ซ่อมรถเสร็จ
หญิงสาวออกไปก่อน
กู้ตงเตรียมจะออกไป ทันใดนั้นหลินเยวียนก็ได้รับโทรศัพท์จากเหล่าโจว
“ไม่ต้องไปแล้ว ทางฝ่ายหญิงเห มือนว่าจะมีเรื่องด่วนต้องจัดการ วันนี้ไม่มีเวลาไปเจอนาย เรื่องนี้ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ ฉันว่าพวกเขาไปแล้ว ไปเสียเที่ยวเลย นายไม่ต้องโมโหไป ครั้งหน้าค่อยนัดใหม่ ให้เธอมาหานาย!”
“ครับ”
หลินเยวียนไม่ได้รู้สึกอะไร
เขาคิดเสียว่ามานั่งรถเล่น
ทั้งสองกลับไปยังบริษัท
ระหว่างทาง จู่ๆ กู้ตงก็เอ่ยขึ้นมาอย่างสะท้อนใจ
“ผู้หญิงคนเมื่อกี้ดูก็รู้แล้วว่ารวย นึกไม่ถึงว่ายังซ่อมรถได้ด้วย ถ้าเธอไม่เข้ามาช่วย พวกเราคงได้ติดอยู่บนถนน แถมยังสวย สวยกว่าดาราซะอีกค่ะ น่าเสียดายที่ลืมถามว่าบำรุงผิวยังไง…”
หลินเยวียนหลับตาสงบจิตใจ
ต้องพักผ่อนหลังศึกใหญ่
เขารู้สึกว่าทักษะการเจรจาต่อรองของเขาขึ้นสนิม
ต้องรู้ว่าเขาเป็นสุดยอดราชาแห่งการต่อรองในสายตาของเจี่ยนอี้และซย่าฝาน เมื่อก่อนทั้งสามไปซื้อของด้วยกัน ปกติแล้วเขาจะต่อรองราคา ในครั้งนี้เขากลับไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ
หลังจากกลับมายังบริษัท เหล่าโจวไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนัดบอดอีก
ระหว่างอาหารเย็น ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้อีกเช่นเดียวกัน
หลินเยวียนคิดเพียงว่านี่เป็นเพียงเหตุการณ์เล็กๆ ในชีวิต
วันรุ่งขึ้น
หลินเยวียนมาถึงบริษัทอีกครั้ง และเห็นเหล่าโจวพร้อมด้วยคนจากแผนกภาพยนตร์กลุ่มหนึ่งเตรียมตัวออกไปข้างนอก
“ไปด้วยกันไหม”
เหล่าโจวเห็นหลินเยวียน จึงเอ่ยถามอย่างยิ้มแย้ม “ฉันจัดงานประชุมภาพยนตร์เรื่องชีวิตมหัศจรรย์ ทรูแมนโชว์”
หลินเยวียนประหลาดใจ “การประชุมภาพยนตร์ยังไม่เริ่ม? แต่วันเข้าฉายกำหนดแล้วไม่ใช่เหรอครับ?”
เหล่าโจวอธิบาย “หนังของนายมีเครือโรงหนังหลายแห่งยินดีซื้อ เพราะงั้นพวกเขาเลยกำหนดวันเข้าฉาย แต่รายละเอียดยังต้องรอดูคุณภาพของหนังก่อน”
“อ้อ งั้นผมไม่ไป”
การติดต่อตัวแทนจากเครือโรงภาพยนตร์จำเป็นต้องใช้ทักษะในการสื่อสารในระดับหนึ่ง หลินเยวียนไม่เชี่ยวชาญการจัดการสถานการณ์ลักษณะนี้
วิธีรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ของเขานั้นง่ายมาก
เขาทำได้เพียงคลี่ยิ้มตามความคาดหวังของสังคม
“งั้นพวกเราไปก่อนละ”
เหล่าโจวโบกมือ ก่อนจะนำทีมงานแผนกภาพยนตร์ไปยังสถานที่ฉายภาพยนตร์ซึ่งจองไว้ล่วงหน้า
การประชุมภาพยนตร์จัดขึ้นที่โรงภาพยนตร์สือไต้ในเมืองซู
เมื่อเหล่าโจวและทีมงานเดินทางถึง พวกเขาจึงรอต้อนรับตัวแทนจากเครือโรงภาพยนตร์รายใหญ่แต่ละแห่ง
“ตัวแทนจางมาแล้ว!”
“ตัวแทนหวังเชิญครับ!”
“ตัวแทนหลี่ไม่พบกันนานเลยนะคะ!”
“…”
ภาพยนตร์คือศิลปะแห่งการแบ่งงาน นักเขียน ผู้กำกับ และนักแสดงไม่เพียงแต่ทำหน้าที่ของตัวเองเท่านั้น แต่หลังจากถ่ายทำเสร็จ เหล่าโจวและคนอื่นๆ ก็มีภารกิจจัดการประชุมชมภาพยนตร์เช่นกัน
หลังจากการประชุมภาพยนตร์จบลง
สำหรับตารางเข้าฉาย และส่วนแบ่งจากเครือโรงภาพยนตร์ เหล่าโจวจำเป็นต้องเจรจาต่อรองกับตัวแทนเครือโรงภาพยนตร์อีกรอบ
ท่ามกลางฝูงชน
เยี่ยหงอวี๋จากเครือโรงภาพยนตร์ต้าตี้ก็มาเช่นกัน
นี่เป็นครั้งที่สองที่เยี่ยหงอวี๋เข้าร่วมการประชุมภาพยนตร์ของเซี่ยนอวี๋
ครั้งก่อนเธอก็เข้าร่วมการประชุมภาพยนตร์เรื่องปากง สุนัขยอดกตัญญู
ปรากฏว่าในครั้งนั้น เยี่ยหงอวี๋ซึ่งได้ชื่อว่าสตรีเหล็กเป็นต้องเสียน้ำตา
ในครั้งนี้เยี่ยหงอวี๋มาอย่างเงียบเชียบ เอ่ยทักทายเหล่าโจวอย่างเรียบง่าย และตรงเข้าไปยังห้องฉายภายยนตร์
ผู้ที่มาพร้อมกับเยี่ยหงอวี๋คือนักวิเคราะห์การตลาดจากเครือโรงภาพยนตร์ต้าตี้ ชื่อว่าพานเหล่ย
สิ่งที่เรียกว่าวิเคราะห์การตลาดก็คือการประเมินยอดบ็อกออฟฟิศของภาพยนตร์
อันที่จริงนี่คืองานของเครือโรงภาพยนตร์ ทว่าในบางครั้งตัวแทนเครือโรงภาพยนตร์จะนำนักวิเคราะห์มืออาชีพมาด้วย
เนื่องจากนักวิเคราะห์มืออาชีพในลักษณะนี้มักตัดสินมูลค่าของภาพยนตร์ได้แม่นยำกว่า
……
หลังจากนั่งในโรงฉายภาพยนตร์แล้ว
พานเหล่ยเอ่ยแซว “หงอวี๋วันนี้ไม่พกทิชชูมาด้วยหรือ?”
ในฐานะสตรีเหล็กเครือโรงภาพยนตร์ เยี่ยหงอวี๋ขึ้นชื่อว่าไม่มีวันสะเทือนอารมณ์ไม่ว่าจะดูภาพยนตร์ประเภทใด
ปากง แต่ครั้งก่อนเมื่อดูสุนัขยอดกตัญญู เยี่ยหงอวี๋กลับต่อมน้ำตาแตกซะได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน