อ่านสรุป ตอนที่ 816 ผู้กำกับบ้าไปแล้ว จาก Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน โดย Internet
บทที่ ตอนที่ 816 ผู้กำกับบ้าไปแล้ว คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายการเงิน Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ตอนที่ 816 ผู้กำกับบ้าไปแล้ว
การเขียนบทต้องใช้เวลาพอสมควร โดยเฉพาะบทซีรีส์ โชคดีที่หลินเยวียนได้ตัดสินใจล่วงหน้าแล้วว่าจะปล่อยเพลงอะไรไปไต่ชาร์ตเพลงในเดือนหน้า จึงไม่มีเรื่องอะไรต้องกังวลมากมายนัก เพียงแค่ต้องไปนั่งพิมพ์บทในบริษัทหรือที่สตูดิโอเมื่อมีเวลาว่างก็พอ
ตอนที่หนึ่ง…
ตอนที่สอง…
ตอนที่สาม…
บทซีรีส์นี้เขียนเสร็จอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเมื่อเนื้อหาช่วงแรกใช้โครงเรื่องเดิมจากซีรีส์โคมวิเศษ
หลินเยวียนไม่จำเป็นต้องปรับแก้อะไรมากนัก
ซีรีส์ทั้งหมดในแผนของเขาดูเหมือนจะมีประมาณ 30 ตอน
ช่วงครึ่งแรกของซีรีส์ มีประมาณ 15 ตอน
เขาต้องการนำเสนอเรื่องจะเล่าเรื่องราวนี้จากมุมมองซีรีส์โคมวิเศษต้นฉบับและซีรีส์ของของเฉินเซียง
ผู้ชมจะได้เห็นเรื่องราวผ่านมุมมองนี้
และในมุมมองของเฉินเซียง
เทพเอ้อร์หลางหยางเจี่ยนคือสุนัขรับใช้จากสวรรค์ซึ่งพยายามขัดขวางพระเอกไม่ให้ช่วยแม่ และทำร้ายน้องสาวของเขาโดยไม่เลือกวิธีการใดๆ
ช่วงครึ่งหลังจะเป็นมุมมองของหยางเจี่ยน
ซึ่งเนื้อหาจะอิงจากบท ความทุกข์ตรมแห่งชีวิตรินไหลสู่แดนบูรพาซึ่งจะเผยให้เห็นถึงจุดพลิกผันครั้งใหญ่
หลุมพรางต่างๆ ในช่วงแรกจะได้รับการคลี่คลายในช่วงครึ่งหลังของเรื่อง
เนื้อเรื่องกระชับ มีเนื้อหาที่ไม่สำคัญหลินเยวียนย่อให้น้อยลงหรือตัดออกไป
ประมาณ 30 ตอนนั้นสามารถเล่าเรื่องราวได้จนจบพอดิบพอดี
และบทซีรีส์เช่นนี้ หลินเยวียนใช้เวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ก็เขียนบทเสร็จ
หากเขายินดีจ่ายเงินให้ระบบเพื่อซื้อยาเสริมพลัง ย่อมสามารถเพิ่มความเร็วได้ยิ่งขึ้น ทว่าหลินเยวียนไม่ได้รีบร้อน เขาจึงไม่ได้ใช้วิธีเร่งความเร็วพิเศษใดๆ
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป
เย็นวันหนึ่งหลังเลิกงาน
หลินเยวียนกลับบ้าน และใช้บัญชีของอี้อันส่งบทซีรีส์เรื่องโคมวิเศษ ไปให้เหมียวเฟิงในแผนกซีรีส์ของสตาร์ไลท์
ใช่แล้ว
หลินเยวียนตั้งชื่อเรื่องว่า ‘โคมวิเศษ’
ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ถือกำเนิดมากจากซีรีส์เทพปกรณัมยอดนิยมของซีซีทีวีในแดนมังกร ดังนั้นหลินเยวียนจึงไม่ได้เปลี่ยนเป็นชื่ออื่นที่แปลกๆ
ในบล็อก
เหมียวเฟิงซึ่งได้รับบทละครเอ่ยด้วยความประหลาดใจ
‘อาจารย์อี้อันเขียนจบเร็วขนาดนี้เลยเหรอครับ (อิโมจิตกใจ)’
‘เรื่องราวนี้เขียนไว้ล่วงหน้าแล้ว พวกคุณส่งคำเชิญมาพอดี’
‘อย่างนี้นี่เอง แต่ผมคิดว่าคุณจะเขียนนิยายเสียอีกครับ ไม่นึกเลยว่าจะส่งบทละครมาโดยตรง…’
‘เคยมีประสบการณ์ด้านนี้อยู่แล้ว’
หลินเยวียนตอบกลับอย่างคล่องแคล่ว นี่เป็นคำแก้ตัวที่เขาเตรียมไว้ล่วงหน้า
ไม่ว่าอย่างไร อีกฝ่ายก็ไม่สามารถสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับอี้อันได้ เขาจึงพูดอะไรก็ได้ตามใจชอบ
ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่ได้พูดจาเหลวไหลเสียทีเดียว
ประสบการณ์ในการเขียนบทของหลินเยวียนนั้นเรียกได้ว่ามีอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะทั้งอิ่งจือ ฉู่ขวง รวมไปถึงอี้อันต่างเขียนบทได้อยู่แล้ว
ดูท่าทางอี้อันคนนี้อาจจะเป็นคนในวงการเหมือนกัน!
เหมียวเฟิงครุ่นคิด ก่อนจะลองถามอย่างระมัดระวัง ‘งั้นเราทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ดีไหมครับ?’
หลินเยวียนตอบกลับ ‘ติดต่อผ่านข้อความส่วนตัวในบล็อกก็ได้ ยังไงเราก็เป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว’
อีกฝ่ายทำได้เพียงยอมจำนน และเดาว่าอี้อันคงเป็นคนที่ไม่ชอบถูกรบกวน
จะว่าไปแล้ว
คนภายนอกยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอี้อันเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง แต่เรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับสิ่งที่สตาร์ไลท์ต้องการ เหมียวเฟิงจึงไม่กล้าถามออกไปตามตรง
……
หลินเยวียนกดปิดบล็อก
เขาลงมาข้างล่างเพื่อกินอาหารเย็น
หลินเซวียนมองไปยังที่น้องชายแล้วถามว่า ‘ต้าเหยาเหยาล่ะ?’
หลินเยวียนขี้เกียจที่จะขึ้นไปเรียก จึงหันไปส่งสัญญาณทางสายตาให้หนานจี๋
หนานจี๋เข้าใจทันที วิ่งขึ้นไปข้างบนอย่างรวดเร็วเพื่อเรียกเหยาเหยาลงมากินข้าว
แม่ขมวดคิ้ว
“ช่วงนี้เด็กคนนี้ชอบเก็บตัวอยู่ในห้องตลอด ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่”
“เพิ่งเรียนจบเอง เล่นอยู่บ้านสักสองสามเดือนก็ไม่เป็นไรหรอก”
หลินเซวียนพูดพร้อมกับหัวเราะ
หลังจากที่หลินเหยาเรียนจบ ก็ยังไม่ได้ออกไปหางานทำ แต่ครอบครัวก็ไม่ได้เร่งรัดอะไร เพราะอย่างไรเสีย เธอก็ไม่จำเป็นต้องออกไปทำงานหาเงินจุนเจือครอบครัวก็ยังได้
ไม่นาน
น้องสาวก็ถูกหนานจี๋เรียกลงมา
หลินเซวียนเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ทำอะไรอยู่ข้างบนน่ะ”
หลินเหยาตอบ “เรียนอยู่”
แม่สงสัย “ลูกเรียนจบแล้วไม่ใช่หรือ?”
เหยาเหยาพูดอย่างจริงจัง “การเรียนไม่มีที่สิ้นสุด”
เมื่อเห็นสีหน้าประหลาดใจของคนในครอบครัว เหยาเหยาจึงอธิบายว่า “ช่วงนี้หนูจ่ายเงินลงเรียนคอร์สออนไลน์ กำลังเรียนตัดต่อวิดีโออยู่”
“ตัดต่อวิดีโอ?”
พี่สาวเข้าใจทันที “ถึงว่าทำไมวันนั้นถึงให้พี่ซื้อกล้องถ่ายรูปให้ เธออยากจะถ่ายวิดีโอสั้นหรืออะไรทำนองนี้ใช่ไหม?”
ไม่กี่วันก่อน
เหยาเหยาได้ขอให้พี่สาวซื้อกล้องถ่ายรูปให้
พี่สาวช่วยซื้อให้ แต่ก็ไม่รู้ว่าน้องสาวจะเอาไปทำอะไร
“อื้ม”
เหยาเหยาเอ่ย “พวกนี้นี้นับว่าเกี่ยวกับสาขาที่หนูเรียนมาน่ะ ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องการจัดองค์ประกอบศิลป์ แต่ก็ยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องค่อยๆ เรียนรู้ ความรู้ในเรื่องนี้ค่อนข้างลึกซึ้งทีเดียว”
“สุดยอดเลย!”
พี่สาวมีท่าทีสนอกสนใจ “วันไหนช่วยถ่ายวิดีโอให้พี่บ้างนะ ถ่ายให้สวย ๆ เลย หน้าตาแบบพี่ ไม่แน่อาจจะกลายเป็นเน็ตไอดอลก็ได้นะ!”
“ได้เลย”
หลินเหยาพยักหน้า
แม่ถามด้วยความสงสัย “ที่ลูกจะทำนี่ มันคล้ายกับคลิปสั้น ที่แม่ชอบดูบ่อยๆ หรือเปล่า?”
“ครับ”
หลินเยวียนรับบทซีรีส์มา ถึงแม้บทนี้จะเป็นสิ่งที่เขาเขียนด้วยตัวเอง เขาไม่จำเป็นต้องอ่านทวนอีกครั้ง และก็ไม่คิดจะอ่านมันอีกก็ตาม
“เรื่องนี้ต้องไหว้วานตัวแทนหลินจริงๆ แล้วละครับ!”
ติงเซียวซึ่งอยู่ด้านข้าง ดูเหมือนจะยังคงตื่นเต้นอยู่บ้าง “ผมทำซีรีส์มาตั้งนาน จนกระทั่งหยางเสี่ยวฝานและฉินเทียนเกอโด่งดังเป็นพลุแตก ถึงได้เข้าใจจริงๆ ว่าคนดูชอบดูอะไร พวกเขาชอบเรื่องที่บีบคั้นหัวใจ พวกเราในฐานะผู้ผลิตไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการรับมือของพวกเขา ยิ่งกระตุ้นพวกเขาอย่างรุนแรง พวกเขาก็ยิ่งตอบรับอย่างรุนแรง และบทของอาจารย์อี้อันก็เข้าใจจุดนี้เป็นอย่างดี สิ่งที่ผมเสียดายที่สุดในตอนนี้ก็คือผมไม่ได้ฆ่าหยางเสี่ยวฝานกับฉินเทียนเกอตายในตอนจบเรื่องที่แล้ว ถ้าทำแบบนั้นได้ ซีรีส์เรื่องนั้นคงกลายเป็นผลงานชิ้นเอกไปแล้ว น่าเสียดายมาก น่าเสียดายจริงๆ !”
หลินเยวียน “…”
แบบนี้ควรเรียกว่ายอดคนมักคิดคล้ายกันหรือเปล่านะ
ไม่สิ
เมื่อเห็นท่าทางของติงเซียวซึ่งกำลังตีอกชกหัวด้วยความเสียดาย หลินเยวียนก็พลันรู้สึกหนาวเยือกขึ้นมาในใจอย่างบอกไม่ถูก
เขาไปมีความแค้นอะไรกับผู้ชมถึงขนาดนี้กัน?
นี่แหละปีศาจตัวจริงเสียงจริง!
เห็นได้ชัดว่าติงเซียวธาตุไฟเข้าแทรกจนเสียสติไปแล้ว และกำลังก้าวย่างอยู่บนเส้นทางอันวิปลาส!
ดูเหมือนกับว่าหยางเสี่ยวฝานและฉินเทียนเกอ ได้เปิดประตูบานใหม่ในชีวิตของเขา?
ไม่รู้ว่านี่เป็นเรื่องดีหรือร้ายกันแน่
แต่ถึงกระนั้น หลินเยวียนก็รู้สึกวางใจที่ผู้กำกับแบบนี้จะมากำกับเรื่องโคมวิเศษ
จ้าวเจวี๋ยซึ่งอยู่ด้านข้างถึงกับจนคำพูด
เธอไม่รู้ว่าเรื่องราวของโคมวิเศษเป็นอย่างไร เพราะงานยุ่งจนไม่มีเวลาดู และแม้ว่าจะดูไปแล้วก็อาจไม่ได้มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเหมือนกับผู้เชี่ยวชาญ
ในฐานะหัวหน้า เธอจึงไม่ก้าวก่ายกับเรื่องในสายงานเฉพาะทาง เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดจากผู้ที่ไม่เชี่ยวชาญมาสั่งการผู้เชี่ยวชาญ
ติงเซียวต้องเข้าใจเรื่องนี้มากกว่าเธออย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม เธอสังเกตอะไรบางอย่างได้จากปฏิกิริยาของติงเซียว
วันนี้ตอนเช้ามาที่บริษัท เธอเห็นติงเซียวรออยู่ในห้องทำงานของเธอ
ตอนนั้นเขาดูย่ำแย่กว่าตอนนี้เสียอีก มือถือสคริปต์แน่น สีหน้าแลดู ราวกับกำลังบ้าคลั่ง ทั้งยังพึมพำคำพูดบางอย่างขณะกัดฟันกรอด
“เสียใจซะ!”
“สั่นสะท้านซะ!”
“ทุกคนต้องตาย!”
ตอนนั้นจ้าวเจวี๋ยก็รู้แล้ว ว่าติงเซียวบ้าคลั่งไปแล้ว
คงเป็นบทที่บ้าคลั่งสุดๆ แน่ๆ อาจจะบ้าคลั่งยิ่งกว่าหยางเสี่ยวฝานและฉินเทียนเกอเสียอีก
แต่ไม่ใช่เรื่องร้าย
สิ่งที่ผู้ชมต้องทนรับนั้นไม่ได้อยู่ในขอบเขตที่จ้าวเจวี๋ยต้องพิจารณา
ขอแค่ซีรีส์เรื่องนี้จะดังก็พอ
ก่อนหน้านี้หยางเสี่ยวฝานและฉินเทียนเกอออกอากาศ ผู้ชมก่นด่ากันไปตั้งเท่าไหร่
แต่จ้าวเจวี๋ยกลับดูแล้วสนุกสุดๆ!
เพราะมันหมายถึงซีรีส์ของบริษัทดังไงล่ะ!
เมื่อถึงโคมวิเศษออกอากาศ จ้าวเจวี๋ยก็วางแผนที่จะดูอย่างตั้งใจ
ยิ่งปฏิกิริยาผู้ชมรุนแรงมากเท่าไร จ้าวเจวี๋ยก็ยิ่งดีใจ!
บทละครที่ทำให้ติงเซียวเสียสติได้นั้น แค่นึกถึงก็รู้สึกตื่นเต้นแล้ว!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอน 837-839 ไม่มีข้อความเลยครับ...