ตอนที่ 75 บัฟอาจารย์[1]
เว่ยหลงสูดลมหายใจเข้าลึก อ่านทวนเรื่องวาระสุดท้ายของเสมียนรัฐตั้งแต่ต้นจนจบอีกครั้ง
อ่านจบรอบที่สอง
สีหน้าของเว่ยหลงซับซ้อนขึ้นมา ปากพึมพำว่า
“อัจฉริยะ”
ตนประเมินฉู่ขวงต่ำไปจริงๆ
นี่มันไม่ใช่นิยายขนาดมินิที่ทำให้คนอ่านแล้วกลั้นขำไว้ไม่อยู่
ในทุกคำของฉู่ขวงดูคล้ายกับว่าจะสอดแทรกอารมณ์ขันชวนผ่อนคลาย แต่ความจริงแล้วกลับเต็มไปด้วยความเผ็ดร้อนขั้นสุด
เสียดสี!
คนผู้น้อยล่วงเกินผู้ใหญ่โดยไม่ตั้งใจ ต่อให้ผู้ใหญ่จะแสดงออกว่าเข้าอกเข้าใจ ผู้น้อยกลับยากที่จะหลีกหนีความรู้สึกหวั่นผวาและตื่นตระหนกอยู่ตลอดเวลา เพราะผู้ใหญ่มีความสามารถเช่นนี้ ก็ย่อมลิขิตชะตาชีวิตของผู้น้อยรอบตัวได้อย่างง่ายดาย
นี่คือความทุกข์ตรมของคนที่อยู่ในสถานะผู้น้อย
ฉู่ขวงไม่ได้บรรยายฉากของเรื่องไว้แน่ชัด
แต่ถึงอย่างนั้นก็เห็นได้ว่าเป็นยุคสมัยซึ่งนายพลสามารถควบคุมความเป็นความตายของข้าราชการชั้นผู้น้อยได้ เขาสร้างเรื่องนี้ขึ้นมาก็เพื่อตำหนิการกดขี่ชนชั้นล่างของระบอบเผด็จการศักดินาในยุคสมัยนั้น…
อย่างไรก็ตาม ความเข้าใจแบบนี้ผิวเผินมาก
เมื่ออ่านจบอย่างละเอียดก็ใคร่ครวญอีกครั้ง นี่เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นแค่ในอดีตซะที่ไหนกันล่ะ ยุคปัจจุบันที่พวกเราอยู่ก็เป็นแบบนี้ไม่ใช่หรือไง
คนที่มีตำแหน่งต่ำกว่ามักจะเกิดความคิดหวาดระแวงผู้ที่มีตำแหน่งสูงกว่า จากนั้นก็จะทึกทักไปว่าสิ่งที่ตนคิดนั้นถูกต้อง เพียงแค่ถูกหัวหน้าจ้องมอง พนักงานก็จะเริ่มใคร่ครวญด้วยความอึดอัดใจแล้วว่าตนทำอะไรผิดไปกันแน่
ถ้าเกิดมีคนไม่ทันระวัง ไปล่วงเกินหัวหน้าเข้า ในสมองก็คงจะอัดแน่นไปด้วยความหวาดกลัวว่า ‘ต้องโดนลงโทษแน่ๆ’
ก็เหมือนกับครั้งก่อนที่เว่ยหลงเห็นในหนังสือพิมพ์
เป็นแค่หัวหน้าในบริษัทขายสินค้าแห่งหนึ่ง แต่ถึงขั้นที่สามารถทำให้พนักงานลงไปคลานกับพื้น ใช้วิธีลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ในการลงโทษพนักงานที่ทำผลงานได้ไม่ถึงเป้า…
เว่ยหลงรู้สึกงุนงงไปชั่วขณะ
สิ่งที่ทำให้เขางุนงงยิ่งกว่าก็คือ พนักงานเหล่านั้นไม่ได้ต่อต้านด้วยซ้ำ แต่กลับทำตามอย่างว่าง่าย นี่ก็เหมือนกับการที่นายพลชี้เป็นชี้ตายเสมียนได้ไม่ใช่หรือ
ปรากฏการณ์เหล่านี้ไม่มีวันถูกถอนรากถอนโคนไปจากโลกนี้
ดังนั้นถึงได้มี ‘เสมียนรัฐ’ มากมายที่จบชีวิตลง
เมื่อคาดเดาความคิดของผู้ใหญ่ได้ ก็จะได้รับการชื่นชมจากคนเหล่านั้น ทว่าหากเข้าใจเจตนาผิดขึ้นมา อนาคตก็อาจตกอยู่ในภาวะลำบากแล้ว
มีหลายครั้งที่เหล่าเสมียนก็สวมพันธนาการแห่งความเป็นทาสให้ตนเอง
ทำไมตนถึงรู้สึกว่าน่าขัน
ทำไมตนถึงไม่รู้สึกว่าเรื่องราวนั้นเกินจริง
ก็เพราะสถานการณ์พรรค์นี้ พบเห็นได้จนชินตาในยุคปัจจุบันอย่างไรล่ะ
เจตนารมณ์ของฉู่ขวงนั้นสูงส่ง
นิยายสั้นเรื่องนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นการหยิบยืมอดีตมาเสียดสีปัจจุบัน!
บริภาษปรากฏการณ์ทางสังคมปัจจุบันผ่านหนึ่งพันกว่าตัวอักษรสั้นๆ ถ่ายทอดความคิดของตน นี่เป็นแนวทางในการสร้างสรรค์ผลงานที่ล้ำเลิศมาก
นี่คือศิลปะในการเสียดสี!
ยากที่จะจินตนาการว่า ขณะที่เรื่องสั้นซึ่งเข้าประกวดจำนวนมากยังคงมุ่งเน้นเนื้อเรื่องและอรรถรส
ฉู่ขวงได้เริ่มมุ่งเน้นการแสดงออกถึงความคิดของตนผ่านตัวอักษร นี่คือเหตุผลที่เว่ยหลงรู้สึกตกใจ…
แต่ถึงอย่างนั้นนักอ่านจะชอบด้วยหรือเปล่า
เว่ยหลงคาดเดาไม่ค่อยได้ ถึงอย่างไรรสนิยมในการเสพสุนทรีย์ของแต่ละคนก็ต่างกัน เจตจำนงของเรื่องวาระสุดท้ายของเสมียนรัฐอาจอยู่ในขั้นสูงที่สุดในบรรดานิยายทั้งหมด ทว่าเจตจำนงไม่ใช่ทั้งหมดของนิยาย
“คิดเยอะขนาดนั้นไปทำไมนะ” เว่ยหลงหัวเราะเบาๆ
ไม่ว่าผู้อ่านจะชอบหรือไม่ การคัดเลือกผลงานในครั้งนี้ จะขาดเรื่องวาระสุดท้ายของเสมียนรัฐไปไม่ได้ เว่ยหลงคิดว่าการมีอยู่ของเรื่องนี้ได้ยกระดับความยอดเยี่ยมของการแข่งขันในครั้งนี้ไปแล้ว
……
ช่วงเวลาหลังจากนั้น หลินเยวียนก็จะไปที่ชมรมจิตรกรรมทุกวัน
ตนสเก็ตช์ภาพ และสอนคนอื่นสเก็ตช์ภาพ ได้ทั้งเงินทั้งชื่อเสียง
นั่นทำให้หลินเยวียนมีรายรับอย่างน้อยหนึ่งพันหยวนต่อวัน รวมกันแล้วมากกว่าเงินเดือนที่ได้จากแผนกประพันธ์เพลงของสตาร์ไลท์ซะอีก เป็นช่องทางใหม่เอี่ยมในการหาเงิน!
ในขณะเดียวกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน