที่ซีรีส์บรรพกาลเวอร์ชันใหม่จะลงจอ แฟนบรรพกาลจึงอยู่ในสภาวะนอนรับคำถากถาง
‘รอให้ซีรีส์บรรพกาลออกมาก่อนเถอะ แล้วแฟนบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศจะต้องคุกเข่าแน่นอน!’
นี่คือความคิดเห็นโดยรวมของแฟนบรรพกาลอาวุโส
คนกลุ่มนี้มีความเชื่อมั่นต่อซีรีส์บรรพกาลเป็นอย่างมาก!
ส่วนซีรีส์บันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศซึ่งกำลังถ่ายทำอยู่นั้น แฟนคลับไม่ได้วิตกกังวลแต่อย่างใด
มีฐานผู้ชมบรรพกาลรออยู่
นิยายบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศเพิ่งตีพิมพ์ออกมาได้นานเท่าไหร่กัน?
พวกเขาต้องสะสมพลังอย่างเงียบเชียบ เตรียมพร้อมสำหรับการตอบโต้ จากนั้นจึงทำให้ทุกคนตกตะลึง!
หลินเยวียนไม่มีความตั้งใจจะเผชิญหน้ากับแฟนบรรพกาลเป็นการชั่วคราว
เรื่องนั้นต้องรอหลังจากซีรีส์บันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศถ่ายทำเสร็จ
หลังจากจินมู่เจรจากับคลังหนังสือซิลเวอร์บลู ในที่สุดเขาก็เข้าถือหุ้นหนังสือซิลเวอร์บลูได้สำเร็จ!
แม้ว่าเขาจะถือหุ้นเพียงห้าเปอร์เซ็นต์ แต่ก็กลายเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นสิบกว่าคนของหนังสือซิลเวอร์บลู
คนทำงาน มีจิตวิญญาณแห่งการทำงาน การทำงานทำให้เราเป็นยอดคน…
แต่ถ้าสามารถเป็นผู้ถื อหุ้นได้ ใครเล่าจะอยากเป็นคนทำงานให้ผู้อื่น?
ทว่าเรื่องที่ฉู่ขวงเข้าถือหุ้นในหนังสือซิลเวอร์บลูนั้นเป็นไปอย่าเงียบเชียบ ไม่มีใครรู้ว่าสถานะของฉู่ขวงเปลี่ยนไปในชั่วข้ามคืน
กลายเป็นผู้ถือหุ้น สำหรับหลินเยวียนแล้วไม่ได้ส่งผลกระทบใดในชีวิต
โดยพื้นฐานแล้วหุ้นส่วนของบลูสตาร์นั้นไม่ได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ เว้นเสียแต่ว่ามีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น
โดยส่วนใหญ่แล้ว หลินเยวียนเพียงแค่นั่งรอเงินปันผลประจำปีของเขา
นี่คือข้อดีของการเป็นผู้ถือหุ้นแต่ไม่เป็นผู้บริหาร
เรื่องการดำเนินงานของบริษัท ให้ผู้บริหารคลังหนังสือซิลเวอร์บลูเป็นกังวลไปก็แล้วกัน
เพื่อเฉลิมฉลองที่ตนได้เป็นเทพสูงสุด หลินเยวียนจึงมอบวันพักผ่อนให้ตนเองหนึ่งวัน
เขาพักผ่อนที่สตูดิโอเช่นเดิม และสอนหลัวเวยวาดภาพอย่างผ่อนคลายเป็นเวลาสองชั่วโมง
เมื่อเรียนจบ หลัวเวยเอ่ยเตือน “คุณลืมอะไรไปหรือเปล่าคะ”
หลินเยวียนชะงัก “อะไรครับ”
หลัวเวยถอนหายใจอย่างจนใจ “นับว่าฉันเข้าใจว่าทำไมอิ่งจือถึงกลายเป็นเงาจืดจาง คุณจะเริ่มเขียนการ์ตูนเรื่องใหม่เมื่อไหร่คะ”
นับตั้งแต่บันทึกมรณะจบลง อิ่งจือก็ไม่ได้วาดการ์ตูนเรื่องใหม่มาเป็นเวลานาน
ราวกับเขาลืมไปเสียสนิทว่ายังมีตัวตนในฐานะอิ่งจืออยู่
และครั้งล่าสุดที่อิ่งจือทำงาน ก็เพื่อวาดภาพโปรโมตบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศ
“ไม่ว่างครับ”
หลินเยวียนเอ่ยตอบอย่างจริงจัง ด้วยท่าทางของคาวบอยที่งานล้นมือ
อันที่จริง เขาเพียงแค่ขี้เกียจ ช่วงนี้ไม่อยากวาดการ์ตูนเท่านั้นเอง
“เข้าใจแล้วค่ะ”
หลัวเวยพยักหน้า
เธอรู้สึกว่าหลินเยวียนไม่ได้ไม่ว่าง เขาเพียงแค่ไม่มีแรงบันดาลใจ แต่อายที่จะยอมรับ
ศิลปินล้วนเป็นเช่นนี้
หลังจากวาดการ์ตูนเรื่องหนึ่งเสร็จแล้ว จะต้องพักผ่อนสักพักเพื่อขบคิดถึงผลงานใหม่
ในทางกลับกัน เมื่อก่อนหลินเยวียนปล่อยนิยายเรื่องใหม่แต่ติดต่อกัน แต่ละเรื่องเชื่อมต่อกันอย่างราบรื่น ราวกับว่าแรงบันดาลใจของเขาไม่มีวันหมด นั่นเป็นสิ่งที่ผิดปกติ
ดังนั้นเธอจึงไม่ได้เร่งเร้า แต่กลับเข้าอกเข้าใจ
อิ่งจือก็เป็นคน การปล่อยผลงานใหม่จำเป็นต้องมีแรงบันดาลใจและแนวคิดเช่นกัน
“ความรู้สึกของการแอบอู้งานก็ไม่เลวจริงๆ ”
หลินเยวียนนั่งอยู่บนโซฟาในสตูดิโอ ดื่มชาและท่องอินเทอร์เน็ตไปพลาง รู้สึกผ่อนคลายขึ้นเรื่อยๆ
พักผ่อนสักครู่ท่ามกลางชีวิตอันวุ่นวาย
ในขณะนั้นเอง
จินมู่ก็เข้ามา
สีหน้าของจินมู่แลดูเคร่งขรีม “หัวหน้า เห็นข่าวในอินเทอร์เน็ตหรือยังครับ”
“ข่าวอะไร”
“มีคนส่งคำท้าประชันวรรณกรรมถึงคุณ!”
หลินเยวียนนึกสงสัย ‘นักเขียนจากหานโจวเหรอครับ?’
หลังจากทวีปใหม่ผนวกรวม ตราบใดที่คุณมีความเข้าใจเกี่ยวกับแวดวงวัฒนธรรมฉินฉีฉู่เยี่ยน คุณจะได้ยินชื่อของฉู่ขวงอย่างแน่นอน
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ จึงเป็นเรื่องปกติเหลือเกินที่มีคนส่งคำท้าประชันวรรณกรรมมาถึงหลินเยวียน
“ไม่ใช่ครับ”
จินมู่ยิ้มขื่น “นักเขียนนิทานยาวจากเยี่ยนโจว ไป๋เจี๋ย”
ชาวเยี่ยนอีกแล้วหรือ?
หลินเยวียนตกตะลึง
แล้วก็ไป๋เจี๋ย ชื่อนี้ให้ความ รู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด
น่าจะเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนสินะ น่าจะเป็นบุคคลระดับปรมาจารย์
“ทำไมนักเขียนจากเยี่ยนโจวถึงจ้องจะเล่นงานผมไม่ยอมปล่อยแบบนี้ล่ะ”
หลินเยวียนเอ่ย ในการประชันวรรณกรรมแดนนิทานก่อนหน้านี้ ฉู่ขวงทำผลงานได้อย่างงดงาม
ภายหลังเขายังเอาชนะอาจารย์อาหู่ด้วยนิทานขนาดยาวเรื่องซูเค่อกับเป้ยถ่า
นึกไม่ถึงว่าหลังจากพ่ายแพ้ในการประชันวรรณกรรมมาหลายครั้ง เยี่ยนโจวยังคงไม่ยอมจำนน เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขามองว่าฉันเป็นหัวโจกของฝั่งผู้ร้าย?
สมแล้วที่เป็นทวีปแห่งการต่อสู้
แต่ละคนเป็นตัวตึงทั้งนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน