Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 698

ตอนที่ 698 เขาบอกว่าไม่ยอมรับคำขอโทษ

ปู้ลั่วการ์ตูน

ในห้องประชุม

หลิงคงหัวหน้าคนใหม่กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ปัจจุบันนี้ปู้ลั่วการ์ตูนเป็นเว็บไซต์ที่มีอันดับสูงสุดในอุตสาหกรรมการ์ตูน แต่ผมไม่ต้องการให้ทุกคนหย่อนยานเพราะเรื่องนี้ ในแผนกยังมีช่องโหว่อีกมากให้ปรับปรุง ปัญหาที่ผมอยากพูดถึงในวันนี้คือ สัญญาที่บริษัทมอบให้นักเขียนแนวหน้านั้นใจกว้างเกินไป แน่นอนว่าผมไม่ได้บอกว่าหัวหน้าคนก่อนทำได้ไม่ดี ในทางกลับกัน เธอทำได้ดีมาก ใช้เงื่อนไขที่เปิดกว้างเพื่อดึงดูดนักเขียนการ์ตูนฝีมือดีกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์มายังเว็บไซต์ของเรา ซึ่งทำให้เว็บไซต์ของเราเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อเว็บไซต์ของเราเติบโตขึ้น ก็สามารถมอบเงื่อนไขทางทรัพยากรที่ดียิ่งขึ้นให้กับนักเขียนได้ หมายความว่าพวกเขาต้องทุ่มเทมากขึ้นใช่หรือไม่ จุดนี้ผมคิดว่าหัวหน้าคนก่อนทำไว้ได้ไม่ดี สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการทำธุรกิจไม่ใช่มนุษยสัมพันธ์ และไม่มีบริษัทใดที่จะยั่งยืนและดำรงต่อไปได้ด้วยมนุษยสัมพันธ์เพียงอย่างเดียวหรอกครับ”

ด้านล่างไม่มีใครพูดอะไร

หัวหน้าคนใหม่ได้ดำเนินการปฏิรูประบบของบริษัททันทีที่รับตำแหน่ง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มของการ ‘กวาดล้างหานจี้เหม่ย’ ที่ชัดเจน

นี่เป็นเรื่องที่ปกติมาก

หัวหน้างานคนใหม่ไม่ชอบให้ใครบอกว่าตนมาเก็บเกี่ยวผลจากสิ่งที่ผู้อื่นปลูกไว้ก่อนหน้า

เขารีบร้อนอยากปรับปรุงเว็บไซต์ให้ดีขึ้น เพื่อพิสูจน์ว่าเขาเหมาะสมที่จะนั่งในตำแหน่งนี้มากกว่าหานจี้เหม่ย

หลังจากกล่าวเปิดประชุม

หลิงคงมองไปยังรองบรรณาธิการบริหาร “การเจรจากับอิ่งจือเป็นอย่างไรบ้าง”

รองบรรณาธิการบริหารเผยสีหน้าลำบากใจ “พวกเขาไม่ยินดีตัดจบเรื่องคินดะอิจิกับฆาตกรรมปริศนาครับ”

หลิงคงขมวดคิ้ว “คุณไม่ได้พูดเรื่องนี้ให้ชัดเจนหรือ ผมสามารถมอบสัญญาที่ดีที่สุดให้พวกเขา แต่ผลงานของอิ่งจือในตอนนี้ไม่คู่ควรกับผลประโยชน์นี้ ผมต้องการให้เขายกระดับมูลค่าของผลงานให้สูงขึ้น เพื่อพิสูจน์ว่าการยอมโอนอ่อนในสัญญาของเขานั้นคุ้มค่ากับบริษัท”

“ผมพูดชัดแล้ว…”

รองบรรณาธิการบริหารยิ้มขมขื่น “แต่อาจารย์อิ่งจือไม่ฟังบริษัทเราหรอกครับ…หัวหน้าหาน…แค่ก หานจี้เหม่ยก็เคยบอกไว้ว่าปู้ลั่วการ์ตูนจะมอบอิสระในการสร้างสรรค์ผลงานที่มากที่สุดให้กับอิ่งจือ…”

“ผมเกลียดเวลาคนใต้บังคับบัญชาไม่เชื่อฟังที่สุด ตอนนี้พวกคุณเข้าใจแล้วใช่ไหม?”

หลิงคงกวาดสายตาไปยังมองผู้คน “หัวหน้าคนก่อนตามใจนักเขียนการ์ตูนจนเสียคน โดยเฉพาะนักเขียนการ์ตูนระดับแนวหน้า ถ้าอิ่งจืออยากวาดต่อย่อมทำได้ แต่การโปรโมตจะลดลง จนกระทั่งเขาตระหนักได้ถึงผลงานของตัวเอง และละอายต่อผลประโยชน์ที่เขาได้รับ ผมเชื่อว่าพวกคุณกระจ่างในแนวคิดของผมดี คำวิจารณ์ไม่ได้เป็นประโยชน์กับยอดขาย หลังจากนี้นี่จะเป็นแนวคิดของเว็บไซต์เราเช่นเดียวกัน”

“คือว่า…”

รองบรรณาธิการบริหารเอ่ยขึ้น “แต่อิ่งจือรับปากว่าจะเปิดการ์ตูนเรื่องใหม่”

“เปิดสองเรื่องควบ”

บรรณาธิการคนอื่นๆ เผยสีหน้าประหลาดใจ

บรรณาธิการคนหนึ่งในนั้นมีสีหน้าลังเลเล็กน้อย กล่าวว่า

“อาจารย์อิ่งจือสามารถตัดสินใจเปิดสองเรื่องควบ หมายความว่าถึงแม้เขาจะไม่ทำตามคำขอของคุณ แต่ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ยอมถอยหนึ่งก้าว การ์ตูนสามเรื่องก่อนหน้านี้ อาจารย์อิ่งจือไม่เคยยอมถอยให้บริษัท…”

หลายคนรอบข้างต่างพยักหน้า

หลายคนที่นั่งอยู่ในที่นี้เป็นบรรณาธิการเก่าจากยุคของหานจี้เหม่ย

บรรณาธิการเก่าต่างรู้ดีว่ายามที่อิ่งจือเจรจากับปู้ลั่วการ์ตูนนั้น ท่าทีของเขาค่อนข้างแข็งกร้าว

เมื่อจิตวิญญาณสือจี่เปิดตัวในตอนนั้น หานจี้เหม่ยเคยบอกให้อิ่งจือเปลี่ยนใจ เพราะตลาดการ์ตูนแนวอาหารไม่ค่อยดีนัก

ทว่าอิ่งจือกลับไม่สนใจเลยสักนิด

ครั้งนี้อิ่งจือยอมเปิดสองเรื่อง จึงสามารถเข้าใจได้ว่าเป็นการยอมถอยหนึ่งก้าว ซึ่งนับว่าหาได้ยากแล้ว

“เปิดสองเรื่องควบหรือ?”

สีหน้าของหลิงคงอ่อนลงเล็กน้อย “เห็นทีเขายังนับว่ารู้เรื่องรู้ราว ถ้าเป็นแบบนี้ก็ได้ นักเขียนการ์ตูนพวกนี้เหมือนกับพวกนักวิชาการจอมปลอมมาก เรื่องกลัวเสียหน้าผมเข้าใจได้ ผมเองก็ไว้หน้าพวกเขาได้ ถ้าของพรรค์นี้ทำให้พวกเขามีเงินซื้อข้าวกิน…แล้วผลงานเรื่องใหม่เป็นแนวไหนล่ะ”

“สืบสวนสอบสวน…”

รองบรรณาธิการบริหารตอบเสียงเบา

“อะไรนะ”

หลิงคงคิดว่าตนฟังผิดไป

“สืบสวนสอบสวน…”

เสียงรองบรรณาธิการบริหารยิ่งเบาลง ประหนึ่งเป็นเพียงยุงตัวหนึ่ง ทว่าทั้งห้องประชุมกลับได้ยินอย่างชัดเจน

พรึบๆๆ !

สีหน้าของทุกคนก็แปลกประหลาดไปทันที

หนังตาของหลิงคงกระตุกตุบๆ

ล้อเล่นหรือเปล่า?

เขียนแนวสืบสวนสอบสวนต่อเนี่ยนะ

ใครไม่รู้บ้างว่าคินดะอิจิกับฆาตกรรมปริศนาทำผลงานได้ไม่ดี ก็เพราะคำว่า ‘สืบสวนสอบสวน’ นี่แหละ?

ของพรรค์นี้เฉพาะกลุ่มเกินไป!

แต่ผลงานเรื่องใหม่ของเขายังพัวพันกับแนวสืบสวนสอบสวน ราวกับต้องการพิสูจน์ตัวเองด้วยผลงานสืบสวนสอบสวน หัวรั้นไม่มีใครเกิน!

“ผมว่าอิงจือทำแบบนี้เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เขาฝีมือดีมาก ที่ยังวาดแนวสืบสวนสอบสวนต่อไปก็เพราะเขาตกผลึกบทเรียนจากคินดะอิจิกับฆาตกรรมปริศนามาแล้ว”

หัวหน้าบรรณาธิการซึ่งก่อนหน้านี้ก่อนหน้านี้บอกว่าอิ่งจือถอยให้บริษัทกัดฟันเอ่ยขึ้นอย่าง

“หุบปาก!”

หลิงคงตัดบทอีกฝ่ายอย่างเย็นชา “ถ้าไม่เปลี่ยนแนวก็ลดระดับสัญญา แล้วก็…เอาเถอะ ครั้งนี้ผมจะคุยกับเขาด้วยตัวเอง!”

“แต่ว่า…”

“อย่าให้ผมต้องพูดเป็นครั้งที่สอง!”

หลิงคงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “พวกคุณเรียกแบบนี้ว่าถอยให้หรือ นี่เป็นการยั่วยุต่างหาก เขาไม่ได้กำลังแก้ปัญหา แต่กำลังเดินไปไกลขึ้นเรื่อยๆ บนเส้นทางของปัญหาต่างหากล่ะ!”

ไม่มีใครกล้าเอื้อนเอ่ยวาจา

ท่ามกลางความคลุมเครือ ทุกคนได้ยินหลิงคงตวาดว่า “บ้าไปแล้ว”

ในห้องประชุมเงียบลงเรื่อยๆ

หัวหน้าคนใหม่และคนเก่าของปู้ลั่วการ์ตูนมีสไตล์ของความเป็นผู้นำที่ต่างกันสุดขั้ว

หานจี้เหม่ยเป็นคนอ่อนโยน ให้ความสำคัญกับมนุษยสัมพันธ์ เข้ากับนักเขียนการ์ตูนได้ดี

ข้อเสียคือบางครั้งให้ความสำคัญกับมนุษยสัมพันธ์มากเกินไป และมอบสิทธิ์ประโยชน์ให้กับนักเขียนการ์ตูนมากเกินมาตรฐานในอุตสาหกรรม

ส่วนหลิงคงมุ่งเน้นเพียงผลประโยชน์ ให้ความสำคัญกับกฎระเบียบ

เขาร่วมงานกับนักวาดการ์ตูนในเชิงธุรกิจเพียงอย่างเดียว ไม่มีทางพูดเรื่องมนุษยสัมพันธ์

ในความเป็นจริง

ก่อนที่หลิงคงจะเข้ามารับตำแหน่งแทนที่หานจี้เหม่ย ผลงานของแผนกที่เขารับผิดชอบนั้นทำได้ดีมาก

ใช่ว่าเขาเป็นพวกไร้ความสามารถ และใช้เส้นสายในบริษัทจนได้เข้ามาแทนที่หานจี้เหม่ย

แต่ถ้าถามว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับเขาน่ะหรือ?

ทั่วทั้งบริษัทต่างรู้ว่า เขาเป็นคนที่ทำทุกวิถีทางเพื่อเป้าหมาย หานจี้เหม่ยออกจากตำแหน่งก็ด้วยเหตุนี้

แน่นอน

ยังมีเหตุผลที่ใหญ่กว่านั้น

……

ในสตูดิโอของอิ่งจือ

หลัวเวยมองไปยังกลุ่มผู้ช่วย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน