ตอนที่ 823 ยอดเพลงสไตล์จีน (1)
พิสูจน์ให้เห็นว่า ซุนเย่าหั่วทำได้จริง!
หลายวันต่อมา เพลงเครื่องลายครามก็บันทึกเสียงสำเร็จ
ด้วยไอเทมจากระบบ ความสามารถในการควบคุมเพลงของซุนเย่าหั่ว ทำให้เขาถ่ายทอดเพลงนี้ออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
น่าเสียดาย
เมื่อหลินเยวียนเริ่มลิ้มลองความหอมหวานและอยากจะซื้อไอเทมซึ่งช่วยพัฒนาทักษะการร้องเพลงอีกครั้ง ระบบกลับไม่ขายให้แล้ว!
เพิ่มเงินก็ยังไม่ได้
หลินเยวียนสงสัยว่าบางทีอาจเป็นเพราะตนให้เงินไม่มากพอ แต่เขาให้มากกว่านี้ไม่ไหวแล้ว จึงทำได้เพียงต้องยอมแพ้ไปตามนั้น
และไม่นานหลังจากที่บันทึกเสียงเพลงเสร็จ
ภายในห้องทำงานของหลินเยวียน ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะ เก้าอี้ รวมถึงตู้ต่างๆ ซึ่งทำจากไม้ล้วนถูกเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด
ซุนเย่าหั่วได้จ้างคนมาสั่งทำเฟอร์นิเจอร์เหล่านี้เป็นพิเศษ
ว่ากันว่าเป็นของที่หายากมาก
หลินเยวียนเองก็อธิบายไม่ถูกว่าสิ่งเหล่านี้ดีขนาดไหน แต่เขารู้สึกว่าโต๊ะ เก้าอี้ และตู้ดูสวยงามขึ้น การใช้งานก็ดีขึ้นมาก
ส่วนกู้ตงนั้นเข้าใจเรื่องเฟอร์นิเจอร์เหล่านี้ดี
เธออธิบายให้หลินเยวียนฟังด้วยความตื่นเต้นว่าเฟอร์นิเจอร์ใหม่เหล่านี้ทำจากไม้ชั้นดีประเภทไหน ไม่เพียงเป็นไม้หายาก แต่ในด้านงานฝีมือการผลิตก็ถือว่าเป็นผลงานศิลปะระดับปรมาจารย์ทีเดียว
หลินเยวียนยังคงไม่มีแนวคิดอะไรมากนัก
จนกระทั่งวันหนึ่งประธานกรรมการเดินผ่านมา มองไปที่ห้องทำงานของหลินเยวียนด้วยแววตาเป็นประกาย ถึงขั้นอดไม่ไหวต้องยื่นมือไปลูบตู้ซึ่งขนาดพอดีกับห้อง แถมยังใหญ่กว่าของเดิม หลินเยวียนถึงได้รู้ว่าสิ่งนี้อาจมีมูลค่าจริงๆ
และไม่นานหลังจากที่ประธานกรรมการออกไป
ห้องทำงานของหลินเยวียนก็กลับคึกคักขึ้นอย่างไร้สาเหตุ ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทหลายคนต่างก็อ้างเหตุผลต่างๆ นานาเพื่อมาเดินเล่นแถวนี้ สายตาก็มักจะจ้องมองที่โต๊ะ เก้าอี้ และตู้ไปมา
ยังไม่วายมีคนที่ลูบคลำโต๊ะตู้เลียนแบบประธานกรรมการด้วยเช่นกัน
“ตัวแทนหลิน ห้องทำงานของคุณตอนนี้เป็นห้องที่หรูหราที่สุดในบริษัทแล้ว ถ้ามีใครเข้ามาแล้วแอบหยิบอะไรติดมือไปสักอย่าง ย่อมสามารถทำเงินก้อนโตได้อย่างง่ายดาย ยังไม่ต้องพูดถึงเครื่องเครื่องลายครามที่ประธานมอบให้ครั้งก่อน ต่อให้จะหยิบใบชา หรือยกเก้าอี้ไป ก็ยังสามารถทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำเลยละค่ะ”
กู้ตงแอบหัวเราะหลังพูดจบ
หลินเยวียนคาดว่านี่คงเป็นเหตุผลที่ทุกคนมาเยี่ยมห้องทำงานของเขา
เป็นเพียงเรื่องราวเล็กๆ ในชีวิตประจำวัน
และวันหนึ่งหลังจากที่ผู้บริหารหลายคนเข้ามาเยี่ยมห้องทำงานของหลินเยวียน หยางจงหมิงและเจิ้งจิงก็มาเยือนเช่นกัน
ทันทีที่เข้ามาในห้อง
เจิ้งจิงก็ยิ้มแล้วพูดว่า “เสี่ยวอวี๋ ฉันได้ยินมาว่าช่วงนี้ห้องทำงานของคุณดังขึ้นมา?”
“ไม้หอมแก่นจันทน์”
หยางจงหมิงเคาะโต๊ะเบาๆ ก่อนจะพยักหน้า “ของดี”
“อิจฉาล่ะสิ?”
เจิ้งจิงหยอกล้อหยางจงหมิง
หยางจงหมิงไม่ได้สนใจเธอ แต่หันไปมองหลินเยวียน “เพลงเดือนพฤศจิกาอัดเสร็จแล้วหรือยัง”
หลินเยวียนพยักหน้า “ครับ”
หยางจงหมิงกล่าว “อีกสองวัน เราจะออกไปเจอคนๆ หนึ่ง”
“ได้ครับ”
หลินเยวียนไม่ได้คัดค้าน
เจิ้งจิงเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “เสี่ยวอวี่ ทำไมคุณไม่สงสัยหน่อยล่ะว่าเราจะไปเจอใคร”
“ลู่เซิ่ง”
หยางจงหมิงมองหลินเยวียนอย่างประหลาดใจ ส่วนเจิ้งจิงมีสีหน้างุนงง “คุณรู้ได้ยังไง”
หลินเยวียนตอบ “เพราะพวกคุณอยากช่วยผม”
หลินเยวียนยิ้มและรู้สึกอบอุ่นในใจ
ผู้ใหญ่ทั้งสองดูแลเขามาตลอด เมื่อได้รับคำเชิญกะทันหันเช่นนี้ จะต้องเกี่ยวกับตารางจัดอันดับของเดือนหน้า และคนที่เกี่ยวข้องมากที่สุดก็คือลู่เซิ่งคู่แข่งที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาในปีนี้อย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นลู่เซิ่งยังมีความสัมพันธ์พิเศษกับหยางจงหมิงอยู่ แม้หลินเยวียนจะไม่รู้รายละเอียดที่แน่ชัด แต่ก็มั่นใจว่าจุดประสงค์ของทั้งสองคือเพื่อให้เขาคว้าตั๋วเข้าร่วมมหาสงครามเทพเซียนได้อย่างมั่นคง
……
หลินเยวียนเดาไม่ผิด
หยางจงหมิงและเจิ้งจิงจะพาเขาไปพบกับลู่เซิ่ง
ในวันสุดท้ายของเดือนตุลาคม
ที่ด้านนอกบริษัท
ในสโมสรแห่งหนึ่ง
หลินเยวียนได้พบกับลู่เซิ่ง
ลู่เซิ่งแลดูหนุ่มมาก เขาน่าจะเป็นคนที่ใส่ใจและดูแลตัวเอง การแต่งตัวประณีต แถมยังใส่ใจภาพลักษณ์ของตัวเองอยู่เสมอ แม้แต่ผมยังหวีเรียบร้อยไร้ที่ติ
“อาจารย์เซี่ยนอวี๋”
ลู่เซิ่งคลี่ยิ้ม เอ่ยด้วยท่าทางสง่างาม
หลินเยวียนมองผู้ชายตรงหน้าคนนี้ซึ่งเคยคว้าแชมป์สิบสองสมัย และถูกยกย่องว่าเป็นพ่อเพลงที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของบลูสตาร์ เขสตอบกลับอย่างสุภาพว่า “สวัสดีครับ อาจารย์ลู่เซิ่ง”
“ในเมื่อได้เจอกันแล้ว งั้นเรื่องที่เหลือให้ฉันพูดเอง”
เจิ้งจิงที่อยู่ข้างๆ เอ่ยขึ้นว่า “ลู่เซิ่ง คุณไม่ควรเลือกลงแข่งในเดือนพฤศจิกายน เพราะนั่นจะทำให้เสี่ยวอวี๋ต้องหยิบเพลงที่เตรียมไว้สำหรับมหาสงครามเทพเซียนออกมาออกมาก่อนกำหนด ถึงตอนนั้น ต่อให้เสี่ยวอวี๋ชนะคุณได้ ก็ยากที่จะไปแข่งกับจงโจวในช่วงปลายปี อย่าบอกฉันว่าคุณไม่รู้ว่าทางจงโจวจะโจมตีในช่วงปลายปี คนพวกนั้นมีวิธีการแบบไหน คุณน่าจะรู้ดี”
“วันนี้เป็นวันสุดท้ายของเดือนตุลาคม”
ลู่เซิ่งเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “พี่จิงหมายความว่า จะให้ผมประกาศถอนตัวจากการแข่งขันในเดือนพฤศจิกายนตอนนี้หรือ?”
เจิ้งจิงพยายามเกลี้ยกล่อม “ไม่มีใครบอกให้คุณหลีกทาง แค่ปล่อยเพลงอะไรก็ได้ออกมาในเดือนพฤศจิกายน เรื่องนี้สำหรับคุณไม่น่าจะเป็นเรื่องยากหรอกใช่ไหม?”
“พี่จงหมิงก็คิดแบบนี้ด้วยหรือ?”
ลู่เซิ่งหันไปมองหยางจงหมิง
หยางจงหมิงตอบ “ถือว่าเห็นแก่หน้าฉันสักครั้ง”
ลู่เซิ่งเลิกคิ้วขึ้น
หลินเยวียนที่ยืนอยู่ด้านข้างโดยไม่ได้พูดอะไร แต่จากบทสนทนาระหว่างทั้งสามคน เขากลับเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดได้อย่างชัดเจน
ลุงหยางและน้าเจิ้งคิดว่า ในเมื่อหลินเยวียนกล้าบุกคว้าแชมป์สิบสองเดือนสมัย หมายความว่าเขาน่าจะมีเพลงที่เป็นไพ่ตายอยู่ในมือ
และเพลงนี้ ไม่ว่าจะเป็นนักประพันธ์เพลงคนใด ก็มักเลือกปล่อยออกมาในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด
สำหรับหลินเยวียนตอนนี้ ช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดคงหนีไม่พ้นมหาสงครามเทพเซียนในช่วงปลายปีนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน