สรุปเนื้อหา ตอนที่ 638 ถ้าไม่โคตรศิลปะ ก็ต้องโคตรบันเทิง – Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน โดย Internet
บท ตอนที่ 638 ถ้าไม่โคตรศิลปะ ก็ต้องโคตรบันเทิง ของ Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน ในหมวดนิยายการเงิน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม!
ผู้เขียนบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม!
ผู้กำกับยอดเยี่ยม!
นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม!
หลังจากดรากอนอวอร์ดสิ้นสุดลง ชาวเน็ตต่างถกเถียงกันอย่างดุเดือดเกี่ยวกับรางวัลใหญ่!
ที่น่าแปลกคือ…
เซี่ยนอวี๋มีส่วนร่วมในประเด็นถกเถียงที่ร้อนแรงนี้เช่นเดียวกัน!
อันที่จริงดรากอนอวอร์ดในปีนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเซี่ยนอวี๋
สไปเดอร์แมนของเขาเพียงแค่เข้าชิงรางวัลระดับกระจิริดอย่างสาขาเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม และผลสุดท้ายไม่ได้คว้ารางวัล ตามหลักแล้วไม่น่าได้รับความสนใจมากนัก นับประสาอะไรกับการกลายเป็นประเด็นพูดคุยในวงกว้าง
แต่ก็เพราะชื่อเสียงของเซี่ยนอวี๋!
ไม่ว่าเรื่องใด ตราบใดที่เกี่ยวโยงถึงเซี่ยนอวี๋ ย่อมได้รับความสนใจ
เพราะฉะนั้น การคว้าน้ำเหลวตลอดหลายปีที่ผ่านมาของเซี่ยนอวี๋จึงกลายเป็นประเด็นถกเถียงของทุกคนเช่นเดียวกัน!
ระหว่างการถ่ายทอดสดพิธีประกาศรางวัล
ประโยคในคอมเมนต์ว่า ‘เรื่องภาพยนตร์ผมขอถอย แต่เรื่องดนตรีผมต่อยหนัก’ กลายเป็นไวรัลในทันที!
นอกจากนั้นยังมีประโยคว่า ‘ฉันจะเล่าเรื่องตลกให้ฟัง ครั้งเดียวที่ภาพยนตร์ของพ่อเพลงอวี๋ได้รางวัล คือสาขาดนตรีประกอบยอดเยี่ยม’ ก็ได้รับการยกย่องจากชาวเน็ตว่าเป็นมุกสุดคลาสสิก!
ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงมุกคำพูดของเซี่ยนอวี๋ซึ่งแฝงความหมายอันลึกซึ้งอย่าง ‘เรื่องเขียนเพลงใครก็สู้ผมไม่ได้ เรื่องผลิตหนังผมสู้ใครไม่ได้เลย’
คอมเมนต์เหล่านี้ที่เกี่ยวข้องกับเซี่ยนอวี๋ ได้แพร่สะพัดอย่างรวดเร็วบนอินเทอร์เน็ต
ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างเล่นมุกตลกนี้
ไม่ทันไร บนโลกออนไลน์จึงเต็มไปด้วยบรรยากาศสนุกสนาน
‘ครั้งเดียวที่ภาพยนตร์ของพ่อเพลงอวี๋ได้รางวัล คือสาขาดนตรีประกอบยอดเยี่ยม แบบนี้ก็ได้ใช่ไหม?’
‘คุ้นเคยกับความไร้เทียมทานของพ่อเพลงอวี๋ในวงการเพลง จู่ๆ มาเห็นพ่อเพลงอวี๋พ่ายแพ้ในวงการภาพยนตร์แบบนี้แล้วรู้สึกว่าน่าสนใจมาก’
‘เพราะงั้นเซี่ยนอวี๋คือนักประพันธ์เพลงที่เก่งที่สุดในหมู่นักเขียนบท แล้วก็เป็นนักเขียนบทที่เก่งที่สุดในหมู่นักประพันธ์เพลง?’
‘เรื่องเขียนเพลงใครก็สู้ผมไม่ได้! เรื่องผลิตหนังผมสู้ใครไม่ได้เลยอะไรนี่ ไม่เสียแรงที่เป็นภาษาราชการ ภาษากลางของบลูสตาร์มีความหมายที่พลิกแพลงและลึกซึ้ง!’
‘เฟ่ยหยาง: เซี่ยนอวี๋คุณก็มีวันนี้เหมือนกันนี่นา!’
‘ขำจนท้องแข็ง ในวงการดนตรีมีแต่คนคว้าน้ำเหลวเพราะเซี่ยนอวี๋ พอมาอยู่ในวงการภาพยนตร์ดันกลับตาลปัตรซะได้’
‘…’
ไม่เพียงชาวเน็ตที่พากันขบขัน
วงการดนตรีในแต่ละทวีปต่างก็หัวเราะลั่นเช่นกัน
คุณคิดว่าวงการภาพยนตร์จะถูกคุณข่มเหงจนขยับตัวไม่ได้เหมือนกับพวกเรางั้นหรือ?
ในวงการดนตรี
ไม่มีใครกำราบเซี่ยนอวี๋ได้
พ่อเพลงก็ไม่ไหว!
ต่อให้หยางจงหมิงเอาชนะเซี่ยนอวี๋ได้ แต่ก็เป็นเพราะการแทรกแซงจากทางการ ดังนั้นจึงไม่นับรวม
ทว่าในวงการภาพยนตร์ กลับมีคนกำราบเซี่ยนอวี๋ได้!
การคว้าน้ำเหลวติดต่อกันในดรากอนอวอร์ดนั้นพิสูจน์ข้อเท็จจริงนี้แล้ว!
แน่นอน
ถึงแม้ทุกคนจะหัวเราะ ทว่าในความจริงแล้วพวกเขาไม่ได้มีเจตนาร้าย
นี่ไม่ใช่การเยาะเย้ย
เป็นเพียงกันเล่นมุกตลกและสัพยอกหยอกเอินเท่านั้น
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ
คนกลุ่มนี้เห็นความเกรียงไกรของเซี่ยนอวี๋ในวงการเพลงมากเกินไป จู่ๆ มาเห็นเขาพลาดพลั้งในวงการภาพยนตร์ จึงรู้สึกแปลกใหม่ก็เท่านั้นเอง
ความแปลกใหม่ในลักษณะนี้ได้มอบความบันเทิงให้กับผู้คนมากมาย
แต่ในขณะนั้นเอง
จู่ๆ สตาร์ไลท์ก็ประกาศข่าวหนึ่งอย่างเป็นทางการ
‘ภาพยนตร์เรื่องใหม่ของเซี่ยนอวี๋ ชีวิตมหัศจรรย์ ทรูแมนโชว์ เตรียมเข้าฉายในวันที่ 10 เดือนนี้ แล้วพบกัน!’
บรรดาชาวเน็ตกำลังพูดคุยกันเกี่ยวกับเซี่ยนอวี๋ ทันใดนั้นก็ตกตะลึงไปชั่วขณะเมื่อเห็นข่าว
หลังจากนั้น
ทุกคนก็หัวเราะกันอย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น
‘ร้อนรน!’
ชายวัยกลางคนของคนนี้คือหลงหยาง ผู้กำกับเรื่องมนุษย์มังกร!
หลงหยางเอ่ยเสียงค่อย “ไม่ใช่ว่าผมชื่นชมหรือไม่ชื่นชมเขา แต่เป็นเพราะเขามีความสามารถที่จะทำได้”
ผู้กำกับสงสัย “ทำไม”
หลงหยางยกยิ้มมุมปาก “สิ่งที่เขาเล่นคือสมดุลทางศิลปะ เมื่อใดที่เขาทำลายสมดุลนั้นได้สำเร็จ การคว้ารางวัลดรากอนอวอร์ดจะไม่ใช่เรื่องยาก เว้นเสียแต่ว่าคณะกรรมการดรากอนอวอร์ดมีอคติกับเขา”
ผู้กำกับสับสน “สมดุล?”
หลงหยางหรี่ตาลง “หลังจากที่มนุษย์มังกรแพ้เซี่ยนอวี๋ ผมก็ศึกษาหนังของเขา หลังจากศึกษาดูแล้วก็พบปรากฏการณ์ที่น่าสนใจอย่างหนึ่ง หนังของเขามีสมดุลระหว่างความเป็นศิลปะและความเป็นเชิงพาณิชย์ ดังนั้นความเป็นศิลปะในหนังของเขาจึงอยู่ในจุดที่กำลังพอดี ขณะเดียวกับความเป็นเชิงพาณิชย์ก็ไม่ได้ทำให้โด่ดเด่นมากเกินไป คุณบอกว่าหนังของเขายอดบ็อกซ์ออฟฟิศสูง แต่ก็เหมือนว่าจะไม่ได้อยู่ในระดับหนังบ็อกซ์ออฟฟิศชั้นนำ คุณบอกว่าหนังของเขามีความเป็นศิลปะมากพอ แต่ต่อให้เป็นเรื่องปากง สุนัขยอดกตัญญูก็พูดได้ไม่เต็มปากว่าเป็นภาพยนตร์เชิงศิลปะล้วนๆ แต่กลับเป็นหนังแนวดราม่า นี่คือเส้นที่ผมแสวงหามาตลอด ถ้าพูดกันในจุดนี้เขาเหนือกว่าผม”
“คุณหมายความว่า?”
ผู้กำกับคล้ายว่าจะเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว
สิ่งที่หลงหยางต้องการจะสื่อนั้นนับว่าชัดเจน
ภาพยนตร์ของเซี่ยนอวี๋แท้จริงแล้วคำนึงถึงรสนิยมของคนจำนวนมาก
ผู้ที่ชื่นชอบภาพยนตร์เชิงศิลปะ เมื่อดูภาพยนตร์ของเซี่ยนอวี๋จะไม่รู้สึกว่ากดดันและเร่งรีบจนเกินไป
ส่วนผู้ที่ชื่นชอบภาพยนตร์เชิงพาณิชย์ เมื่อดูภาพยนตร์ของเซี่ยนอวี๋จะไม่รู้สึกว่าน่าเบื่อเกินไป
เนื่องจากภาพยนตร์ของเขากำลังสร้างสมดุล และดูแลประสบการณ์การรับชมของผู้ชมทั้งสองกลุ่มแทบจะพร้อมกัน
หลงหยางเอ่ยอย่างหนักแน่น “ถ้าเขาสามารถทำลายสมดุลนี้ได้ บางทีอาจทำให้ทุกคนมองเห็นเซี่ยนอวี๋ที่ต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิง”
“เขาจะทำลายได้หรือ จะเสียสมดุลหรือเปล่า?”
“ในปรัชญาการสร้างภาพยนตร์ของผม สมดุลคือศิลปะที่ยากที่สุด แม้แต่สมดุลเขายังทำได้ดีขนาดนี้ ถ้าคิดจะเดินสายสุดโต่งสักหน่อย คุณคิดว่าเขาจะทำออกมาแย่งั้นหรือ?
“ไม่หรอก…แต่จะง่ายแบบที่คุณพูดจริงหรือ?”
“แน่นอนว่าไม่ง่าย”
หลงหยางเลิกคิ้ว
“ส่วนที่ยากที่สุดคือบท บทที่ทำให้ทุกคนตกตะลึงได้น่ะ แต่บทประเภทนี้จำเป็นต้องใช้การเคี่ยวกรำจนเกิดประกายของแรงบันดาลใจ บางทีผ่านไปหลายปีอาจไม่บังเกิดผล เพียงแต่ผมรู้สึกว่าไม่ช้าก็เร็วเขาจะทำได้…แต่ผมก็อาจทำได้ก่อนเขา ไม่แน่นะ?”
“สมแล้วที่เป็นอาจารย์หลงหยาง!”
“พูดไปก็ป่วยการ ถ้าคิดจะชนะใจดรากอนอวอร์ดได้มีสองททาง”
“สองทางไหน”
“ถ้าไม่โคตรศิลปะ ก็ต้องโคตรบันเทิง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอน 837-839 ไม่มีข้อความเลยครับ...