อ่านสรุป ตอนที่ 82 แผนขึ้นราคา จาก Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน โดย Internet
บทที่ ตอนที่ 82 แผนขึ้นราคา คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายการเงิน Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ตอนที่ 82 แผนขึ้นราคา
ข่งอันไม่ได้เป็นเพียงแค่ศาสตราจารย์คณะวิจิตรศิลป์ ขณะเดียวกันก็ยังเป็นแคนดิเดตคณบดีคณะวิจิตรศิลป์คนต่อไปด้วย
เรื่องนี้ไม่น่าจะพลิกโผไปได้
ด้วยชื่อเสียงและคุณวุฒิของเขา ไปหาอธิการบดีตอนดึกดื่นเพื่อพูดคุยย่อมไม่ใช่ปัญหา
ทว่า ทันทีที่อธิการบดีซือหวายหนานได้ฟังข่งอันพูดเรื่องนี้ สิ่งแรกที่คิดก็คือ
เข้าใจผิดกันหรือเปล่า?
เขาจ้องมองข่งอันด้วยท่าทางจริงจัง กล่าวด้วยความยากลำบาก “คุณบอกว่านักศึกษาปีสามของสาขาจิตรกรรมที่ผลคะแนนดีกลุ่มนั้น เป็นคนที่นักศึกษาปีสองสักคนในสาขาการประพันธ์เพลงสอน?”
“ไม่ผิดแน่ครับ”
แววตาของข่งอันพราวประกาย “อธิการฯ ผมแค่อยากขอร้องคุณเรื่องเดียว ย้ายเจ้าหมอนั่นมาที่คณะวิจิตรศิลป์เถอะ ให้เขาเป็นอาจารย์ก็ได้!”
“คุณบ้าไปแล้วเหรอ”
ซือหวายหนานคลึงขมับ “คุณจะให้นักศึกษาปีสองมาเป็นอาจารยสอนนักศึกษาปีสามคณะวิจิตรศิลป์ของพวกคุณเนี่ยนะ?”
“ไม่ใช่แค่ปีสาม”
ข่งอันกล่าว “เป็นอาจารย์สอนปีสี่ได้สบายๆ เลยด้วยซ้ำ”
อธิการบดีซือหวายหนานชะงักงันไป “เก่งขนาดนั้นเลย?”
ข่งอันพยักหน้า “ก่อนหน้านี้ผมตรวจสอบดูแล้ว ผลการเรียนของนักศึกษากลุ่มนี้ก่อนหน้านี้ค่อนข้างธรรมดา พอไปเรียนกับหลินเยวียน ฝีมือของแต่ละคนก็ก้าวกระโดดขึ้นมา พูดจากใจจริง ฝีมือการสอนแบบนี้ทำเอาผมละอายใจเลยล่ะ”
“เข้าใจแล้ว”
ซือหวายหนานลังเลอยู่สักพัก ก่อนจะพูด “เรื่องนี้จะให้ผมตกลงคนเดียวไม่ได้ พวกคุณยังต้องเคารพความเห็นขอ งทางนักศึกษา สาขาการประพันธ์เพลง แล้วก็ผู้ปกครองเขาด้วย”
“ได้”
ข่งอันพยักหน้า “พรุ่งนี้ผมจะไปหาเขา ถ้าจับมัดได้จะจับมัดมาเลย!”
ซือหวายหนานยิ้มขื่น แต่ก็รู้ว่าข่งอันเพียงพูดไปเท่านั้น ไม่มีทางจับคนเขามัดมือไพล่หลัง แล้วพาตัวมาคณะวิจิตรศิลป์จริงๆ หรอก
“ไปละครับ”
ข่งอันโบกมือเดินออกไป
ซือหวายหนานมองตามหลัง เขาจดจำชื่อ ‘หลินเยวียน’ ได้เป็นครั้งแรก
…
วันต่อมา
การสอบใหญ่ประกาศผล เรื่องที่ห้าสิบอันดับแรกในการสอบสเก็ตช์ถูกลูกศิษย์ของหลินเยวียนเข้ายึดครองพื้นที่ ก็แพร่สะพัดไปทั่วทั้งคณะวิจิตรศิลป์!
“แม่เจ้าโว้ย”
“น่ากลัวเกินไปแล้ว!”
“นักเรียนที่หลินเยวียนสอนโหดอะไรขนาดนี้เนี่ย”
“ถ้าไม่ลองเสี่ยงก็คงไม่รู้ผลสินะ ตอนแรกฉันรู้สึกว่าแพง ตอนนี้จะราคาเท่าไหร่ฉันก็จะให้หลินเยวียนสอนสเก็ตช์ให้ได้!”
“หลินเยวียนไม่ใช่คนที่เธออยากเรียนก็เรียนได้ แค่นักเรียนที่จองเรียนสเก็ตช์ล่วงหน้า ก็คิวยาวไปอีกสองอาทิตย์แล้ว”
“ก่อนหน้านี้ฉันไม่ค่อยเชื่อใจเขา ตอนนี้โคตรจะเสียดายเลย”
“เอาเงินฟาดซื้อโอกาสเรียนกับหลินเยวียนไปเลยสิค้าบ ใครให้ผมแทรกคิว ผมจ่ายชดเชยให้สองเท่าเลย!”
“ฉันให้สามเท่า!”
“…”
หลังจากกระแสแพร่สะพัดไป เมื่อหลินเยวียนกลับมาที่ชมรมจิตรกรรมอีกครั้ง ก็พบฝูงชนจำนวนมากดังที่คาดไว้
ในขณะเดียวกัน
นักเรียนซึ่งจองคิวเรียนสเก็ตช์กับหลินเยวียนก็แทบจะเต็มจนระเบิด!
หลินเยวียนรู้สึกแปลกใจชอบกล คนที่มานัดเรียนในวันนี้มากเป็นพิเศษ
จงอวี๋แอบยิ้มกรุ้มกริ่ม ขยับเข้ามากระซิบข้างหูหลินเยวียนด้วยท่าทางลับๆ ล่อๆ “ท่านเทพ วันนี้คนมาจองคิวแน่นเอี้ยด เพราะเมื่อวานพวกเราสร้างข่าวใหญ่ ฉันเป็นตัวตั้งตัวตีเลยนะ!”
หลินเยวียนถาม “ใหญ่ขนาดไหนครับ”
จงอวี๋อึ้งไป ขณะที่กำลังจะตอบ จู่ๆ ก็มีเสียงดังโหวกเหวกดังมาจากหน้าประตูชมรมจิตรกรรม ก่อนจะเห็นชายชราท่าทางผึ่งผายเดินทอดน่องเข้ามา
ศาสตราจารย์ข่งอันแห่งคณะวิจิตรศิลป์!
จงอวี๋พึมพำว่า “ใหญ่ขนาดนี้แหละ…”
ในตอนนั้นข่งอันก็เดินไปถึงพื้นที่จัดแสดงผลงานของชมรมจิตรกรรมแล้ว
ในมุมของนิทรรศการนั้นเต็มไปด้วยภาพวาดของเหล่าเทพในชมรมจิตรกรรม เขาหยุดชะงักไปเล็กน้อย มองไปยังภาพวาดระดับสูงตรงนั้น สุดท้ายสายตาก็ ไปหยุดที่ภาพสเก็ตช์สองแผ่นทางริมซ้ายซึ่งมีชื่อของหลินเยวียนเขียนไว้
เมื่อเห็นภาพวาดสองภาพนี้
ข่งอันสั่นสะท้านไปทั้งตัว
จากนั้นเขาก็เอ่ยขึ้นเสียงเบา “หลินเยวียนอยู่ไหม”
ทันใดนั้นก็มีนักศึกษาชี้ทาง พาข่งอันไปหาหลินเยวียน
ข่งอันเผยรอยยิ้มเป็นมิตร สายตาซึ่งมองหลินเยวียนนั้นประดุจกำลังมองเพชรน้ำหนึ่งหายาก
“ผมให้เวลาคุณพิจารณาดู”
ข่งอันไม่กล้ากดดันมาก กลัวว่าหลินเยวียนจะเกิดความรู้สึกต่อต้าน
เขาตั้งเป้าว่าจะต้องดึงตัวหลินเยวียนมาให้ได้ ต้นกล้าอ่อนชั้นดีขนาดนี้ ชั่วชีวิตนี้เขาอาจเฟ้นหาไม่พบอีกแล้วก็ได้ จะปล่อยให้หลุดมือไปง่ายๆ ได้ยังไงกันล่ะ
เด็กหนอเด็ก ยังใช้ลูกล่อลูกชนดึงตัวมาง่ายอยู่
ข่งอันนั่งลงบนม้านั่งของลูกศิษย์ พลางถาม “คุณมาสอนสเก็ตช์ที่ชมรมจิตรกรรมไปเรื่อยๆ เลยได้มั้ย”
“ไม่แน่ใจครับ”
“ทำไมล่ะ”
“ผมอาจขึ้นราคา”
หลินเยวียนตอบไปตามตรง
ข่งอันมุมปากกระตุก
นักศึกษาโดยรอบกุมขมับอย่างห้ามไม่อยู่ ชั่วโมงละห้าร้อยหยวนสำหรับนักศึกษาก็นับว่าแพงมากแล้ว หลินเยวียนยังจะขึ้นราคาอีก?
ข่งอันถาม “เท่าไหร่”
หลินเยวียนตอบ “ชั่วโมงละหนึ่งพันครับ”
มุมปากของข่งอันกระตุกอีกรอบ ราคานี้เทียบกับตนได้แล้ว ทว่าลำพังฝีมือการสอนสเก็ตช์ภาพ หลินเยวียนเหนือกว่าเขาจริงๆ ฉะนั้นความจริงแล้วราคานี้ก็ไม่ได้สูงเกินไปหรอก
“จะขึ้นราคาเมื่อไหร่ล่ะ”
หลินเยวียนตอบ “ยังไม่รู้เลยครับ”
ตอนนี้เขาขึ้นราคาไม่ได้ รอประสิทธิภาพของ ‘อาจารย์’ เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อไหร่ เขาค่อยคิดเรื่องขึ้นราคา ทำธุรกิจก็ต้องมีมโนธรรมกันบ้าง เขาไม่อยากกลายเป็นคนหน้าเงิน
“ได้”
ข่งอันหยัดกายลุกขึ้นทันที “พอคุณขึ้นราคาแล้ว อย่าลืมมาหาผมที่คณะวิจิตรศิลป์ ทุกคนจะได้พูดคุยกันว่าทางมหา’ลัยสามารถร่วมมือกับคุณ จ่ายค่าตอบแทนจำนวนหนึ่ง เราจะไม่เอาเปรียบคุณ เพียงเพราะคุณเป็นนักศึกษา”
หลินเยวียนพยักหน้า “ครับ”
สมาชิกรอบข้างมองดูภาพเหตุการณ์ด้วยใบหน้าเปี่ยมความตะลึงงัน
พวกเขานึกไม่ถึงเลยว่า ตนเองจะมีวันที่ได้เห็นบุคลากรระดับสูงของคณะวิจิตรศิลป์มาเจรจาธุรกิจกับนักศึกษาปีสองคนหนึ่ง
ภาพนี้ทำไมมองดูแล้วแปลกชอบกล
แต่ถึงอย่างไร เมื่อคิดว่าในการสอบใหญ่ของคณะวิจิตรศิลป์ ห้าสิบอันดับแรกแทบจะถูกลูกศิษย์ของหลินเยวียนเข้าไปยึดครองไว้ ทุกคนก็เริ่มรู้สึกว่า เรื่องการขึ้นราคานั้นช่างสมเหตุสมผลเหลือเกิน…
………………………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอน 837-839 ไม่มีข้อความเลยครับ...