ตอนที่ 779 ภาพวาดพู่กันโบราณธีมผีเสื้อรักบุปผา
……….
ลึกลงเท่าใดในลานบ้าน…
เมื่ออู๋จี๋เห็นประโยคแรกของดอกไม้รักบุปผาของเซี่ยนอวี๋ เขาก็สัมผัสได้ถึงระยะห่างแล้ว
และบนโลก
บางคนบอกว่ากวีนิพนธ์สือบทนี้เป็นผลงานของโอวหยางซิ่ว บ้างก็บอกว่าเป็นผลงานของเฝิงเหยียนซื่อ เป็นเรื่องปกติที่งานบางชิ้นในสมัยโบราณจะเกิดการโต้แย้งกันเกี่ยวกับต้นกำเนิด
หลี่ชิงจ้าวคิดว่านี่เป็นผลงานของโอวหยางซิว[1]
เธอชื่นชมบทกวีนี้เป็นอย่างมาก ทั้งยังหยิบผลงานชิ้นนี้มาอ้างอิงในงานของนางเองด้วย
หวังกั๋วเหวย[2]ก็ชื่นชอบกวีนิพนธ์สือบทนี้เช่นกัน แต่หวังกั๋วเหว่ยเอนเอียงไปทางความเชื่อที่ว่านี่คือผลงานของเฝิงเหยียนซื่อ[3]
มีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับผู้เขียน แต่คุณภาพของบทกวีนั้นกลับไร้ซึ่งข้อโต้แย้งใด
อู๋จี๋อ่านบทกวีทั้งหมดจบ และถอนหายใจออกมาเบาๆ
เขารู้ดีว่าตนเองไม่ได้อยู่ในสามอันดับแรกของดอกไม้รักบุปผาโดยกวีสมัยใหม่อีกต่อไป
“เซี่ยนอวี๋คนนี้ พรสวรรค์ทางวรรณกรรมไม่ธรรมดา”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เซี่ยนอวี๋สร้างสรรค์บทกวีขึ้นมา
คนคนนี้มีผลงานไม่มาก แต่ผลงานของเขานั้นล้วนเป็นผลงานคลาสสิก
มิน่าล่ะที่โลกภายนอกถึงบอกว่า ‘เซี่ยนอวี๋ใต้ ฉู่ขวงเหนือ’ อีกทั้งยังหยั่งรากลึกในใจของผู้คน
และเมื่ออู๋จี๋เห็นผลงานชิ้นนี้
ชาวเน็ตก็สังเกตเห็นบทกวีดอกไม้รักบุปผาเวอร์ชันของเซี่ยนอวี๋เช่นกัน
บนอินเทอร์เน็ตคึกคักขึ้นมาในชั่วพริบตา ข้อความบนพื้นที่แสดงความคิดเห็นก็มากขึ้นเรื่อยๆ !
ทุกถูกพิชิตใจด้วยบทกวีนี้แล้ว!
‘บทกวีของพ่อเพลงอวี๋สุดยอด!’
‘เวอร์ชันนี้สุดยอดมาก!’
‘เซี่ยนอวี๋ใต้ ฉู่ขวงเหนือ ไม่ได้ล้อเล่นจริงๆ !’
‘ฝีมือของยอดฝีมือ!’
‘เมื่อพิจารณาแต่ละประโยคอาจไม่ทรงพลังเท่ากับบทของฉู่ขวงและอี้อัน และสามารถอ่านทั้งบทได้อย่างไหลรื่นในรวดเร็ว แต่ทุกบรรทัดควรค่าแก่การพิจารณาอย่างรอบคอบ เลือกใช้คำอย่างรอบคอบ เพื่อสร้างภาพลักษณ์และบรรยากาศ!’
‘บทกวีบทนี้ต้องติดสามอันดับแรกอย่างแน่นอน!’
‘ก่อนหน้านี้คิดว่ามีแค่เวอร์ชันของอาจารย์อู๋จี๋ที่จะเทียบได้กับทั้งสองเวอร์ชัน ตอนนี้เห็นของเซี่ยนอวี๋ถึงได้รู้ว่าผลงานของอาจารย์อู๋จี๋ยังด้อยไปจริงๆ ’
‘อาจารย์อู๋จี๋ก็ดีนะ เพียงแต่ของเซี่ยนอวี๋ดีกว่า’
‘พ่อเพลงอวี๋เคยเขียนทำนองวารีมาแล้ว ออกโรงทั้งทีเขาจะพลาดได้ยังไง’
‘สามสหายก้าวหน้าและล่าถอยไปด้วยกันไม่ใช่หรือ อิ่งจือเขียนมาสักบทสิ!’
‘อิ่งจือ: ไสหัวไป!’
‘ฮ่าๆๆๆๆ ให้เทพอิ่งเขียนสักบทแบบนี้ก็ได้หรือ นักเขียนการ์ตูนจะโมโหเอาได้!’
‘ในที่สุดดอกไม้รักบุปผาสามอันดับแรกก็ถูกกำหนดมาแล้ว จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากฉู่ขวง อี้อัน และเซี่ยนอวี๋!’
‘…’
กวีนิพนธ์บทนี้ของเซี่ยนอวี๋ได้รับเสียงชื่นชมอย่างล้นหลาม!
แม้แต่คนในวงการก็ออกมายืนยันด้วยตัวเอง!
กระแสดอกไม้รักบุปผาในครั้งนี้เริ่มต้นจากอี้อัน และผลักดันให้ถึงจุดสูงสุดโดยฉู่ขวง และจบลงที่เซี่ยนอวี๋!
อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมที่ชาวเน็ตร้องเรียกอิ่งจือนั้น ยังคงทำให้ทุกคนต้องหัวเราะร่วน
ทำไมถึงสร้างความลำบากให้อิ่งจือแบบนี้
อิ่งจือเป็นนักเขียนการ์ตูน!
ต่างจากฉู่ขวงและเซี่ยนอวี๋ เมื่อใดที่บทกวีขึ้นมา ทั้งสองมักลงมือได้อย่างราบรื่นและง่ายดายเสมอ
เอาเถอะ
สาเหตุหลักนั้นเป็นเพราะชื่อของสามสหายได้หยั่งรากลึกลงในใจของผู้คน
เมื่อเห็นว่าเซี่ยนอวี๋และฉู่ขวงเขียนดอกไม้รักบุปผา ชาวเน็ตจึงนึกถึงอิ่งจือขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม อิ่งจือนั้นแตกต่างจากทั้งสองคน
ไม่ใช่หลินเยวียนไม่มีบทกวีดอกไม้รักบุปผาที่ยอดเยี่ยมมากพอให้กับอิ่งจือ แค่เขาคิดว่าไม่จำเป็น
เรื่องนี้เกี่ยวข้องไปถึงปัญหาการวางบทบาทของตัวตนทั้งสาม
บทบาทของฉู่ขวงคือนักเขียน การมีพรสวรรค์ด้านกวีนิพนธ์จึงไม่ขัดแย้งสักเท่าไหร่
บทบาทของเซี่ยนอวี๋คือนักประพันธ์เพลงและนักเขียนบทภาพยนตร์ เนื้อเพลงและบทภาพยนตร์ของเขาย่อมเกี่ยวข้องกับการใช้ภาษา เป็นเรื่องที่เข้าใจได้หากเขาจะมีพรสวรรค์ด้านบทกวี
อิ่งจือเป็นนักเขียนการ์ตูน
แม้ว่างานการ์ตูนจะมีบทและจำเป็นต้องมีการใช้ภาษามาเกี่ยวข้อง แต่ถึงอย่างนั้นจุดสำคัญยังคงอยู่ที่การ์ตูน
การให้อิ่งจือเขียนดอกไม้รักบุปผาสักบทหนึ่งจึงมีความเสี่ยงที่เขาจะพลาดพลั้งตกจากหลังม้า และทำให้ชาวเน็ตเกิดความคิดเชื่อมโยงได้ง่าย ด้วยเหตุนี้หลินเยวียนจึงยับยั้งความหุนหันพลันแล่นที่จะให้อิ่งจือเขียนบทกวีอีกสักบท
ใช่แล้ว
หลินเยวียนมีด้านที่หุนหันพลันแล่นเช่นกัน
เช่นเดียวกับที่ชาวเน็ตพูด ไหนๆ ฉู่ขวงกับเซี่ยนอวี๋มาแล้ว อิ่งจือจะไม่เข้าร่วมสักหน่อยหรือ?
อดทนไว้!
หลังจากนี้ยังมีโอกาสอีก
เก็บดอกไม้รักบุปผาที่เหลือไว้ก่อน มันอาจมีประโยชน์สักวันหนึ่งในอนาคต
หลินเยวียนคิดเช่นนี้
จะว่าไปแล้ว
ใครบอกว่าอิ่งจือไม่สามารถเข้าร่วม ได้กันล่ะ?
อย่าลืมว่าดอกไม้รักบุปผาไม่ได้ปรากฏเพียงในฐานะชื่อประเภทของบทกวี ขณะเดียวกันก็ยังเป็นภาพวาดด้วย!
ผีเสื้อและดอกไม้
นี่คือธีมที่พบเห็นได้บ่อยครั้งในภาพวาดพู่กันโบราณ!
จะดีกว่าไหมถ้าหากใช้ตัวตนของอิ่งจือวาดภาพดอกไม้รักบุปผา
พูดแล้วต้องลงมือทำ!
หลินเยวียนเดินทางไปยังสตูดิโอในทันทีและเริ่มวาดภาพของตน ธีมหลักของภาพวาดคือดอกไม้รักบุปผา!
ส่วนเหตุผลที่ทำเช่นนี้ ไม่ใช่เพราะหลินเยวียนต้องการให้ตัวตนทั้งสามร่วมหัวจมท้ายไปพร้อมกัน เหตุผลสำคัญยิ่งกว่านั้นคือหลินเยวียนต้องการเปลี่ยนแปลงทัศนะเดิมๆ ซึ่งชาวเน็ตมีต่ออิ่งจือ…
อิ่งจือคือจิตรกร!
เขาไม่ได้เป็นเพียงนักเขียนการ์ตูน!
แม้ว่าทั้งสองเชื่อมโยงกัน ทว่าความหมายซึ่งแสดงออกมาระหว่างอย่างแรกและอย่างหลังนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
หลินเยวียนไม่ยากให้อิ่งจือเป็นเพียงนักเขียนการ์ตูน!
ไม่อย่างนั้นความสามารถด้านจิตรกรรมระดับปรมาจารย์ของอิ่งจือก็เสียเปล่าน่ะสิ?
โดยเฉพาะหลังจากที่อื่งจือก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดในอุตสาหกรรมการ์ตูนแล้ว ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยหากจะก้าวต่อไป
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หลินเยวียนต้องการให้ตัวตนอิ่งจือเข้าไปมีส่วนร่วมในพื้นที่ที่กว้างขึ้น ไม่เช่นนั้นอิ่งจือจะต้องตกขบวน และกลายเป็นเงาจืดจางระหว่างฉู่ขวงและเซี่ยนอวี๋!
ไม่ว่าอย่างไรการ์ตูนก็เป็นเพียงการ์ตูน ไม่มีทางกลายเป็น ‘ศิลปะ’ ที่ทุกคนยอมรับอย่างแท้จริง
แต่จิตรกรรมกลับเป็นศิลปะอย่างหนึ่งอย่างไร้ข้อโต้แย้ง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน