ตอนที่ 81 โค้ดลับ
วันต่อมาเป็นวันอาทิตย์ หลินเยวียนยังคงไปทำงานดังเดิม
และวันนี้ ในวิทยาลัยศิลปะฉินโจว คณะวิจิตรศิลป์ก็ได้ต้อนรับการมาถึงของการสอบรวมครั้งใหญ่
ระยะเวลาการสอบคือหนึ่งวัน
ช่วงเช้าสอบสีน้ำ ช่วงบ่ายสอบสเก็ตช์
การสอบในวันนี้ ไม่เพียงท้าทายฝีมือด้านจิตรกรรมของนักศึกษา ขณะเดียวกันก็ยังท้าทายสภาพร่างกายของอาจารย์คณะวิจิตรศิลป์ด้วย
คณาจารย์คณะวิจิตรศิลป์ต้องให้คะแนนนักศึกษาภายในวันนั้น เพื่อให้สะดวกแก่การประกาศในวันถัดไป
เวลากระชั้นเหลือเกิน
เมื่อสอบเสร็จ เหล่านักศึกษาต่างก็เก็บของกลับหอพัก
ส่วนบรรดาอาจารย์กลับจำต้องทำงานล่วงเวลาตรวจข้อสอบอีกกองโต
จนกระทั่งย่างเข้าเวลาสามทุ่ม อาจารย์คณะวิจิตรศิลป์ก็ทยอยกันให้คะแนนเสร็จ
ในห้องทำงานใหญ่สักห้องหนึ่งของคณะวิจิตรศิลป์
ข่งอัน อาจารย์สาขาจิตรกรรมยินดีปรีดาเป็นอย่างยิ่ง ยืดเส้นยืดสายพลางเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “เสร็จซะที พวกคุณสังเกตมั้ยว่าคะแนนสเก็ตช์เทอมนี้ของนักศึกษาดีขึ้นมาก”
“จริงค่ะ/ครับ”
บรรดาอาจารย์สอนการสเก็ตช์ภาพต่างเห็นด้วยกับคำพูดของข่งอัน
อย่างไรซะข้อสอบก็ตรวจเสร็จแล้ว ทุกคนคำนวณคะแนนสุดท้ายไปพลางสนทนากันไปเรื่อยเปื่อย
“…”
ในตอนนั้นอาจารย์สอนสเก็ตช์หนึ่งในนั้นกล่าว “ช่วงนี้ชมรมจิตรกรรมมีเด็กปีสองคนนึงสอนสเก็ตช์แบบเก็บเงินไม่ใช่เหรอ ปีนี้คะแนนสเก็ตช์ของทั้งคณะวิจิตรเพิ่มขึ้น ฉันคิดว่าเป็นความดีความชอบของเขาส่วนหนึ่งด้วย”
“ผมก็ได้ยินมาเหมือนกัน”
อาจารย์สอนสเก็ตช์ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งกำลังดื่มกาแฟพูดขึ้น “คลาสฉันมีนักศึกษาที่พื้นฐานอ่อนมากคนหนึ่ง หลังจากเรียนกับเขาสองครั้ง ฝีมือก็ดีขึ้นมากเลย”
“สิ่งที่ทำให้ผมตกใจก็คือ คนที่ติวให้เด็กคนนี้เป็นนักศึกษา แถมยังไม่ใช่นักศึกษาคณะวิจิตรศิลป์ซะด้วย”
อาจารย์ซึ่งดื่มกาแฟอยู่เอ่ยขึ้นด้วยความเสียดาย “สอนเก่งขนาดนี้ ฝีมือการสเก็ตช์รูปของเขาต้องดีมากแน่เลย ทำไมตอนนั้นไม่สอบเข้าคณะเรานะ”
“มีเรื่องแบบนั้นด้วยเหรอ”
ข่งอันเลิกคิ้วอย่างห้ามไม่อยู่
ในฐานะที่เป็นศาสตราจารย์คณะวิจิตรศิลป์ซึ่งเชี่ยวชาญการสเก็ตช์ น้อยครั้งนักที่เขาจะสอนนักศึกษาด้วยเองแบบนี้
บางครั้งบางคราวสอนนักศึกษา ก็เป็นการสอนคลาสเปิดที่มีขนาดใหญ่มาก นักเรียนที่เขาพบเจอนั้นมีเยอะมาก ลำพังแค่เช็กชื่อก็ใช้เวลาไปครึ่งค่อนวันแล้ว ดังนั้นจึงไม่รู้จักสถานการณ์แบบนี้
“ผมได้ยินนักศึกษาคุยกัน”
อาจารย์สอนสเก็ตช์ซึ่งนั่งอยู่ริมหน้าต่างกล่าวกลั้วหัวเราะ “เด็กคนนั้นเหมือนจะชื่อหลินเยวียน นักศึกษาสาขาการประพันธ์เพลงปีสอง ช่วงนี้จะติวแบบเก็บเงินที่ชมรมจิตรกรรมทุกวัน ราคาของเขาก็ไม่ใช่ถูกๆ ด้วยนะ”
“หลินเยวียน?”
ข่งอันถาม “เท่าไหร่ครับ”
มีคนตอบว่า “ชั่วโมงละห้าร้อย”
ข่งอันอึ้งไป “ยอดเลย ไปเป็นอาจารย์พิเศษก็ได้แค่ชั่วโมงละพันหยวน…”
ในฐานะที่เป็นศาสตราจารย์วิทยาลัยศิลปะฉินโจว ข่งอันมีชื่อตำแหน่งเป็นหลักประกัน แถมยังเชี่ยวชาญการสเก็ตช์ ในวงการจิตรกรรมก็นับว่าเป็นบุคลากรที่มีหน้ามีตา ฉะนั้นถึงได้กล้าเก็บค่าสอนชั่วโมงละหนึ่งพันหยวน!
แต่นักศึกษาที่ยังไม่ทันเรียนจบ ถึงกับสอนสเก็ตช์ภาพชั่วโมงละห้าร้อย?
เป็นเขาเองที่เก็บค่าสอนถูกไปหรือเปล่า?
หรือว่าค่าสอนของนักศึกษาคนนั้นโอเวอร์เกินไป?
กะว่าจะขูดรีดจากนักศึกษาคณะวิจิตรศิลป์ของเราเลยหรือเปล่าเนี่ย
เมื่อสังเกตเห็นความไม่พอใจของข่งอัน อาจารย์ซึ่งดื่มกาแฟอยู่ก็แดกดันว่า “เทียบกับบุคลากรที่โดดเด่นในสายอาชีพอย่างคุณไม่ได้หรอกค่ะ แต่เด็กคนนั้นไม่ธรรมดาจริงๆ นักศึกษาไม่น้อยเลยที่หลังจากเรียนแล้วฝีมือพัฒนาเยอะมาก ถ้าดูจากผลลัพธ์แล้ว ฉันว่าค่าเรียนชั่วโมงละห้าร้อยคุ้มมากเลยนะคะ”
ข่งอันเน้นน้ำเสียงหนักขึ้นเล็กน้อย “ไม่ว่าจะพูดยังไงก็เป็นแค่นักศึกษาคนหนึ่ง ทำแบบนี้ไม่เหมาะ”
“ศาตราจารย์ข่งก็คิดแบบนั้นใช่มั้ยล่ะครับ”
ด้านข้างของข่งอัน อาจารย์ผู้ชายสอนสเก็ตช์ภาพคนหนึ่งแค่นเสียงขึ้นจมูก “ที่จริงผมก็ไม่ชอบเรื่องนี้เหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นคุณออกหน้าตำหนิสักหน่อยสิครับ ด้วยสถานะของคุณ ถ้าออกหน้าหยุดเรื่องนี้ละก็ จะต้องหยุดปรากฏการณ์ประเภทนี้ในชมรมได้แน่!”
อาจารย์ผู้ชายสอนสเก็ตช์ภาพคนนี้ไม่ชอบหลินเยวียนมาก
เพราะมีครั้งหนึ่งระหว่างคาบเรียน เขาได้ยินนักศึกษาหลายคนพูดกันว่า การสอนของตนสู้หลินเยวียนไม่ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน