ตอนที่ 782 นิทรรศการศิลปะ (1)
……….
เดือนสิงหาคมในฉินโจวคือช่วงเวลาที่ร้อนที่สุดของปี แสงอาทิตย์กำลังแผดเผาผืนแผ่นดินอย่างไร้ความปรานี แม้แต่หนานจี๋ซึ่งชื่นชอบความคึกคักก็ไม่อยากออกไปเล่นข้างนอก โดยมากจะอยู่เงียบๆ ในห้องซึ่งมีเครื่องปรับอากาศ
ในวันนี้
หลินเยวียนอยู่บ้านและเล่นกับหนานจี๋ จู่ๆ โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น เป็นสายจากจินมู่
“วันนี้วันเสาร์ หัวหน้าอยากมาชมนิทรรศการศิลปะไหมครับ?”
“นิทรรศการศิลปะ?”
“ผีเสื้อรักบุปผาจัดแสดงอยู่ในนิทรรศการศิลปะนี้แล้วครับ…”
“ไม่ไปครับ”
หลินเยวียนปฏิเสธทันควัน
ในวันที่อากาศร้อนเช่นนี้ หลินเยวียนไม่มีกะจิตกะใจอยากออกไปข้างนอกเลยสักนิด นอกจากนั้นผีเสื้อรักบุปผาก็ไม่อาจนับได้ว่าเป็นผลงานชิ้นเอกของหลินเยวียน
จินมู่ไม่ได้กดดันเขาอีกต่อไป
แต่หลินเยวียนไม่อยากออกไปข้างนอก ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นๆ จะไม่อยากออกไปข้างนอกเช่นเดียวกัน คนเรามักถูกขับเคลื่อนด้วยแรงจูงใจบางอย่างเสมอ
ในเวลานี้
ณ ศูนย์ศิลปะแห่งหนึ่งในเมืองซู
นิทรรศการศิลปะขนาดกลางจัดขึ้น
บนบลูสตาร์ซึ่งมีบรรยากาศทางนิทรรศการศิลปะเข้มข้น การชมนิทรรศการศิลปะคือแรงผลักดันให้ผู้คนจำนวนหนึ่งออกจากบ้านในวันเลาร์แม้ว่ารถของพวกเขาจะเข้าไปไม่ได้หลังจากที่ขับมาถึงสถานที่จัดแสดง และจำเป็นต้องเดินไปอีกนับร้อยเมตรจนแผ่นหลังเปียกชุ่ม
หน้าประตูนิทรรศการศิลปะมีป้ายประชาสัมพันธ์
ป้ายประชาสัมพันธ์ประกอบไปด้วยข้อมูลของจิตรกรซึ่งเข้าร่วมการจัดแสดงผลงาน
นิทรรศการศิลปะขนาดกลางในครั้งนี้เป็นนิทรรศการภาพวาดพู่กันโบราณ จิตรกรที่เข้าร่วมงานส่วนใหญ่จัดอยู่ในกลุ่มที่มีชื่อเสียงปานกลาง และผู้ที่ชื่นชอบในงานภาพวาดพู่กันจีนรู้จักมักคุ้น ทว่าความสามารถของพวกเขานั้นยังแตะไม่ถึงระดับสูงสุด
“ผลงานของอวี๋เหลียนก็จัดแสดง”
“มีเหรินเฟยเฟยด้วย”
“ผลงานของหยวนหลิ่วก็มีเหมือนกัน ฉันเห็นผลงานของหยวนหลิ่วในนิทรรศการศิลปะชั้นนำเมื่อปีก่อน ฝีมือดีมาก”
“ฉันพอจะรู้เรื่องราวเกี่ยวกับสื่อเซียงคนนี้ เป็นคนที่มีศักยภาพสูงมากในวงการภาพวาดพู่กันโบราณ วันนี้มาเพื่อเขาเลย”
“สเกลของนิทรรศการก็ใช้ได้อยู่นะ”
“ถึงจะไม่มีศิลปินชั้นนำ แต่ศิลปินที่เข้ารวมก็ไม่ได้ไร้ชื่อเสียง”
“โดยเฉพาะอวี๋เหลียน ผลงานของคว้ารางวัลใหญ่เมื่อปีที่แล้ว และได้รับการยอมรับจากศิลปินชั้นนำที่มีชื่อเสียงหลายคน”
“…”
ผู้คนต่างสนทนากันขณะอ่านป้ายประชาสัมพันธ์
ขณะนั้นเอง
จู่ๆ ผู้เข้าร่วมนิทรรศการก็เอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจว่า “ผลงานของอิ่งจือก็เข้าร่วมด้วย?”
ทุกคนตกตะลึง
หลังจากนั้นไม่นาน ทุกคนก็สังเกตเห็นชื่อของอิ่งจือบนป้ายประชาสัมพันธ์
ไม่ทันไร
ผู้คนต่างส่งเสียงร้องออกมา
“อิ่งจือไม่ใช่นักเขียนการ์ตูนหรอกหรือ?”
“นักเขียนการ์ตูนสามารถเข้าร่วมนิทรรศการภาพเขียนพู่กันโบราณได้ด้วยฒ”
“ทำไมทางผู้จัดถึงใส่ผลงานของนักวาดการ์ตูนเชิงพาณิชย์เข้ามาด้วยล่ะ?”
“น่าสนใจ เท่าที่ผมรู้ ฝีมือด้านจิตรกรรมของอิ่งจือดีมากทีเดียว”
“นึกไม่ถึงว่าอิ่งจือจะเข้าร่วมนิทรรศการภาพวาดพู่กันโบราณครั้งนี้ด้วย ฉันบังเอิญไปเห็นภาพประกอบที่อิ่งจือวาดในนิยายของฉู่ขวง คนคนนี้ฝีมือดีจริงๆ สไตล์ภาพของเขาก็ประณีต ไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าจะวาดภาพพู่กันโบราณได้”
“อะไรกันเนี่ย”
“รูปลักษณ์ที่สวยงามกับแนวคิดทางศิลปะเป็นคนละเรื่องกัน เช่นเดียวกับการวาดการ์ตูนและภาพวาดพู่กันโบราณที่เป็นคนละแนวคิดกัน คุณภาพของนิทรรศการศิลปะครั้งนี้ถูกอิ่งจือฉุดลงมาต่ำซะแล้ว”
“ผิดหวัง”
“ล้อเล่นหรือเปล่า ผลงานของนักเขียนการ์ตูนเชิงพาณิชย์ก็เอาออกมาจัดแสดงได้ ผู้จัดคงเห็นแก่ชื่อเสียงของอิ่งจือสินะ? ”
“อิ่งจือยัดเงินใต้โต๊ะให้ผู้จัดงานหรือเปล่า?”
“ฉันไม่ชอบศิลปินเชิงพาณิชย์แบบนี้เอาซะเลย การปรากฏตัวของเขาทำให้ศิลปะการวาดภาพพู่กันโบราณต้องเสื่อมเสีย เขาวาดเป็นแค่ภาพสัปดนเรียกความสนใจ ยังคิดจะทำให้ภาพวาดพู่กันโบราณต้องด่างพร้อยอีกหรือ?”
“…”
อย่ามองเพียงว่าอิ่งจือได้รับความนิยมอย่างล้นหลามบนโลกออนไลน์
ในนิทรรศการศิลปะประเภทนี้ หลานคนไม่ได้ชอบใจกับนักเขียนการ์ตูนคนนี้มากนัก ถึงขั้นที่รังเกียจเขามากเสียด้วยซ้ำ
เหตุผลนั้นช่างเรียบง่าย
ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายเดียวกัน
ผู้ที่ยินดีจะฝ่าแสงแดดร้อนระอุนี้เพื่อมาชมนิทรรศการศิลปะ ล้วนเป็นผู้ที่ชื่นชอบภาพวาดพู่กันโบราณซึ่งคิดว่าตนเองนั้นมีรสนิยมสูงกว่าใครๆ
โดยทั่วไปคนเหล่านี้ไม่อ่านการ์ตูน
ส่วนใหญ่พวกเขารู้สึกว่าตนเองเหนือกว่าในด้านสุนทรยภาพทางศิลปะ พวกเขาสามารถพูดคุยเกี่ยวกับผลงานของศิลปินชื่อดังต่างๆ ได้อย่างไม่เบื่อหน่าย พวกเขาชื่นชอบศิลปะชั้นสูง จะให้มาอ่านการ์ตูนซึ่งเดินเส้นทางเชิงพาณิชย์เช่นนี้ได้อย่างไร
ไม่เพียงผู้ที่มีใจรักด้านจิตรกรรมเท่านั้นที่มีแนวคิดเช่นนี้
แม้แต่ในวงการจิตรกรรมมืออาชีพในบลูสตาร์ การ์ตูนก็จัดให้อยู่ในตำแหน่งที่ต่ำที่สุดของห่วงโซ่อาหาร จิตรกรแบบดั้งเดิมซึ่งดูถูกการ์ตูนเชิงพาณิชย์ประเภทนี้ก็มีให้พบเห็นได้ทั่วไป
ประเด็นนี้จะคล้ายคลึงกับบนโลก
ในวงการนิยายบนโลก นักเขียนแบบดั้งเดิมรวมไปถึงคนสายวรรณกรรมซึ่งเลี้ยงชีพด้วยวรรณกรรมรูปแบบดั้งเดิม ก็ดูถูกนักเขียนออนไลน์เช่นกัน
นี่คือภาพสะท้อนของสภาพแวดล้อมที่กว้างขึ้น
ไม่ว่าจะอคติก็ดี หรือการเหมารวมก็ดี ปรากฏการและแนวคิดเหล่านี้ฝังรากลึกลงในจิตใจของผู้คนจำนวนมาก
ดังนั้น
หลายคนจึงรู้สึกตกตะลึงกับการปรากฏตัวของอิ่งจือในนิทรรศการศิลปะนี้ หลายคนรู้สึกขัดหูขัดตา บนใบหน้าของเขาปรากฏความรู้สึกเหยียดหยามอย่างชัดเจน ราวกับว่าเกียรติยศของพวกเขาได้ถูกลากให้ต่ำลงมา
……
เบื้องหลังฝูงชนซึ่งส่งเสียงร้องโวยวาย ภายใต้ร่มกันแดด ชายวัยกลางคนคนหนึ่งเอ่ยเสียงเรียบ
“เห็นไหมว่านี่คือทัศนคติที่คนในวงการจิตรกรรมดั้งเดิมมีต่อการ์ตูน”
ถัดจากชายวัยกลางคน หญิงสาวเกล้าผมเป็นมวยเอ่ยอย่างไม่พอใจ “พ่อบ้านอื่นเขาสนับสนุนลูกสาว ทำไมพ่อถึงต้องทำให้เรื่องนี้มันยากสำหรับหนูด้วยล่ะคะ”
นักเขียนการ์ตูนแล้วอย่างไร
นักเขียนการ์ตูนมาขอข้าวที่บ้านกินหรือ?
เอ๊ะ?
นักเขียนการ์ตูนเหมือนจะมาขอข้าวที่บ้านกินจริงด้วย ถึงอย่างไรฉันเองก็เป็นนักเขียนการ์ตูน
“เสี่ยวเวย…”
ชายคนนั้นรู้สึกไม่ได้ดั่งใจ “พ่อไม่ได้ไม่สนับสนุน พ่อแค่กลัวว่าลูกจะหลงทาง”
ถูกต้อง
ผู้หญิงซึ่งมัดผมมวยคนนั้นก็คือหลัวเวย
วันนี้เธอสวมชุดมินิเดรสสีน้ำเงินลายดอกไม้ ให้ภาพลักษณ์ของสาวสวยซึ่งเห็นได้ไม่บ่อยครั้งนัก เธอดูมีเสน่ห์ ต่างจากยามปกติที่มักจะผมเผ้ายุ่งเหยิง แลดูมีความเป็นทอมบอยขณะที่วาดการ์ตูนอยู่ในสตูดิโอ
และชายคนนี้คือพ่อของหลัวเวย ปรมาจารย์ด้านภาพวาดพู่กันโบราณ หลัวเฉิง!
หลัวเวยเบ้ปากเอ่ยว่า “ไม่ว่าพ่อจะพูดยังไง หนูก็ยังคำนับอิ่งจือเป็นอาจารย์ไปแล้ว พ่อสอนให้ว่าเป็นครูเพียงวันเดียว เหมือนเป็นพ่อทั้งชีวิต ทั้งสองคนก็เป็นพ่อของหนู”
“ลูก…”
นี่มันคำพูดบ้าบออะไร!
นี่มันคำเปรียบเปรยบ้าบออะไร!
หลัวเฉิงโกรธมากจนแทบอยากตีคน ในใจรู้สึกเศร้าเหลือเกิน ผู้ชายที่ชื่ออิ่งจืออะไรนั่น กลายเป็นพ่อของลูกสาวสุดที่รักของเขาไปแล้ว?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน