ตอนที่ 76 สวัสดิการของบอสใหญ่
หลินเยวียนนึกไม่ถึงว่าระบบจะถึงกับใส่บัฟมาให้เขาด้วย
แล้วก็ไม่ใช่ภารกิจแต่อย่างใด แต่ยังไงก็เป็นการอวยพรให้ตน ก็คล้ายกับพวกเกมปลูกผักอะไรทำนองนั้น
“งั้นต่อไปฉันก็จะสอนเก่งกว่าครูเหรอ” หลินเยวียนคิดแบบนั้น
ก่อนหน้านี้เขาสอนนักเรียนแล้วได้ผลลัพธ์ดีเยี่ยมขนาดนั้น ล้วนเป็นเพราะฝีมือของตนเองสูงมากพอทั้งนั้น แถมยังสอนตัวต่อตัวอีก
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว
เมื่อมีประสิทธิผลของ ‘อาจารย์’ นักเรียนที่เรียนกับตนก็มีความสามารถในการเรียนรู้เพิ่มมากขึ้น ก็จะเรียนได้ง่ายขึ้น!
ความสามารถในการเรียนรู้ที่เพิ่มขึ้นสองเท่า สรุปแล้วเป็นยังไงกันแน่นะ
หลินเยวียนตัดสินใจทดสอบ เขามองไปที่จงอวี๋ “วันนี้ผมจะสอนอีกคนหนึ่ง”
จงอวี๋ชะงักไป “นายไม่พักเหรอ”
“อื้ม”
“งั้นก็ได้ คนต่อไปคือเฉินรุ่ย วันนี้เฉินรุ่ยอยู่มั้ย”
“อยู่ครับ!”
เฉินรุ่ยรีบยกมือขึ้น ชั่วขณะนั้นก็พลันตื่นเต้นดีใจ
เมื่อสัปดาห์ก่อนเขานัดหมายคาบติวกับหลินเยวียนไว้
เดิมทีคิดว่าพรุ่งนี้จึงจะถึงคิวของตน นึกไม่ถึงว่าวันนี้ท่านเทพหลินเยวียนจะถึงกับยอมสอนต่ออีกคน!
“เริ่มเลยนะครับ”
หลินเยวียนบอก “คุณคัดลอกภาพนี้ก่อน ระหว่างนั้นมีตรงไหนผิดพลาด ผมจะช่วยแก้ให้ครับ”
ในตอนนี้หลินเยวียนพอจะมีประสบการณ์ในการสอนบ้างแล้ว
เขาชอบให้นักเรียนวาดภาพต่อหน้าเขา ระหว่างกระบวนการวาด นักเรียนก็จะเผยข้อผิดพลาดของตนออกมาให้เห็น
ในตอนนี้หลินเยวียนบอกให้หยุดได้ จากนั้นก็ทำการแนะนำและชี้จุดบกพร่อง
วันนี้ก็เหมือนกัน
เฉินรุ่ยเผยความผิดพลาดแรกออกมาอย่างรวดเร็ว เขาควบคุมแรงยามที่วาดเส้นตรงได้ไม่ดี
หลินเยวียนอธิบาย “เส้นตรงต้องควบคุมความมั่นคงของมือให้ดี จากนั้นใช้ปลายข้าง ปลายแบนหรือว่าตรงกลางของดินสอ ก็วาดเส้นที่มีระยะเท่ากันได้…”
เฉินรุ่ย “…”
เฉินรุ่ยจัดอยู่ในกลุ่มนักเรียนที่ค่อนข้างอ่อน ตอนนี้เขารู้สึกว่าทฤษฎีที่หลินเยวียนพูด ในหนังสือก็มี อาจารย์เน้นย้ำวิธีสเก็ตช์ที่ถูกต้องไว้เป็นหมื่นครั้ง แต่ตนไม่ค่อยเข้าใจจะให้ทำอย่างไรล่ะ
ช่วยไม่ได้ เขาได้เพียงทำตามที่หลินเยวียนบอก
ครั้งแรก ครั้งที่สอง ครั้งที่สาม แรกเริ่มเดิมทีก็ไม่ได้คาดหวัง เพียงแต่อยากให้หลินเยวียนเข้าใจว่าตนเป็นนักศึกษาคณะวิจิตรศิลป์ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มที่พื้นฐานการสเก็ตช์อ่อนที่สุด
ทว่าวาดไปเรื่อยๆ เฉินรุ่ยก็พลันเกิดความรู้สึกอัศจรรย์อย่างหนึ่งขึ้นมา “เหมือนฉันจะเข้าใจนะ”
แกร็กๆๆ
มือของเขาขยับ เส้นตรงหลายเส้นเรียงต่อกัน น้ำหนักกำลังพอดี
ผลลัพธ์นี้เกินกว่าที่เฉินรุ่ยจินตนาการไว้ ในตอนนั้น เขาถึงกับเกิดมโนภาพขึ้นมาว่าตนเองเริ่มเป็นอัจฉริยะด้านการสเก็ตช์ภาพ
เกิดอะไรขึ้น
ฉันเข้าใจแล้วเหรอเนี่ย
อาจารย์อธิบายตั้งหลายรอบฉันไม่ยักเข้าใจ ทำไมหลินเยวียนพูดรอบเดียวฉันก็เข้าใจเลย ทั้งที่เนื้อหาที่พวกเขาพูดก็คล้ายกันแท้ๆ
ออกจะน่าประหลาดใจอยู่บ้าง
เฉินรุ่ยเริ่มรวบรวมสมาธิ เรียนกับหลินเยวียนต่อไป
เรียนแบบนี้มาครึ่งชั่วโมง เฉินรุ่ยมองดูแววตาของหลินเยวียน เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง!
แม่เจ้าโว้ย!
ครูดัง[1]นี่หว่า!
จนถึงตอนนี้หลินเยวียนสอนเขามาแล้วครึ่งชั่วโมง
การเรียนเป็นเวลาครึ่งชั่วโมงนี้ เฉินรุ่ยรู้สึกว่าสมองของตนแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ หลายอย่างที่ก่อนหน้านี้ไม่เข้าใจ
หลินเยวียนพูดครั้งเดียวก็กระจ่างแล้ว
ตนเองฉลาดขึ้นมาแล้วใช่มั้ยนะ
หรือว่าฉันกลายเป็นอัจฉริยะแล้วจริงๆ
เป็นไปไม่ได้ ฉันไม่ได้มีพรสวรรค์ด้านการสเก็ตช์สักหน่อย
เฉินรุ่ยค่อยๆ ตระหนักขึ้นได้ว่า ก่อนหน้านี้ที่ตนดูเหมือนฉลาดขึ้นมาเล็กน้อย ก็ล้วนเป็นเพราะท่านเทพหลินเยวียนสอนดี การสอนตั้งแต่พื้นฐานไปถึงลึกซึ้งของเขา ทำให้ฉันเข้าใจกระบวนการคิดของตนเอง ทำให้ฉันเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าอะไรคือการสเก็ตช์ภาพ!
ชั่วขณะนั้นเฉินรุ่ยก็รู้ว่าทำไมอาจารย์ถึงแนะนำให้ตนมาชมรมจิตรกรรม จ่ายเงินให้เทพท่านนี้สอน!
เจ๋งเป้ง!
โคตรจะเจ๋งเป้ง!
ก่อนหน้านี้ตนยังคิดว่าเรียนชั่วโมงละห้าร้อยหยวนแพงไปหน่อย
หลินเยวียนดูท่าแล้วน่าจะอายุน้อยกว่าตนซะอีก เอาอะไรมาเก็บค่าเรียนแพงขนาดนี้
ทว่าในตอนนี้เฉินรุ่ยเชื่อสนิทใจแล้ว แถมเขายังรู้สึกด้วยว่าชั่วโมงละห้าร้อยหยวน เป็นตนนี่แหละที่ได้กำไร หลินเยวียนไม่เพียงฝีมือการสเก็ตช์สูงส่ง ความสามารถในการสอนคนอื่นสเก็ตช์ภาพยังแข็งแกร่งสุดยอดอีกด้วย!
……
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน