สรุปตอน ตอนที่ 820-2 มองคนขาดจริงๆ (2) – จากเรื่อง Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน โดย Internet
ตอน ตอนที่ 820-2 มองคนขาดจริงๆ (2) ของนิยายการเงินเรื่องดัง Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ตอนที่ 820-2 มองคนขาดจริงๆ (2)
ในที่สุด
ชุ่นเฉ่าซินก็ทำลายความเงียบภายในห้อง
เขาปิดการ์ตูนเรื่องเซนต์เซย่าอย่างอ้อยอิ่ง และหันไปถามถังอี๋
“การ์ตูนที่คุณอ่านอยู่เป็นยังไงบ้าง”
“ผลงานระดับเทพ!”
ถังอี๋กำลังอ่านสาวน้อยเวทมนตร์มาโดกะซ้ำอีกครั้ง แม้ว่านี่จะเป็นการอ่านรอบที่สอง แต่เธอก็ยังรู้สึกวางไม่ลง น้ำเสียงของเธอจึงเปี่ยมไปด้วยความประหลาดใจ และประเมินว่าเป็นผลงานระดับเทพในทันที!
ทุกคนเงยหน้าขึ้นมองเธอ
เธอยิ้มอย่างจริงใจ พลางเอ่ยว่า “พวกคุณก็รู้ว่าตัวเอกในการ์ตูนของฉันทั้งหมดเป็นผู้หญิง แต่การที่การ์ตูนที่มีผู้หญิงเป็นตัวเอกจะไปถึงระดับสูงนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่การ์ตูนในมือของฉันเรื่องนี้กลับทำให้ฉันเห็นถึงคุณภาพที่มีเพียงการ์ตูนระดับท็อปเท่านั้นจะมีได้ อิ่งจือสมแล้วที่เป็นเทพแห่งวงการการ์ตูน จินตนาการของเขาสุดยอดจนชวนขนลุกเลยละ ว่ากันว่าเขาเป็นนักเขียนการ์ตูนผู้ชาย แต่กลับเขียนการ์ตูนที่มีผู้หญิงเป็นตัวเอกได้อย่างคล่องมือ แถมในการ์ตูนเรื่องนี้ยังถ่ายทอดตัวละครหญิงออกมาหลายตัว และการออกแบบเรื่องราวก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นหักมุม สมกับเป็นผลงานระดับเทพ!”
“เป็นอย่างที่คิดจริงด้วยๆ ”
ชุ่นเฉ่าซินกล่าวกลั้วหัวเราะ
“การ์ตูนเรื่องเซนต์เซย่าในมือผมก็เหมือนกัน เดินตามเส้นทางการ์ตูนสายหลัก จินตนาการโดนใจผมเลย หลังจากที่อ่านจบ ความคิดเดียวในหัวผมก็คือ ทำไมผมถึงเขียนการ์ตูนแบบนี้ออกมาไม่ได้
“พวกคุณพูดจริงเหรอ?”
หลางเกอมองการ์ตูนเรื่องเทพมรณะในมือตัวเองด้วยสีหน้าแปลกๆ “ผมรู้สึกว่าการ์ตูนที่ผมถืออยู่นี่ก็เป็นผลงานระดับเทพเหมือนกัน แล้วพวกคุณล่ะ…”
“สมบูรณ์แบบ”
หลงหวังยกเรื่องกันดั้มขึ้นมา
“พูดตรงๆ เลยนะ การ์ตูนเรื่องนี้ออกมาเมื่อไหร่ ผมจะตามกระแสทันที”
สุดท้ายทุกคนมองไปยังขวงเจี้ยน
ขวงเจี้ยนไม่ได้สนใจใคร ยังคงจ้องมองการ์ตูนฮันเตอร์xฮันเตอร์อย่างไม่ละสายตา ท่าทางที่ลุ่มหลงของเขาบ่งบอกทุกอย่างอย่างชัดเจน
“เฮ้อ!”
ถังอี๋ถอนหายใจและพูดว่า
“หานจี้เหม่ยประกาศศักดาต่อหน้าพวกเราได้งดงามจริงๆ ”
ชุ่นเฉ่าซินสงสัย
“ประกาศศักดา?”
หลางเกอเบ้ปาก “หมายถึง หานจี้เหม่ยตั้งใจเรียกพวกเรามาที่นี่เพื่ออ่ารการ์ตูนใหม่ของเทพอิ่ง ส่วนสาเหตุน่ะหรือ พวกคุณคิดว่าถ้าการ์ตูนเหล่านี้เผยแพร่ออกไป ปู้ลั่วจะยังมีสิทธิ์มาแย่งชิงปริมาณการเข้าชมกับเหลียนเหมิงอยู่อีกไหม?”
“ใช่”
หลงหวังซึ่งยืนอยู่ด้านข้างวิเคราะห์ต่อ “หานจี้เหม่ยน่าจะต้องการใช้เรื่องการ์ตูนใหม่ของอิ่งจือเพื่อให้พวกเรารู้ว่า ปู้ลั่วจบเห่แล้ว การเข้าร่วมกับเหลียนเหมิงน่าจะเป็นหนทางที่มีอนาคตที่สุดสำหรับเรา เพราะเหลียนเหมิงมีอิ่งจือ ตอนนี้ในวงการการ์ตูน ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ไหน ฝ่ายมีอิ่งจือถึงจะเป็นใหญ่ในใต้หล้า”
“ความคิดก็ดีนะ แต่เสียดายที่มันใช้กับผมไม่ได้”
ไป่หลี่สูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะพูดว่า “เงื่อนไขของจากปู้ลั่วการ์ตูนเงินหนากว่าเยอะ มากพอที่จะเลี้ยงดูผมได้สบาย ๆ แล้ว”
“พวกคุณเข้าใจฉันผิดแล้ว”
ไม่รู้ว่าประตูถูกเปิดตั้งแต่เมื่อไหร่ ทว่าหานจี้เหม่ยปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
เธอมองไปที่ทุกคน มุมปากยกยิ้มบาง ราวกับว่าได้เห็นสิ่งที่ตัวเองอยากเห็นจากสีหน้าของเหล่านักเขียนการ์ตูนจากปู้ลั่ว “ที่ฉันเชิญทุกคนมาวันนี้ ไม่ใช่เพื่อประกาศศักดา แต่เพื่อให้ทุกคนได้เห็นถึงความจริงใจของเหลียนเหมิง”
“ความจริงใจอยู่ตรงไหน”
ถังอี๋เผลอหลุดปากออกมาตามสัญชาตญาณ
หานจี้เหม่ยหันไปมองการ์ตูนในมือของแต่ละคน “พวกคุณยังไม่สังเกตเห็นอีกหรือ ว่าการ์ตูนในมือของแต่ละคนล้วนมีสไตล์ที่สอดคล้องกับผลงานของพวกคุณ”
“ฉันเห็นแค่การแข่งขันในการ์ตูนหมวดเดียวกัน”
ถังอี๋เอ่ยด้วยสีหน้าจนใจ “สาวน้อยเวทมนตร์มาโดกะเปิดตัวเมื่อไหร่ การ์ตูนของฉันต้องได้รับผลกระทบแน่ๆ ”
คนอื่นพลอยพยักหน้าเห็นด้วย
ผลงานของพวกเขาจะต้องได้รับผลกระทบจากอิ่งจืออย่างแน่นอน
ถ้าเปรียบเทียบผลงานในแนวเดียวกันละก็ ทุกคนจะต้องถูกอิ่งจือแซงหน้าไปหมด
ดูเหมือนว่าทุกคนจะมองรูปการณ์ออกอย่างทะลุประโปร่ง
หานจี้เหม่ยเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ไม่อ้อมค้อมอีกต่อไป “เหลียนเหมิงไม่ได้มีเงินมากเท่าปู้ลั่ว แต่ถ้าฉันบอกว่า อิ่งจือพร้อมจะให้พวกคุณเป็นคนวาดการ์ตูนพวกนี้แทนล่ะ เขาจะให้ไอเดียหรือแม้แต่พล็อตและสตอรีบอร์ดกับพวกคุณ โดยที่เงื่อนไขคือพวกคุณยอมเข้าร่วมกับเหลียนเหมิง รายได้ก็จะแบ่งโดยอ้างอิงจากสัญญาที่พวกคุณเคยทำไว้”
เมื่อเสียงของหานจี้เหม่ยจบลง
ในชั่วพริบตา ห้องนี้ก็กลับเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง!
ดวงตาของเหล่านักเขียนการ์ตูนจากปู้ลั่วล้วนเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง!
บ้าเอ๊ย…
ใจเริ่มหวั่นไหวจนรู้สึกอับอาย…
ถังอี๋ก้มหน้าลงด้วยความกระดากใจ สีหน้ากระอักกระอ่วน ทว่าในใจของเธอกลับมีเสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ราวกับเป็นเสียงเพรียกจากปีศาจที่ทำให้เธอว้าวุ่น
ตอบตกลงสิ!
ตอบตกลงสิ!
ตอบตกลงสิ!
“ตกลง!” ทันใดนั้นก็มีคนพูดออกมา
ถังอี๋เงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว เธอคิดว่าตัวเองเผลอพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกไป แต่แล้วเธอกลับพบว่าสายตาของทุกคนกำลังมองไปยังขวงเจี้ยน!
“ผมจะเข้าร่วมกับเหลียนเหมิง!”
ขวงเจี้ยนลุกขึ้นยืน มือกำการ์ตูนไว้แน่น “ตราบใดที่ให้ผมวาดการ์ตูนเรื่องนี้ ผมจะยอมทำงานให้กับเหลียนเหมิง!”
“งั้นก็ขออวยพรล่วงหน้าให้การร่วมงานของพวกเราราบรื่น”
หานจี้เหม่ยคลี่ยิ้ม ก่อนจะหันไปมองอีกห้าคน
ทั้งห้าคนมีสีหน้าประหลาดใจ
“งั้นเดี๋ยวฉันจะไปถามอาจารย์อิ่งจือ”
หานจี้เหม่ยยิ้มเล็กน้อย จากนั้นเธอก็มองไปยังถังอี๋ เหลือแค่เธอคนเดียวแล้ว
ถังอี๋ “…”
จู่ๆ เธอก็รู้สึกว่าตนเองไม่เข้าพวกคนอื่นๆ รอบตัวเลย
เธอเพิ่งได้เห็นกับตาว่าเหล่านักเขียนการ์ตูนชั้นนำของปู้ลั่วหักหลังต้นสังกัดต่อหน้าต่อตา ฉันจะไม่โดนเก็บใช่ไหมเนี่ย?
พวกนี้แปรพักตร์กันไวเกินไปแล้ว!
เมื่อกี้ยังพากันตบอกบอกว่าจะไม่เข้าร่วมเหลียนเหมิงอยู่เลย!
คำพูดเหล่านั้นช่างไร้สาระสิ้นดี
ก่อนหน้านี้ยิ่งใครตะโกนเสียงดังเท่าไหร่ ยิ่งเปลี่ยนใจเร็วขึ้นเท่านั้น!
โดยเฉพาะขวงเจี้ยน หมอนั่นวางท่าเก่งเป็นที่หนึ่ง แต่กลับเป็นคนที่ยอมคุกเข่าเร็วที่สุด! “ฉันไม่ตกลง!” ถังอี๋ตะโกนเสียงดัง “ฉันเป็นตงฉินที่ภักดีต่อปู้ลั่ว!”
สีหน้าของหานจี้เหม่ยยังคงไม่เปลี่ยนแปลง “น้องถังคิดว่าสาวน้อยเวทมนตร์มาโดกะสั้นเกินไปหรือ?”
ในบรรดาการ์ตูนที่อิ่งจือหยิบออกมา เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สั้นที่สุด
หากต้องการดึงดูดนักวาดการ์ตูนกลุ่มนี้ การ์ตูนเรื่องยาวน่าจะได้ผลดีที่สุด
ถังอี๋หลบสายตาเล็กน้อย “หัวหน้าหานมองฉันผิดแล้ว ฉันไม่ใช่คนแบบนั้นสักหน่อย!”
หานจี้เหม่ยยิ้มบาง “อาจารย์อิ่งจือบอกว่า เรื่องที่สั้นที่สุดนี้ ถ้าจบแล้ว เขาสามารถหยิบอีกเรื่องมาให้ได้ คุณภาพรับประกันด้วยชื่อของอิ่งจือ…”
“มองคนขาดจริงๆ !”
ทันใดนั้นถังอี๋ก็คลี่ยิ้มกว้าง “หัวหน้าหานวางใจได้เลย ตั้งแต่นี้ต่อไปฉันจะเป็นตงฉินที่ภักดีต่อเหลียนเหมิง!”
ทุกคน “…”
เธอนี่แหละไม่มีศีลธรรมที่สุด!
ยังจะมาบอกว่าไม่ใช่คนแบบนั้นอีก?
“ดี”
แผนการโน้มน้าวทั้งหมดสำเร็จ!
การแทงข้างหลังมาแล้ว หลิงคง!
หานจี้เหม่ยข่มกลั้นความดีใจไว้ ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า
“ข้างนอกเตรียมอาหารไว้แล้ว ฉันเลี้ยงเอง รายละเอียดเราค่อยคุยกันตอนกินข้าว”
“ขอบคุณ”
บรรยากาศกลายเป็นความรักใคร่กลมเกลียวขึ้นมาทันตาเห็น ทุกคนทานอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย
————————
ปล. เนื้อหามีจำกัด ผลงานคลาสสิกอื่นๆ จะปรากฏในภายหลัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอน 837-839 ไม่มีข้อความเลยครับ...