เข้าสู่ระบบผ่าน

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 839

ตอนที่ 839 อีเถิงเฉิงและซงเต่าอวี่

หลินเยวียนหดหู่ แต่เหล่าชาวเน็ตกลับสนุกสนานกันยกใหญ่ ต่างคนต่างเพลิดเพลินกับการโหวต

บล็อกครั้งนี้สร้างบรรยากาศเฮฮาได้ดีจริงๆ

‘ขิงแก่ยังไงก็เผ็ด!’

‘เจ้าแก่ฉู่ขวง นี่จำนวนมีดกระดาษของเขาเยอะสุดเลย!’

‘ฮ่าๆ !’

‘ตอนนี้เจ้าแก่ฉู่ขวงเพิ่งทะลุร้อยล้านเลยนะ!’

‘ดูเหมือนมีดของเจ้าแก่ฉู่ขวงคนนี้จะพุ่งขึ้นเร็วสุด!’

‘ถึงว่าอี้อันจะเก่งขนาดนี้ แต่ก็ยังสู้เจ้าแก่ฉู่ขวงไม่ได้!”

‘อี้อันแบบนี้ก็เป็นได้แค่เจ้าเด็กเท่านั้น เจ้าแก่ฉู่ขวงนั่นแหละถึงเรียกได้ว่าเป็นเจ้าแก่ตัวจริง!”

‘เซี่ยนอวี๋ติดโพลด้วย ขำจนท้องแข็ง น่าสงสารจริงๆ!’

‘ก็อิ่งจือยังติดโพล ถ้าไม่ใส่เซี่ยนอวี๋เข้าไป สามสหายจะไม่ครบได้นะ พวกเราก็อุตส่าห์พยายามขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องปากง สุนัขยอดกตัญญูน่ะเศร้าเกินกว่ารับได้จริงๆ !’

‘คนที่อยู่หลังๆ ก็สู้ๆ ละ พยายามแซงเจ้าแก่ฉู่ขวงให้ได้!’

‘น่าอายจริงๆ เลยนะ มีดที่อี้อัน อิ่งจือ และเซี่ยนอวี๋ได้รับรวมกันยังน้อยกว่าของฉู่ขวงซะอีก’

‘คุณยังจะเชียร์พวกเขาอีกเหรอ เรื่องแบบนี้ต้องมาแย่งที่หนึ่งกันด้วยหรือไง อีกอย่างในโลกนี้ยังมีใครที่สมควรได้อันดับหนึ่งมากกว่าฉู่ขวงอีก?’

หลินเยวียนเองก็อดใจไม่ไหว

หลังกลับเข้าห้องเขาก็อดไม่ได้ที่จะเปิดดูความคิดเห็นของชาวเน็ต แต่แล้วก็รู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นไปอีก

แย่งที่หนึ่งเหรอ?

พวกนี้ก็ฉันทั้งนั้นไม่ใช่หรือไง!

หลินเยวียนถอนหายใจเบาๆ

ก่อนจะกดโหวตมีดให้กับคนที่ได้อันดับที่ห้า

แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยรู้จักพี่ชายในอันดับที่ห้าสักเท่าไหร่ก็ตาม

จากนั้นเขาก็ไม่ได้คิดมากอะไรอีก

วันถัดมา หลินเยวียนเดินทางไปยังสตูดิโอเพื่อคุยกับจินมู่ เหตุผลหลักก็เพื่อถามเรื่องบางอย่าง

“นักวาดการ์ตูนจากทางปู้ลั่วมาหรือยังครับ?”

“ยังครับ”

จินมูอธิบาย “พวกเขายังมีการ์ตูนบางเรื่องที่ยังไม่จบ แล้วก็ยังมีเรื่องวุ่นวายอีกหลายอย่างที่ต้องจัดการอีกหน่อย เดี๋ยวอีกสักพักพวกเขาจะย้ายมาพร้อมกัน เมื่อถึงตอนนั้นให้เหล่านักวาดการ์ตูนชั้นนำของบล็อกประกาศเข้าร่วมกับเหลียนเหมิงพร้อมๆ กันแบบนี้ จะทำให้ดูยิ่งใหญ่กว่า และยังเป็นการตอกหน้าปู้ลั่วการ์ตูนได้แบบเต็มที่ ถ้าย้ายมาทีละคนจะดูขาดความน่าสนใจไปหน่อย”

“อื้ม”

หลินเยวียนพยักหน้า

เรื่องนี้เขาเข้าใจได้

จะว่าไปช่วงนี้เขาไม่ค่อยได้ตามเรื่องของหลิงคงเท่าไหร่ นึกไม่ถึงว่าหลิงคงตั้งใจใช้โคมวิเศษเป็นข้ออ้างในการหาเรื่อง

ตอนนี้ปัญหาเกี่ยวกับโคมวิเศษได้รับการสะสางแล้ว แต่หลินเยวียนไม่คิดจะปล่อยเรื่องนี้ผ่านไปง่ายๆ การดึงตัวนักเขียนการ์ตูนระดับแนวหน้าหลายคนจากปู้ลั่วคือของขวัญชิ้นที่สองที่เขาตั้งใจเตรียมไว้ให้กับหลิงคง

เมื่อถึงเวลานั้น ปู้ลั่วการ์ตูนคงได้จบเห่แน่

แย่ที่สุดก็ทำได้เพียงดิ้นรนเอาตัวรอด แต่ถึงอย่างไรก็จะถูกเหลียนเหมิงแซงหน้าไปอย่างแน่นอน

“พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ผมเพิ่งโหวตให้คุณไป!”

หลังคุยเรื่องนี้จบ จินมูก็หัวเราะเจ้าเล่ห์พลางเอ่ยว่า “โพลส่งมีดน่ะ ผมเลือกโหวตให้ฉู่ขวง ทุกคนโหวตกันอย่างกระตือรือร้นมาก ตอนนี้คะแนนของฉู่ขวงสูงกว่าผลรวมของอีกสามคนรวมกันเป็นสองเท่า ใครจะคิดว่าสี่อันดับแรกของการจัดอันดับนี้ นอกจากอี้อันแล้ว อีกสามคนเป็นคนเดียวกันหมด สุดยอดไปเลยครับ!”

หลินเยวียนพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ไปเลยน่า!”

อี้อันก็คือผมเหมือนกัน!

บล็อกนี่ก็ไม่มีอะไรทำ ต้องมาทำโพลส่งมีด

ทั้งที่เขาเองก็ยังเป็นผู้ถือหุ้นของบล็อกอยู่แท้ๆ แต่สิ่งที่พวกเขากลับจัดกิจกรรมโหวตแบบนี้มาตอบแทนเขาซะได้

……

หลังจากออกจากสตูดิโอ หลินเยวียนก็ไปยังบริษัท และได้พบกับกู้ซีอีกครั้ง

วันนี้กู้ซีมาส่งการบ้าน

ระยะนี้เธอฝึกฝนเพลงราตรีบรรเลงมาตลอด และตอนนี้ก็เล่นได้อย่างคล่องแคล่ว

หลินเยวียนจึงไม่พูดพร่ำทำเพลง และให้กู้ซีเล่นให้เขาฟังทีละเพลง เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีปัญหา เขาจึงเริ่มจัดเตรียมบันทึกเสียง

กระบวนการทั้งหมดก็ราบรื่นดี

สตาร์ไลท์มีผู้เชี่ยวชาญซึ่งรับผิดชอบในด้านการบันทึกเสียงโดยเฉพาะ และผลลัพธ์ของผลงานก็ทำให้หลินเยวียนรู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก

เขามั่นใจ

ว่าหากเป็นตัวเขาที่เล่นเอง ผลลัพธ์คงไม่สามารถเทียบได้กู้ซี เนื่องจากระดับความสามารถในการบรรเลงเปียโนของหลินเยวียนนั้นอยู่เพียงระดับมืออาชีพเท่านั้น ขณะที่กู้ซีนั้นมีฝีมือเกือบถึงระดับปรมาจารย์แล้ว

แล้วระดับปรมาจารย์นั้นหมายถึงอะไร?

ลองนึกถึงระดับทักษะด้านจิตรกรรมของหลินเยวียนว่าอยู่ในระดับไหนก็รู้แล้ว

“อาจารย์อีเถิง อาจารย์ซงเต่า!”

ทันทีที่ทั้งคู่เดินออกมา คนซึ่งเป็นหัวหน้าของกลุ่มคนซึ่งแต่งตัวเป็นทางการซึ่งรอรับอยู่ด้านหน้า ก็เอ่ยทักทายด้วยความตื่นเต้นทันที

“สวัสดีครับ/ค่ะ”

ชายและหญิงกล่าวทักทายทีละคน สองคนนี้คือพ่อเพลงจากจงโจวที่ถูกส่งมาเพื่อสกัดของหลินเยวียนในครั้งนี้

ฟืด~

อีเถิงเฉิงสูดอากาศเข้าเต็มปอด กล่าวอย่างซาบซึ้งว่า “นี่แหละ กลิ่นของบ้านเกิด”

“ทั้งสองท่านคงเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง”

ผู้ที่มารับยิ้มด้วยสีหน้าเปี่ยมด้วยความยินดี กล่าวอย่างกระตือรือร้นว่า “ทางบริษัทได้จัดเตรียมที่พักไว้ให้เรียบร้อยแล้ว และตามที่อาจารย์ทั้งสองท่านอีเถิงเฉิงต้องการ ที่พักอยู่ไม่ไกลจากที่ที่อาจารย์อีเถิงเคยอาศัยอยู่”

“ขอบคุณ”

อีเถิงเฉิงพยักหน้า รู้สึกสะท้อนใจเล็กน้อย

หลังจากที่จากบ้านเกิด เขาก็พาครอบครัวไปอยู่ที่จงโจวด้วยกัน

แต่ความรู้สึกผูกพันกับบ้านเกิดเมืองนอนนั้น ไม่ว่าอย่างไรก็ตัดไม่ขาด

การได้กลับมายังบ้านเกิดอีกครั้งทำให้เขารู้สึกสะท้อนใจอย่างบอกไม่ถูก

ไม่รู้ว่าตรงปลายถนนที่บ้านเก่า ต้นซากุระต้นนั้นจะผลิดอกแล้วหรือยัง?

ทันใดนั้น

สายตาของอีเถิงเฉิงเหม่อลอยไปเล็กน้อย รู้สึกเหมือนมีบางอย่างมาปลุกจิตวิญญาณของเขา ขณะที่ในห้วงสำนึกกลับพรั่งพรูท่วงทำนองออกมามากมาย จนเขาแทบไม่ได้ยินเสียงคนรอบข้างพูด

“เฉิงซาง?”

อีเถิงเฉิงจึงได้สติกลับมา และยิ้มพร้อมกล่าว “เมื่อกี้จู่ๆ ก็เกิดมีแรงบันดาลใจขึ้นมา ท่าทางจะต้องกลับไปแต่งเพลงให้บ้านเกิดเสียแล้วล่ะ”

“ดูท่าจะแรงบันดาลใจไม่ธรรมดาเลยนะ”

อาจารย์ซงเต่าอวี่มองเห็นประกายในแววตาตาของอีเถิงเฉิง

“อืม เดี๋ยวสักพักช่วยไปเดินดูรอบๆ กับฉันหน่อย บ้านเกิดของฉันยังคงงดงามเสมอ”

อีเถิงเฉิงยิ้ม แรงบันดาลใจซึ่งเกิดพุ่งขึ้นมาอย่างกะทันหันนี้ มีความหมายมากกว่าการกลับบ้านในครั้งนี้เสียอีก

แต่ถึงกระนั้น…

ก็ยังมีงานที่ต้องทำเช่นกัน

ไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มที่ชื่อเซี่ยนอวี๋คนนั้นเตรียมตัวพร้อมแล้วหรือยัง?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน