Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 72

สรุปบท ตอนที่ 72 ฟ้อง: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

ตอนที่ 72 ฟ้อง – ตอนที่ต้องอ่านของ Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

ตอนนี้ของ Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายการเงินทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 72 ฟ้อง จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตอนที่ 72 ฟ้อง

รองประธานชมรมจิตรกรรมมีชื่อว่าเสิ่นเลี่ยง โดยปกติแล้วจะวาดภาพอยู่ที่ห้องข้างๆ บางครั้งวาดจนเหนื่อยแล้วก็จะออกมาเดินข้างนอก แต่ครั้งนี้ออกมาแล้วกลับเห็นคนโขยงหนึ่งยืนล้อมวงกันอยู่

สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งในชมรมจิตรกรรม

ขอเพียงมีคนฝีมือขั้นเทพนั่งวาดภาพในโถงใหญ่ รอบข้างก็มักจะมีสมาชิกจำนวนมากมามุงดู ด้วยหวังว่าการสังเกตการณ์อยู่ใกล้ๆ จะทำให้เรียนรู้สกิลเพิ่มได้บ้าง ทว่าปัญหาก็คือวันนี้ชมรมจิตรกรรมไม่มีพวกขั้นเทพเข้ามา แล้วเจ้าพวกนี้มามุงกันทำไม

เขาจึงเดินเข้าไป

ฝูงชนโดยรอบเปิดทางให้

เสิ่นเลี่ยงมองปราดเดียวก็เห็นผลงานของหลินเยวียน ทำตาโตจ้องมองอยู่ชั่วขณะหนึ่ง จนกระทั่งมองเห็นหลินเยวียนก็นึกขึ้นมาได้ว่านี่มันเด็กใหม่ที่ตนบอกให้ไปทำความสะอาดไม่ใช่หรือ

ฝีมือระดับนี้ เป็นเด็กใหม่

แถมยังบอกว่าเพิ่งได้เรียนจิตรกรรมในปีนี้?

ในใจของเสิ่นเลี่ยงรู้สึกถึงเพียงความตื่นตะลึง แทบไม่อยากเชื่อว่าหลินเยวียนเพิ่งจะฝึกวาดรูป เพราะฝีมือที่แสดงให้เห็นในภาพสเก็ตช์แผ่นนี้เรียกได้ว่าอยู่ระดับสุดยอดของทั้งชมรมจิตรกรรมซะด้วยซ้ำ!

แต่ว่าเรื่องนี้ก็ไม่ได้สำหลักสำคัญอะไร

ที่สำคัญก็คือชมรมจิตรกรรมได้เทพด้านการสเก็ตช์เพิ่มมาอีกหนึ่งคน

เขาสาวเท้าเข้าไปทันที ยื่นมือขวาออกไปหาหลินเยวียน “เสิ่นเลี่ยงรองประธานชมรม ฉันเป็นตัวแทนของชมรมมาต้อนรับนาย!”

“สวัสดีครับ ผมหลินเยวียน”

หลินเยวียนจับมือกับอีกฝ่าย

เสิ่นเลี่ยงมองไปรอบๆ “พวกนายกลับไปทำงานทำการของตัวเองได้แล้ว”

ผู้คนโดยรอบมองไปยังผลงานของหลินเยวียนอีกครั้ง แล้วถึงเดินจากไปอย่างตัดใจไม่ลง เหลือเพียงจงอวี๋ที่ไม่ได้ไป

“ทำไมนายยังอยู่ที่นี่อีก”

จงอวี๋ตอบเสียงเบา “นี่เป็นที่ของผม”

เสิ่นเลี่ยงฟังเช่นชั้นก็ไม่ได้สนใจเขาอีก เพียงแค่หันไปยิ้มให้หลินเยวียน “ภาพสเก็ตช์ของนายดีมาก หลังจากนี้ถ้าอยากวาดรูปเงียบๆ ก็ไปใช้ห้องข้างๆ นี้ได้นะ”

ห้องด้านข้างเป็นห้องซึ่งเตรียมไว้ให้สำหรับขั้นเทพของชมรมจิตรกรรม

พื้นที่ไม่ใหญ่นัก แต่ด้วยจำนวนเหล่าขั้นเทพที่มีจำนวนไม่มาก ก็เพียงพอให้ใช้สบายๆ ที่สำคัญก็คือสามารถหลีกเลี่ยงการถูกไทยมุงได้

“ไม่ต้องหรอกครับ”

หลินเยวียนปฏิเสธ ก่อนจะมองจงอวี๋ “คิดคุณชั่วโมงเดียวก็แล้วกัน”

จงอวี๋พูดขึ้นทันที “ท่านเทพ แอดเพื่อนกันก่อน ฉันจะโอนเงินให้”

“ครับ”

หลินเยวียนแอดช่องทางการติดต่อกับอีกฝ่าย จากนั้นก็ได้รับเงินโอนมาสามร้อยหยวน

“สามร้อย?”

“ท่านเทพไม่ต้องเกรงใจ”

“ครับ”

หลินเยวียนพยักหน้า

เสิ่นเลี่ยงซึ่งอยู่ด้านข้างตะลึงงัน “นี่คือ?”

จงอวี๋จึงเอ่ยปากอธิบาย “ฉันขอให้ท่านเทพสอนสเก็ตช์ภาพ ชั่วโมงละสองร้อยหยวน”

เสิ่นเลี่ยง “…”

ชมรมจิตรกรรมเกิดปรากฏการณ์นี้ขึ้นเป็นครั้งแรก ตามหลักแล้วเขาก็ควรจะตำหนิ แต่ก็กลัวหลินเยวียนจะไม่พอใจ ทำได้เพียงรับรู้ ชมรมจิตรกรรมมีขั้นเทพเพิ่มขึ้นมาอีกคนไม่ใช่เรื่องง่าย

“ชั่วโมงละสองร้อย?”

สมาชิกชมรมโดยรอบคอยเงี่ยหูฟังอยู่ เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที “ท่านเทพสอนฉันด้วยสิ เดี๋ยวฉันจ่ายค่าเรียนให้!”

“ครั้งหน้านะ”

ถึงแม้หลินเยวียนจะอยากหาเงินต่อ แต่ช่วงบ่ายเขามีเรียน ไม่มีเวลามากนัก

“ขอคุยด้วยหน่อยได้มั้ย” เสิ่นเลี่ยงถาม

หลินเยวียนตอบตกลง

ทั้งสองเดินไปที่ห้องภาพวาดด้านข้าง

ในห้องนี้ไม่มีคน มีแค่ขาตั้งวาดภาพตั้งอยู่หลายอัน

บนขาตั้งยังมีผลงานที่ยังไม่เสร็จดีวางอยู่ ทั้งภาพสเก็ตช์ สีน้ำ สีกวอช หรือแม้แต่สีน้ำมันและภาพเขียนหมึกโบราณ

เสิ่นเลี่ยงถาม “เอาผลงานที่นายวาดเมื่อกี้มาแขวนโชว์บนผนังได้มั้ย”

“ได้ครับ”

หลังจากหลินเยวียนรับปาก ก็ตรงดิ่งเข้าสู่ประเด็นหลักทันที “ได้ยินว่าชมรมจิตรกรรมมีนิทรรศการ ผมเข้าร่วมได้มั้ยครับ”

“ฝีมืออย่างนายเข้าร่วมได้อยู่แล้ว”

เสิ่นเลี่ยงพอจะเดาเหตุผลที่หลินเยวียนเข้าชมรมจิตรกรรมได้แล้ว “เดี๋ยวครั้งหน้าชมรมจิตรกรรมมีนิทรรศการกับหน่วยงานข้างนอก ฉันจะแจ้งนายไปล่วงหน้า”

……

หลังจากแอดเพื่อนกับเสิ่นเลี่ยงเป็นที่เรียบร้อย หลินเยวียนก็เตรียมตัวไปเข้าเรียนแล้ว ในตอนนั้นเขาเอ่ยเรียก

ระบบ เพื่อดูสถิติ

[ชื่อ: หลินเยวียน]

จงอวี๋ตอบรับด้วยความยินดี

ดังนั้นหลินเยวียนจึงนั่งลง สอนจงอวี๋สเก็ตช์ภาพ

ครั้งนี้จงอวี๋รับผิดชอบการวาด ส่วนหลินเยวียนรับหน้าที่คอยแนะนำ

จงอวี๋นับว่ามีฝีมือ เขาเพียงแต่ขาดทิศทางในการพัฒนา

หลินเยวียนใช้สายตาของจิตรกรมืออาชีพผู้เชี่ยวชาญการสเก็ตช์ภาพมอง ย่อมมองข้อบกพร่องออกในปราดเดียว

ฉะนั้นหลินเยวียนจึงเริ่มจับมือสอนเขา

“ขอบคุณนะท่านเทพ”

ผ่านไปสองชั่วโมง การเรียนการสอนจึงจบลง หลินเยวียนต้องกลับไปพักแล้ว

จงอวี๋ยิ้มเอ่ย “สี่ร้อยหยวนโอนไปแล้ว”

หลินเยวียนพยักหน้า

เขาชื่นชอบท่าทีของอีกฝ่าย

ต่อจากนั้นอีกหลายวัน เมื่อเขามีเวลาว่าง ก็จะไปเก็บเกี่ยวค่าความโด่งดังจากชมรมจิตรกรรม และทุกครั้งที่ไปก็จะได้รับค่าเรียนกลับมาตลอด

จงอวี๋แลดูน่าจะมีเงิน ดังนั้นจำนวนครั้งที่เขามาหาหลินเยวียนจึงมากที่สุด

บางครั้งจงอวี๋ไม่อยู่ หลินเยวียนก็จะสอนสมาชิกในชมรมคนอื่นๆ

คนในชมรมที่ยินดีจะจ่ายเงินเรียนสเก็ตช์ภาพกับหลินเยวียนนั้นไม่ได้มีจงอวี๋แค่คนเดียว

แน่นอนว่ามาตรฐานค่าเรียนของสมาชิกในชมรมทุกคนล้วนเหมือนกัน หลินเยวียนปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน สอนชั่วโมงละสองร้อยหยวน

เป็นแบบนั้นแหละ

ไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ ชื่อเสียงของหลินเยวียนก็ระบือไกลไปทั้งชมรม!

ทั้งชมรมรู้แล้วว่าในชมรมมีเทพด้านการสเก็ตช์ภาพซึ่งมีความสามารถอันน่าสะพรึงกลัวปรากฏขึ้น!

แต่ถึงอย่างนั้น ขณะที่ชื่อเสียงของหลินเยวียนแพร่สะพัดไป การกระทำของเขาก็กลายเป็นที่ถกเถียงกัน

มีคนคิดว่าหลินเยวียนหน้าเงินเกินไป

ขั้นเทพในชมรมก็ชี้แนะสมาชิกในชมรมเรื่องการวาดภาพเป็นครั้งคราว แต่ก็ไม่ได้เรียกร้องค่าตอบแทน

เมื่อเทียบกันแล้ว พฤติกรรมการรับเงินของหลินเยวียนนั้นไม่เหมาะสมเอาเสียเลย

ท้ายที่สุดก็มีคนทนดูไม่ได้อีกต่อไป

บางคนรวมกลุ่มกัน วิ่งแจ้นไปฟ้องประธานชมรม…

……………………………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน